ทรัมป์ประกาศจะคว่ำบาตรจีน ฐานละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา

ทรัมป์ประกาศจะคว่ำบาตรจีน ฐานละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา

ทรัมป์ประกาศจะคว่ำบาตรจีน ฐานละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

รัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศจะคว่ำบาตรจีน ฐานละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา โดยจะมีมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนกว่า 100 ชนิด และจำกัดการลงทุนระหว่างกัน ทำให้เกิดความกังวลว่าสงครามการค้าระหว่างสองมหาอำนาจจะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น

ทำเนียบขาวประกาศว่า รัฐบาลของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะออกมาตรการคว่ำบาตรจีนภายในวันนี้ (22 มีนาคม) เพื่อตอบโต้ที่จีนละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาเอกชนอเมริกันมานานหลายปี ด้วยวิธีการออกกฎหมายบังคับให้บริษัทที่จะเข้าไปลงทุนในจีน ต้องร่วมทุนกับบริษัทท้องถิ่น เพื่อบังคับให้เกิดการถ่ายทอดองค์ความรู้

รวมถึงยังมีหลักฐานที่พบว่าจีนตั้งใจเข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมที่เป็นยุทธศาสตร์สำคัญของสหรัฐฯ และสั่งการหรือส่งเสริมการโจมตีทางไซเบอร์ต่อสหรัฐฯ

ทำเนียบขาวยืนยันว่า รัฐบาลสองประเทศพยายามใช้วิธีเจรจาเพื่อแก้ปัญหาเรื้อรังนี้แล้ว แต่กลับล้มเหลว จึงจำเป็นต้องใช้มาตรการคว่ำบาตรอย่างจริงจัง ซึ่งหนึ่งในวิธีที่รัฐบาลสหรัฐฯ จะใช้ คือการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนกว่า 100 รายการ คิดเป็นมูลค่าระหว่าง 30,000-60,000 ล้านดอลลาร์ หรือ 900,000-1.8 ล้านล้านบาท

นอกจากนี้ มาตรการคว่ำบาตรยังรวมถึงการห้ามการลงทุนระหว่างกัน และสหรัฐฯ ยังอาจพิจารณานำประเด็นดังกล่าวฟ้องร้ององค์การการค้าโลก หรือ WTO ตามขึ้นตอนทางกฎหมายระหว่างประเทศอีกด้วย ซึ่งหากมีการดำเนินการเช่นนั้นจริง หลายฝ่ายกังวลว่าสงครามการค้าที่เริ่มขึ้นตั้งแต่นายทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีเหล็กและอลูมิเนียมเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา จะขยายวงกว้างและทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น

นายโรเบิร์ต ไลไธเซอร์ หัวหน้าคณะเจรจาการค้าของสหรัฐฯ กล่าวต่อที่ประชุมสภาคองเกรสว่า มาตรการดังกล่าวเป็นสิ่งที่จำเป็นที่สุดในการปรับดุลการค้าระหว่างประเทศ และต้องทำโดยให้ผลกระทบตกอยู่กับจีนมากที่สุด แต่เป็นภาระต่อผู้บริโภคชาวอเมริกันให้น้อยที่สุด

จีนยังไม่ได้ออกมาตอบโต้การประกาศคว่ำบาตรในครั้งนี้ แต่ก่อนหน้านี้นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน กล่าวในที่ประชุมสมัชชาประชาชนว่า สหรัฐฯ และจีนควรรักษาความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน และหวังว่าสหรัฐฯ จะยอมผ่อนคลายความเข้มงวดในด้านการส่งออกสินค้าเทคโนโลยีชั้นสูงมายังจีน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook