ฮือไล่ตื้บจับสมภาร เสพ สีกา คากุฏิวัด
คำที่ถูกค้นบ่อย
    Sanook//s.isanook.com/sr/0/images/logo-new-sanook.png60060
    //s.isanook.com/ns/0/ud/117/588742/881.jpgฮือไล่ตื้บจับสมภาร เสพ สีกา คากุฏิวัด

    ฮือไล่ตื้บจับสมภาร เสพ สีกา คากุฏิวัด

    2009-03-29T10:07:20+07:00
    แชร์เรื่องนี้

    ชาวบ้านแห่บุกล้อมกุฏิเจ้าอาวาสวัดดัง อ.บ้านฉาง จ.ระยอง หลังได้ข่าวชอบพาสาวมาร่วมหลับนอน เจอจะจะขณะสาวเดินออกจากกุฏิตอนตี 4 เลยกักตัวไว้ซักถาม เจ้าตัวยอมรับเพิ่งมาร่วมหลับนอนกับเจ้าอาวาสหมาดๆ ชาวบ้านจึงฮือล้อมวัด ร้อนถึงกำนันต้องไปตามตร. กับเจ้าคณะตำบลมาช่วยเจรจา แต่เจ้าอาวาสก็ยังเก็บตัวเงียบ ก่อนตัดสินใจหนีออกประตูหลังไปขึ้นรถลูกศิษย์ที่จอดรอไว้ โดนรุมสกรัมไปหลายหมัด แต่หนีรอดไปได้ เจ้าคณะตำบลเตรียมเสนอเจ้าคณะจังหวัดปลดจากเจ้าอาวาส เจอตัวเมื่อไหร่สึกเมื่อนั้น

    เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 28 มี.ค. นายสมทรง แถวโชติ กำนันต.พลา อ.บ้านฉาง จ.ระยอง รับแจ้งจากชาวบ้านและเจ้าหน้าที่อปพร.ตำบลพลา อ.บ้านฉาง ว่า สามารถจับผิดพฤิตกรรมพระปลัดนพรัตน์ เจ้าอาวาสวัดพลา ซึ่งพาสีกามาเสพเมถุนในกุฏิเอาไว้ได้อย่างคาหนังคาเขา นายสมทรงจึงประสานด.ต.มงคล วิงวอน ตร.ประจำตู้ยามหาดพยูน สภ.บ้านฉาง รีบเดินทางไปตรวจสอบ

    พบชาวบ้านจำนวนมาก พากันล้อมกุฏิพระปลัดนพรัตน์เอาไว้ทุกด้านตั้งแต่ตอนเช้ามืด พร้อมกักตัว น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 33 ปี หญิงสาวที่มาร่วมหลับนอนกับพระปลัดนพรัตน์เอาไว้สอบสวน ซึ่งน.ส.เอ ยอมรับสารภาพว่าเพิ่งมีเพศสัมพันธ์กับพระปลัดนพรัตน์จริง ก่อนหน้านี้เคยเดินทางมาร่วมหลับนอนด้วย 3-4 ครั้ง ภายในช่วง 3 เดือน ซึ่งน.ส.เอ อยู่ในอาการตกใจกลัว จึงไม่ยอมเปิดเผยอะไรมาก ได้แต่ปิดหน้าร้องไห้และพูดอยู่อย่างเดียวว่ากลัวสามีรู้ พร้อมขู่จะฆ่าตัวตาย นายสมทรงจึงกันตัวไว้ในที่ปลอดภัย ก่อนจะเป็นตัวแทนเข้าเจรจากับพระปลัดนพรัตน์ที่ยังคงเก็บตัวเงียบอยู่ในกุฏิ

    กล่าวถึงเหตุการณ์ครั้งนี้ เกิดขึ้นภายหลังจากที่มีชาวบ้านข้องใจในพฤติกรรมของพระปลัดนพรัตน์ เจ้าอาวาสวัดพลา มานานแล้ว เพราะทราบมาว่าเจ้าอาวาสมักพาสีกามาร่วมหลับนอนที่วัดบ่อยครั้ง หรือไม่ก็แต่งชุดฆราวาสออกเที่ยวเตร่ตอนกลางคืนเป็นประจำ จึงประสานเจ้าหน้าที่อปพร. พากันมาจับผิดดูพฤติกรรม รอจนกระทั่งตอนตี 4 จึงเห็นน.ส.เอ เดินออกมาจากกุฏิพระปลัดนพรัตน์ กำลังเดินไปขึ้นรถเก๋งโตโยต้า วีออส กลุ่มชาวบ้านจึงฮือเข้าจับตัวไว้ก่อนจะพาไปสอบสวนเอาความจริง

    ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการปิดล้อมวัด ว่า หลังความจริงปรากฏออกมา พระปลัดนพรัตน์ ได้แต่เก็บตัวเงียบอยู่ในกุฏิ ท่ามกลางเสียงตะโกนด่าทอจากชาวบ้านดังขรม นายสมทรงและเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพยายามเกลี้ยกล่อมให้ไปลาสิกขาและรีบออกไปจากวัดก่อนที่เหตุการณ์จะบานปลาย เนื่องจากในช่วงสายมีชาวบ้านหลายร้อยคนฮือสมทบจำนวนมาก แต่พระปลัดนพรัตน์ยังคงต่อรอง ยิ่งสร้างความไม่พอใจให้ชาวบ้านเป็นอย่างยิ่ง นายสมทรงจึงรีบไปนิมนต์พระมหาประวิทย์ เจ้าคณะตำบลสำนักท้อน อ.บ้านฉาง มาเกลี้ยกล่อมอีกทาง แต่ทำอย่างไรพระปลัดนพรัตน์ ก็ไม่ยอมเปิดประตู และยังปฏิเสธว่ามีผู้หญิงเข้ามาจริง แต่ไม่มีการยุ่งเกี่ยวกัน เลยทำให้เหตุการณ์ยิ่งคุกรุ่นขึ้น

    ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า การเจรจาผ่านไปนานร่วม 2 ชั่วโมง นายสมทรง และนายสมพร ล้นเหลือ นายกเทศมนตรีตำบลพลา พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงตัดสินใจงัดประตูเข้าไป แต่ก็ไปติดประตูกระจกกุฏิของพระปลัดนพรัตน์อีกจนได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่สังเกตเห็นว่าตลอดเวลาพระปลัดนพรัตน์ อยู่ในอาการเครียด เดินวนไปวนมาภายในห้อง หลังจากนั้นไม่นานพระปลัดนพรัตน์จึงตัดสินใจเดินออกทางประตูด้านหลัง โดยมีลูกศิษย์ส่วนหนึ่งคุ้มกันอย่างแน่นหนา พยายามพาขึ้นรถยนต์ที่จอดรอไว้ แต่ก็ถูกชาวบ้านจำนวนหนึ่งฮือเข้าไปประชาทัณฑ์ ถูกเตะต่อยไปหลายหมัด ก่อนที่จะขึ้นรถหนีไปได้ ท่ามกลางเสียงขับไล่ดังไล่หลัง

    หลังควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าตรวจค้นภายในกุฏิ พบเสื้อชั้นในผู้หญิงสีชมพู ยี่ห้อวาโก้ 1 ตัว กางชั้นในสีชมพู 1 ตัว ถุงยางอนามัย 1 กล่อง และยังพบแผ่นหนังลามกถูกเก็บอยู่ในกระเป๋าเก็บแผ่นซีดี ประมาณ 100 แผ่น เบียร์ 2 ขวด พร้อมด้วยก๋วยเตี๋ยวที่อยู่ภายในชาม ในตู้เย็นพบขนมเครื่องดื่มเต็มตู้ จึงบันทึกภาพเอาไว้เป็นหลักฐาน

    พระมหาประวิทย์ กล่าวว่า ได้รายงานไปยังเจ้าคณะจังหวัดทราบแล้ว เบื้องต้นได้ปลดพระปลัดนพรัตน์ออกจากการเป็นเจ้าอาวาส แล้ว และเตรียมดำเนินการสึก เพราะหลักฐานที่พบก็ถือว่าผิดวินัยสงฆ์ และยังมีฝ่ายผู้หญิงที่ให้การว่ามีเพศสัมพันธ์กัน ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว

    สำหรับพระปลัดนพรัตน์ เดิมชื่อนายนพรัตน์ วงษ์ทิพย์รัตน์ อายุ 50 ปี บ้านเดิมอยู่ที่ ต.กร่ำ อ.แกลง จ.ระยอง เคยเป็นเจ้าอาวาสอยู่ที่วัดป่ากร่ำ ต.กร่ำ แต่ถูกชาวบ้านขับไล่ออกจากวัด ด้วยสาเหตุในเรื่องทำนองเดียวกัน แต่ไม่มีหลักฐานจนกระทั่งได้มาอยู่ที่วัดพลา เมื่อประมาณ 10 ปี ที่ผ่านมา ในตอนแรกก็พฤติกรรมดี จนกระทั่งเริ่มออกลายภายหลัง ซึ่งที่ผ่านมาชาวบ้านเคยรวมตัวขับไล่มาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ไม่มีหลักฐานจึงทำอะไรไม่ได้ จนกระทั่งชาวบ้านมาจับได้ในครั้งนี้

    ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในช่วงนี้ชาวบ้านยังคงปักหลักอยู่ภายในวัด และผลัดเปลี่ยนเข้าเวรยามกันตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อจับตาดูว่า พระปลัดนพรัตน์ จะหวนกลับมาอีกหรือไม่ นอกจากนี้ ชาวบ้านยังเรียกร้องให้กรรมการวัดตรวจสอบบัญชีการใช้จ่ายของทางวัดอีกด้วยเพราะมีการใช้จ่ายเงินวัดนับล้านบาทเลยทีเดียว