โรงพยาบาลชี้แจง ดูดเสมหะเด็ก 3 ขวบจนตาห้อเลือด ยันไม่มีการทำร้าย

โรงพยาบาลชี้แจง ดูดเสมหะเด็ก 3 ขวบจนตาห้อเลือด ยันไม่มีการทำร้าย

โรงพยาบาลชี้แจง ดูดเสมหะเด็ก 3 ขวบจนตาห้อเลือด ยันไม่มีการทำร้าย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

กรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้แชร์เรื่องราวอุทาหรณ์ โดยระบุว่า ได้พาลูกชายฝาแฝดไปโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่ง เนื่องจากเป็นไวรัสลงหลอดลมและกล่องเสียง โดยนักกายภาพได้ดูดเสมหะให้ลูกแฝดทั้งสอง ซึ่งตนไม่ได้เข้าไปด้วย เมื่อลูกออกมาถึงกับช็อก เพราะทั้งคู่ตาบวมช้ำ ห้อเลือด แก้มเป็นจ้ำๆ ร้องไห้หวาดผวาตลอดเวลา ทำให้เข้าใจแล้วว่าทำไมก่อนจะไปดูดเสมหะ ลูกถึงร้องไห้ ไปซ่อนตัวในซอกโซฟา

ซึ่งจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยังไม่มีคำชี้แจงจากทางโรงพยาบาลและทีมแพทย์ที่ดูแล ดังนั้นตนเองจึงตัดสินใจโพสต์เรื่องราวบนโซเชียล เพื่อให้เป็นอุทาหรณ์กับคุณแม่ที่กำลังจะพาลูกไปดูแลรักษาที่โรงพยาบาล โดยเฉพาะโรคที่ต้องใช้วิธีการดูดเสมหะ

ต่อมาในภายหลัง โรงพยาบาลได้ติดต่อกลับมาเพื่อแสดงความรับผิดชอบ โดยการมอบน้ำยาหยอดตาให้ และพร้อมที่จะตรวจสอบตาของน้องอย่างละเอียดอีกครั้ง ซึ่งขณะนี้ อาการของน้องเริ่มดีขึ้น โดยครอบครัวได้พาน้องไปตรวจที่คลินิกเอกชนใกล้บ้านเพื่อความสบายใจอีกครั้ง พบว่าดวงตาของน้องเริ่มกลับเข้าสู่สภาวะปกติ ไม่อยู่ในขั้นวิกฤต แต่ยังไม่หายทั้งหมด

ล่าสุดทางแฟนเพจเฟซบุ๊ก “โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน” ได้ออกแถลงการณ์ ชี้แจงกรณีดังกล่าวว่า ผู้ป่วยรายนี้ ได้รับการรักษาที่โรงพยาบาลเป็นกรณีฉุกเฉิน เนื่องจากติดเชื้อทางเดินหายใจ โดยทีมแพทย์รักษาด้วยการให้ยาปฏิชีวนะ พ่นยา และเคาะปอด เพื่อดูดเสมหะที่อุดกั้นในหลอดลม จนกระทั่งผู้ป่วยปลอดภัย จึงย้ายออกจากห้องไอซียู และในวันต่อมาผู้ป่วยกลับเข้ามารักษาอาการอีกครั้ง จนเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น

พร้อมระบุว่า สภาวะเลือดออกใต้เยื่อบุตาขาว สามารถเกิดจากการร้อง และการไอ ทำให้เส้นเลือดฝอยในเยื่อบุตาขาว ซึ่งดูจากภายนอกแล้วน่ากลัว เหมือนถูกทำร้าย แต่ไม่ได้เกิดจากความรุนแรงที่ศีรษะหรือนัยน์ตาแต่อย่างใด หลังพบว่า ผู้มีอาการดังกล่าว ทางทีมแพทย์เจ้าของไข้ได้มาตรวจประเมิน และให้คำแนะนำในการดูแลรักษา รวมถึงแนะนำให้ตรวจจักษุแพทย์เพิ่มเติมด้วย โดยยืนยันว่า ผู้บริหารโรงพยาบาลได้แก้ไขเหตุดังกล่าวตั้งแต่วันที่เกิดเหตุ ทั้งนี้ เมื่อวานที่ผ่านมา ครอบครัวของผู้ป่วยได้เข้าฟังคำชี้แจงกับทางผู้บริหารโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว พร้อมได้รับการตรวจจากจักษุแพทย์เพิ่มเติม

อย่างไรก็ตาม แม่เด็กเปิดเผยว่า หลังจากที่โรงพยาบาลติดต่อกลับมาก็ไม่ได้ติดใจอะไรแล้ว เพราะได้ทราบคำชี้แจงจากโรงพยาบาลและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ส่วนอาการของน้องต้องรักษาตามคำแนะนำของแพทย์ต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook