กลุ่มเสื้อน้ำเงินรวมตัวคอยต้านเสื้อแดงยึดสุวรรณภูมิ

กลุ่มเสื้อน้ำเงินรวมตัวคอยต้านเสื้อแดงยึดสุวรรณภูมิ

กลุ่มเสื้อน้ำเงินรวมตัวคอยต้านเสื้อแดงยึดสุวรรณภูมิ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

กลุ่มเสื้อน้ำเงินรวมตัว 300 คน ที่ลาดเอนกประสงค์อาคารซ่อมบำรุง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเตรียม ต้านเสื้อแดงไม่ให้ยึดสุวรรณภูมิ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สั่งเข้มงวดในการตรวจค้นผู้โดยสารและสัมภาระก่อนขึ้นเครื่อง เพื่อยกระดับมาตรฐานการรักษาความปลอดภัย


เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 26 มี.ค. ที่ลานเอนกประสงค์อาคารซ่อมบำรุง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้มีนายสำเริญ อดิษะ นายกสมาคมผู้ประกอบการรถตู้รับจ้างกรุงเทพและปริมณฑล พร้อมด้วยกลุ่มคนเสื้อน้ำเงิน มีขอความคำว่า "สงบ สันติ สามัคคี" อยู่ด้านหลังเสื้อ จำนวน 300 คน ส่วนใหญ่เป็นชายฉกรรจ์ ได้เดินทางโดยรถตู้มาจาก จ.ปทุมธานี จ.ชัยนาท จ.ลพบุรี จ.พระนครศรีอยุธยา จำนวน 300 คน มารวมตัวกันอย่างสงบ ภายในลานอเนกประสงค์ดังกล่าว เพื่อรอว่า หากกลุ่ม นปช.หรือกลุ่มคนเสื้อแดง บุกเข้ามายึดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กลุ่มคนดังกล่าวจะเข้าไปทำการสกัดกั้น ไม่ให้กลุ่มคนเสื้อแดงเข้ามายังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้

หลังจากกลุ่มคนเสื้อน้ำเงินเดินทางมาถึง มีการนำเต้นมาตั้ง จากนั้นได้ต่างแยกย้ายกันพักผ่อน บ้างก็นอนหลับ บ้างก็นั่งจับกลุ่มพูดคุยกัน ต่างอยู่กันอย่างสงบไม่มีการตั้งเวทีปราศรัยแต่อย่างใด

ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิตรวจเข้มผู้โดยสาร

ขณะที่นายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ได้เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจค้นผู้โดยสารและสัมภาระก่อนขึ้นเครื่อง เพื่อยกระดับมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยของ ทสภ. ให้สูงขึ้นเทียบเท่ากับมาตรฐานของท่าอากาศยานชั้นนำระดับโลก

โดยก่อนที่ผู้โดยสารจะเดินผ่านเครื่องตรวจจับโลหะแบบชนิดเดินผ่าน (Walk-Through Metal Detector) ผู้โดยสารจะต้องถอดเสื้อแจ็กเก็ต เข็มขัด และโลหะทุกชนิดใส่ภาชนะที่เจ้าหน้าที่เตรียมไว้ให้ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจโดยเฉพาะ และเมื่อผู้โดยสารผ่านเครื่อง Walk Through แล้ว หากยังมีสัญญาณดังอยู่เจ้าหน้าที่จะขอตรวจค้นตัวผู้โดยสารอีกครั้งหนึ่ง

นายเสรีรัตน์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาผู้โดยสารจำนวนมาก ได้ร้องเรียนถึงความไม่สะดวกในการตรวจค้นครั้งนี้ ผมขอเรียนให้ทราบว่าที่ ทสภ.ได้ดำเนินการมาตรการนี้ก็เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร รวมทั้ง Transportation Security Administration หรือ TSA ซึ่งเป็นหน่วยงานของสหรัฐอเมริกาที่ทำหน้าที่ตรวจสอบมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยของท่าอากาศยานทั่วโลก ได้ให้ข้อเสนอแนะว่า ทสภ. ควรเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจค้นร่างกายผู้โดยสาร โดยต้องมีการตรวจเช็คโลหะทุกชนิดที่ผู้โดยสารได้พกติดตัวมาด้วย เนื่องจากสิ่งของเหล่านี้มี ความเสี่ยงสูงต่อการซุกซ่อนหรือนำไปดัดแปลงให้เป็นวัตถุอันตราย อาทิ การซุกซ่อนมีดปลายแหลมไว้ใน หัวเข็มขัด เป็นต้น ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้โดยสารและอากาศยานได้

ดังนั้น ทสภ. จึงขอให้ผู้โดยสารวางวัตถุที่ทำด้วยโลหะ อาทิ เข็มขัด พวกกุญแจ โทรศัพท์มือถือ เครื่องประดับต่างๆ ใส่ลงในภาชนะที่เตรียมไว้ เพื่อให้ผ่านการตรวจสอบจากเครื่องเอ็กซเรย์ด้วย ดังนั้น ตนจึงขอความร่วมมือให้ผู้โดยสารทุกท่านปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าวด้วย และขออภัยหากทำให้ผู้โดยสารไม่ได้รับความสะดวกไปบ้าง

นายเสรีรัตน์ เปิดเผยอีกว่า มาตรการรักษาความปลอดภัยอีกเรื่องหนึ่งที่ ทสภ. เข้มงวด คือ การกำหนดการนำของเหลว เจล สเปรย์ หรือวัตถุ และสารอื่นๆ ซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกันขึ้นบนอากาศยานตามกฎขององค์กรการบินพลเรือนระหว่างประเทศ หรือ ICAO ซึ่งได้ใช้มาตั้งแต่ 1 มิถุนายน 2550 แต่ปรากฎว่า ปัจจุบันยังพบว่า ผู้โดยสารบางส่วนยังไม่ทราบรายละเอียดของมาตรการดังกล่าว ทำให้ต้องทิ้งของเหลวที่บริเวณจุดตรวจค้นผู้โดยสารและสัมภาระก่อนขึ้นเครื่องเป็นจำนวนมาก เฉลี่ยเดือนละเกือบ 30,000 กิโลกรัม หรือประมาณ 3 ตัน ตนจึงขอความร่วมมือให้ปฏิบัติตามมาตรการนี้

โดยหากผู้โดยสารต้องการนำของเหลว อาทิ เจล สเปรย์ ครีม น้ำหอม สบู่เหลว ยาสีฟัน ฯลฯ พกติดตัวขึ้นเครื่องบิน ของเหลว ดังกล่าวจะต้องอยู่ในภาชนะที่มีความจุไม่เกิน 100 มิลิลิตรเท่านั้น และต้องใส่ในถุงพลาสติกใสที่สามารถเปิด-ปิดได้ โดยใน 1 ถุง จะต้องบรรจุของเหลวได้ไม่เกิน 10 ชิ้น ซึ่งแต่ละคนสามารถนำขึ้นเครื่องบินได้เพียงคนละ 1 ถุงเท่านั้น หากผู้โดยสารมีของเหลวที่เกินปริมาณนี้ ขอให้นำบรรจุไว้ในกระเป๋าสัมภาระที่จะบรรทุกไปใต้ท้องเครื่องบินแทน

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook