แกนนำนปช.ไม่แปลกใจปีย์เข้าข้างบิ๊กแอ้ด โฆษกปชป.จี้ขอขมาน้องโบว์แจกรูปชันสูตร-ใส่ร้ายคนตาย

แกนนำนปช.ไม่แปลกใจปีย์เข้าข้างบิ๊กแอ้ด โฆษกปชป.จี้ขอขมาน้องโบว์แจกรูปชันสูตร-ใส่ร้ายคนตาย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ณัฐวุฒิเผยปีย์ยืนฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลทักษิณ ไม่แปลกที่จะเข้าข้าง บิ๊กแอ้ด โฆษกปชป.จี้นปช.ขอขมาน้องโบว์หลังแจกรูปชันสูตร-ใส่ร้ายคนตาย เพื่อประโยชน์การเมือง นายกฯลั่นเสื้อแดงชุมนุมได้แต่อย่าพาดพิงป๋าเปรม แกนนำเสื้อแดงซัดสุรยุทธ์พูดไม่จริง ณัฐวุฒิเผยปีย์ยืนฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลทักษิณ

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่ยังคงปักหลักชุมนุมปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลเป็นวันที่ 4 กล่าวเมื่อวันที่ 29 มี.ค.ถึงกรณีนายปีย์ มาลากุล ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ย้ำถ้อยคำชี้แจงของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรีนั้น นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ไม่แปลก เพราะนายปีย์ เป็นอีกคนที่ยืนอยู่ฝ่ายเดียวกับ พล.อ.สุรยุทธ์ และยืนฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ และนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายสมัคร เป็นคนคนเดียวกันที่เรียกสมญาว่า หัวเถิก จึงไม่ผิดความคาดหมายว่า นายปีย์จะออกมายืนยันข้อมูลให้กับพล.อ.สุรยุทธ์ เพราะเป็นพวกเดียวกัน

เมื่อถามถึงกรณีเพื่อนเนวินออกมาชี้ว่า การดำเนินการของกลุ่มคนเสื้อแดง และการเคลื่อนไหวของพ.ต.ท.ทักษิณ นั้น เพราะหวังผลคดี 7.6 หมื่นล้านบาท นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ไม่เคยคิดว่าเรื่องนี้จะมีผลต่อคดีดังกล่าว เพราะเงินจำนวนนี้เป็นของ พ.ต.ท.ทักษิณ อย่างถูกต้อง หากจะถูกยึดก็ควรโดนตั้งนานแล้ว อันที่จริงเพื่อนเนวิน ไม่ควรออกมาวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยซ้ำ เพราะการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงและเพื่อนเนวินแตกต่างกันมาก

ความแตกต่างที่เห็นชัด คือ การจัดการเรื่องงบประมาณ การเคลื่อนไหวของพวกเรามาด้วยใจ มาด้วยมวลชน ไม่มีค่าตอบแทนใดๆ บริจาคเงินด้วยความสมัครใจของแต่ละคน ส่วนกลุ่มอื่นไม่ทราบว่าเป็นอย่างไร นายณัฐวุฒิ กล่าว และว่า สำหรับแผนการเคลื่อนไหวดาวกระจายนั้น ยืนยันว่ายังคงดำเนินการ แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเมื่อไหร่ สถานที่ใด อีกทั้ง ขณะนี้กลุ่มคนเสื้อแดงต่างจังหวัดที่จะเดินทางเข้ามาร่วมส่วนกลางนั้น มีกระแสข่าวว่าจะมีการสกัดกั้น อยากบอกว่าไม่มีทาง

จี้นปช.ขอขมาน้องโบว์แจกรูปชันสูตร-ใส่ร้ายคนตาย

ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ วันที่ 29 มี.ค. นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ(นปช.) แจกภาพการ ชันสูตรพิสูจน์การตายของน.ส.อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ หรือน้องโบว์ ที่เสียชีวิตในเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 7ต.ค. 2551 ว่า ตนได้รับแจ้งจากแพทย์นิติวิทยาศาสตร์ และประชาชนสื่อต่างประเทศ ว่า มีการแจกรูปในระหว่างที่ชันสูตรพิสูจน์การตาย โดยมีข้อความที่จงใจใส่ร้ายผู้เสียชีวิต จึงขอประณามการกระทำของกลุ่มนปช.ที่ทำลายศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เพียงเพื่อหวังบิดเบือนสาเหตุการตายและหวังประโยชน์ทางการเมือง อยากถามกลับไปยังแกนนำผู้ชุมนุมว่ายังมีความมนุษย์เหลืออยู่หรือไม่ และจะแสดงความรับผิดชอบอย่างไร อย่างไรก็ตาม ตนขอเรียกร้องให้แกนนำออกมาขอขมาต่อผู้เสียชีวิต

ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคได้สืบหาที่มาของผู้ที่นำภาพดังกล่าวออกมาเผยแพร่หรือไม่ นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า เบื้องต้นภาพดังกล่าวได้หยิบยกมาหารือในการประชุมสัมมนานิติเวชศาสตร์ รพ.รามาธิบดี และสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ของตำรวจ ที่รพ.จุฬาฯ เมื่อวันที่11 ต.ค.2251 เพื่อสืบค้นสาเหตุการเสียชีวิต แต่ไม่ทราบว่าภาพที่หารือหลุดออกมาได้อย่างไร

นายกฯลั่นเสื้อแดงชุมนุมได้แต่อย่าพาดพิงป๋าเปรม

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวเมื่อวันที่ 29 มี.ค. กรณีกลุ่มคนเสื้อแดงยังปักหลักชุมนุมที่หน้าทำเนียบรัฐบาล ว่า การชุมนุมถ้าไม่ได้ทำผิดกฎหมาย ก็สามารถชุมนุมได้ ในส่วนของรัฐบาลยังทำงานได้ตามปกติ ไม่มีปัญหาอะไร การชุมนุมเรียกร้องทางการเมือง ขอให้เป็นเรื่องของนักการเมืองด้วยกัน ไม่ควรที่จะไปพาดพิงถึงพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ หรือองคมนตรีคนอื่นๆ เพราะความจริงแล้ว ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะดึงท่านเข้ามาเกี่ยวข้อง

ส่วนที่มีการกล่าวหาในเรื่องที่ไม่เป็นความจริง เช่น กรณีที่ว่าประธานองคมนตรีเกี่ยวข้องกับพรรคประชาธิปัตย์ นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็ไม่ได้เป็นเช่น นั้น เนื่องจากตั้งแต่ที่พล.อ.เปรมวางมือทางการเมือง ก็ไม่มีส่วนใดที่จะมาเกี่ยวข้องกับการดำเนินการทางการเมืองของพรรค ไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมืองใด ตนคิดว่า เป็นเรื่องไม่ถูกต้องที่มีการกล่าวพาดพิง เพราะรู้กันอยู่แล้วว่าตำแหน่งที่พล.อ.เปรมดำรงอยู่ขณะนี้เป็นเรื่องยากที่ จะให้มาชี้แจงหรือตอบโต้อะไรได้มากนัก

ไม่ควรมีการฉวย โอกาสที่ประชาชนส่วนหนึ่งอาจไม่ทราบประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน เพราะเมื่อครั้งที่พล.อ.เปรมดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เป็นช่วงเวลาที่นานมาแล้ว และเป็นผู้ที่ช่วยทำให้บ้านเมืองพ้นจากวิกฤตที่เกิดขึ้นในตอนนั้นได้ เมื่อท่านดำรงตำแหน่งมานาน 8-9 ปี ก็เห็นว่าพอแล้วและเลิกไป จากนั้นได้รับโปรดเกล้าฯให้เป็นรัฐบุรุษ การไปกล่าวหาโจมตีท่านจึงเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม ถ้าพ.ต.ท.ทักษิณ (ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี) ต้องการเรียกร้องอะไรทางการเมือง ก็เป็นเรื่องระหว่างนักการเมืองด้วยกัน เพราะในแง่ของประวัติการทำงานต่างๆ ของประธานองคมนตรีและองคมนตรี ก็เป็นหลักประกันได้อยู่แล้ว เพียงแต่ท่านคงไม่มีอากสออกมาพูดชี้แจงอยู่ตลอดนายกรัฐมนตรีกล่าว

เมื่อถามว่า รัฐบาลสามารถดำเนินการอะไรในเรื่องนี้ได้บ้าง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้าอยู่ในกรอบของกฎหมาย ก็เป็นสิ่งที่ทำได้ ประชาชนควรมีวิจารณญาณเปรียบเทียบได้ว่า ประวัติการทำงานและคุณงามความดี ของแต่ละบุคคลเป็นอย่างไร ส่วนการเรียกร้องเพียงเผื่อผลประโยชน์ของกลุ่มบุคคลก็ไม่ควรที่จะก้าวล่วงไป ถึงสถาบันอื่นๆ รัฐบาลอยากยืนยันจุดนี้ จะดูแลถ้ามีการกระทำที่ผิดกฎหมาย ก็จะดำเนินการ ส่วนเรื่องความเหมาะสมนั้นเป็นเรื่องที่สังคมต้องช่วยกัน

เมื่อถามว่า คาดการณ์ไว้หรือไม่ว่าจะเกิดความรุนแรงจากการที่พ.ต.ท.ทักษิณออก มาสู้แบบสุดตัวเหมือนเลือดเข้าตา นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนยังเชื่อมั่นว่า ประชาชนส่วนใหญ่ที่มองเห็นสถานการณ์ปัจจุบันคงจะคิดค่อนข้างตรงกันว่า บ้านเมืองต้องการความสงบ ทุกฝ่ายต้องช่วยกันเสนอข้อมูลข่าวสารให้ครบถ้วนและรอบด้าน ไม่ใช่ให้มีการฟังความข้างเดียว

เมื่อถามต่อว่า รัฐบาลจะปกป้องสถาบันต่างๆ ที่พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวพาดพิงอย่างไร บ้าง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มีการดำเนินการอยู่ในบางส่วน แต่อยู่ในขอบเขตของกฎหมาย แต่สังคมต้องช่วยกัน อย่าเพิกเฉยต่อสิ่งที่ไม่เหมาะสม โดยต้องออกมาตำหนิติติงกันบ้างเพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ครบถ้วนและรอบด้าน มากขึ้น เ

ส่วนที่ดูเหมือนว่า พ.ต.ท.ทักษิณเคลื่อนไหวกดดันให้ รัฐบาลมาพูดคุยเจรจาเพื่อให้มีการนิรโทษกรรม นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นความพยายามในส่วนผลประโยชน์ของพ.ต.ท.ทักษิณ แต่รัฐบาลคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศและประชาชนมาก่อน และต้องรักษาความถูกต้องในบ้านเมือง ที่จริงแล้ว กรที่พ.ต.ท.ทักษิณกลับเข้าประเทศแล้วยอมรับกระบวนการยุติธรรม ทุกอย่างจะแก้ปัญหาได้เอง

เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีสถานะหนึ่งเป็นผู้ต้องหา แต่ยังสามารถโฟนอินเข้ามาได้ รัฐบาลจะดูแลเรื่องนี้อย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ความพยายามในการติดตามตัวพ.ต.ท.ทักษิณนั้น ทำอยู่ ตามกรอบของกฎหมาย แต่เราทำอะไรที่นอกเหนือกฎหมายไม่ได้

ณัฐวุฒิซัดคำแถลงสุรยุทธ์ไม่จริง แฉเตี๊ยมข้อมูลก่อน

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวเมื่อวันที่ 29 มี.ค. ถึงกรณีที่ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี และอดีตผู้บัญชาการทหารบก แถลงเรื่องการนำกำลังพลไปฝึกบริเวณชายแดน ไม่เกี่ยวข้องกับเหตุปะทะจนมีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก โดยอ้างความชอบธรรมที่ได้รับอนุมัติจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กองทัพ และรัฐบาลนั้น ว่า เป็นเรื่องที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง เพราะไม่ใช่เป็นการนำกำลังไปฝึก แต่ พล.อ.สุรยุทธ์ กลับสั่งการให้ทหารนำกำลังไปปะทะ และสั่งยิงปืนรบ

นอกจากนี้ นายณัฐวุฒิ ยังตั้งข้อสังเกตการแถลงข่าวของ พล.อ.สุรยุทธ์ และผู้เกี่ยวข้อง ว่า มีการตระเตรียมกันล่วงหน้าเพื่อให้ข้อมูลที่จะเปิดเผยต่อสาธารณะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพราะก่อนหน้าที่ พล.อ.สุรยุทธ์ จะแถลง ได้มีการโทรศัพท์สอบถามนายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และได้รับคำตอบว่า ขอหารือกับผู้ใหญ่ก่อน จากนั้นก็เห็นการแถลงข่าวของ พล.อ.สุรยุทธ์ และผู้เกี่ยวข้องทยอยตามมา

พะจุณณ์ยันเปรมเข้มแข็ง

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 28 มี.ค. พล.ร.ท.พะจุณณ์ ตามประทีป หัวหน้าสำนักงานประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ กรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวหา พล.อ.เปรมว่า ไม่สนใจคำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่กล่าวหาว่า พล.อ.เปรมอยู่เบื้องหลังการปฏิวัติรัฐประหาร และเป็นผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ เพราะที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณพยายามพูดออกมาเป็นนัยมาโดยตลอด อย่างไรก็ตาม เห็นว่าการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นเรื่องเก่ามาเล่าใหม่ และเท่าที่ได้รับข้อมูลจากนายปราโมทย์ นาครทรรพ เขาไปจริงๆ แต่เป็นคนละเวลาที่มีการพูดกัน

พล.อ.เปรมยังมีความเข้มแข็ง และหนักแน่นกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ถ้าเป็นอย่างเอ็กซ์แมน (รายการโชว์ของประเทศเกาหลี) ก็จะต้องพูดว่า แน่นอนอยู่แล้ว พล.อ.เปรมไม่เคยย่อท้อกับสิ่งที่เกิดขึ้น พล.อ.เปรมรักประชาชน ไม่เคยคดโกงทุจริตต่อชาติบ้านเมือง บูชาสถาบันเหนือยิ่งสิ่งอื่นใด ดังนั้น ไม่ต้องห่วง พล.อ.เปรม รับได้ ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ ผมเชื่อว่าประเทศไทยมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่ต้องห่วง พล.ร.ท.พะจุณณ์ กล่าว

เมื่อถามว่า แสดงว่าสิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณพูดเป็นการยัดข้อกล่าวหาให้ พล.อ.เปรม พล.ร.ท.พะจุณณ์กล่าวว่า ไม่ทราบ ต้องไปฟังนายปราโมทย์พูด เพราะไม่รู้ข้อเท็จจริงว่าไปเจอกันอย่างไร ซึ่งนายปราโมทย์ยืนยันว่า สิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณพูดไม่เป็นความจริง โกหก

ไม่ตอบโต้แสดงว่าเรื่องไม่จริง

เมื่อถามว่า ทำไม พล.อ.เปรมไม่ลุกขึ้นมาตอบโต้บ้าง ทั้งๆ ที่ถูกกระทำเพียงฝ่ายเดียว พล.ร.ท.พะจุณณ์กล่าวว่า พล.อ.เปรมไม่ได้ทำอะไรเลย ที่ผ่านมาการชุมนุมกันที่ท้องสนามหลวงก็มีการพูดในลักษณะแบบนี้ฟังจนชินแล้ว เหมือนอย่างที่บอกว่ามุขเก่าๆ เมื่อหมดมุขก็จบไปเอง เมื่อถามย้ำว่า พล.อ.เปรมเป็นห่วงกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไรก็ตาม โดยเฉพาะการถูกโจมตี พล.ร.ท.พะจุณณ์กล่าวว่า พล.อ.เปรมไม่ได้พูดอะไรเลย ความเป็นเลิศของ พล.อ.เปรม คือสามารถเก็บอะไรไว้ได้ทั้งหมด แต่เรื่องนี้ไม่มีปัญหาอะไรหรอก

เมื่อถามว่า ในฐานะที่ใกล้ชิด พล.อ.เปรม อยากจะฝากไปถึง พ.ต.ท.ทักษิณอย่างไร พล.ร.ท.พะจุณณ์กล่าวว่า อย่าไปพูดอะไรเลย เพราะแก่ๆ กันแล้วและมีวุฒิภาวะกันแล้ว ไม่ต้องพูดอะไร มันต้องรู้ ถ้าไม่รู้แสดงว่าโกหกตัวเอง เมื่อถามว่า หาก พ.ต.ท.ทักษิณยังไม่หยุดการโจมตี พล.อ.เปรม จะมีมาตรการดำเนินการอย่างไร พล.ร.ท.พะจุณณ์กล่าวว่า คิดว่าไม่มีอะไร เป็นเรื่องธรรมดาของคนคนหนึ่งที่พยายามพูดออกมาให้ประชาชนเห็นใจ เมื่อถามว่า จะกระทบต่อสถาบันองคมนตรีหรือไม่ พล.ร.ท.พะจุณณ์กล่าวว่า การที่ พล.อ.เปรมไม่ได้ออกมาตอบโต้กับคำกล่าวหาของ พ.ต.ท.ทักษิณ แสดงว่าเรื่องไม่ได้เป็นความจริงแล้วก็พูดไปเรื่อยๆ เพราะคนอื่นไม่รู้แค่นั้นเอง ถ้าไม่ใส่ใจก็จบ

สุรยุทธ์แถลงโต้ทักษิณแค่ฟังความเฟ็นตุลาการ

พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ปฏิเสธร่วมวางแผนปฏิวัติยึดอำนาจรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีแต่ยอมรับว่าเคยไปร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น โดยในการแถลงข่าวที่สนามบินสุวรรณภูมิ ภายหลังกลับจากปฏิบัติภารกิจเป็นประธาน ปลูกต้นกล้า 9 ล้านมหามงคล ที่ จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 28 มีนาคม พล.อ.สุรยุทธ์กล่าวถึงกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ พูดผ่านวิดีโอลิงก์พาดพิงว่า อยู่เบื้องหลังการรัฐประหาร เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ว่า ยอมรับว่าเคยไปพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น แต่การจะบอกว่าไปพูดเรื่องการรัฐประหารกับผู้พิพากษา ตุลาการ นั้นคงไม่สมเหตุสมผล เพราะเรื่องนี้ควรพูดกับผู้บัญชาการทหารบก ( ผบ.ทบ.) จะสมเหตุสมผลกว่า

พล.อ.สุรยุทธ์กล่าวว่า การที่ พ.ต.ท.ทักษิณได้พูดถึงเรื่องการฝึกกำลังพลและปัญหาตามแนวชายแดนไทย-พม่าเมื่อปี 2545 นั้น ขอชี้แจงว่าได้ดำเนินการทุกอย่างตามขั้นตอน โดยแผนเคลื่อนย้ายกำลังก็ได้ทำเรื่องขออนุมัติไปยังผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) และ ผบ.สส.ได้ทำเรื่องไปถึง พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในสมัยนั้น และมีคำสั่งอนุมัติในหลักการให้เคลื่อนย้ายกำลัง โดยคำสั่งนี้เป็นชั้นความลับ ไม่สามารถเปิดเผยได้ จากนั้น เมื่อรัฐบาลเห็นว่าไม่มีความเหมาะสมก็ได้ถอนกำลังกลับ เมื่อเดือนพฤษภาคม 2545

เรื่อง พล.อ.จารุภัทร เรืองสุวรรณ อดีต กกต. (คณะกรรมการการเลือกตั้ง) ผมไปพบ พล.อ.จารุภัทร โดยที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ได้โทรศัพท์มาขอให้ไปช่วยพูด เพราะโอกาสที่ กกต.ทั้งหมดจะถูกฟ้องศาลมีมาก และโอกาสที่จะพลาดมีสูง จึงได้พูดคุยกัน ซึ่ง พล.อ.จารุภัทรได้มาขอบคุณผม ซึ่งผมให้ข้อคิดเห็นไปก็แล้วแต่พล.อ.จารุภัทรจะตัดสินใจ ผมไม่ใช่คนที่จะไปสั่งใครทำสิ่งใดได้ ผมเคารพในความคิดเห็นคนอื่น ข้อมูลที่เรียนสื่อมวลชนที่ผมเสนอก็เป็นอีกด้านหนึ่ง ให้สื่อพิจารณาว่าควรจะเชื่อผมหรือตามข่าวที่ออกไป พล.อ.สุรยุทธ์กล่าว และว่า สิ่งที่ พล.อ.พัลลภพูดไปก็คลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริงด้วย

บอกเคยไปบ้านปีย์ มากาลุลหลายครั้ง

พล.อ.สุรยุทธ์ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีล็อบบี้ให้ พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ อดีตประธาน กกต. ลาออก เพื่อล้มการเลือกตั้งว่า ไม่เคยพูดกับ พล.ต.อ.วาสนา และไม่ได้รู้จักด้วย ยืนยันไม่ได้ล็อบบี้ กกต. ทั้งนี้ เคยไปบ้านนายปีย์มาหลายหนไม่ใช่แค่ 3-4 ครั้ง เพราะรู้จักกันมานานแล้วตั้งแต่เป็นแม่ทัพภาคที่ 2 และที่ไปพูดคุยนั้นก็เป็นการแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเท่านั้น ส่วนกรณีที่ พล.อ.พัลลภระบุว่าเสียสัจจะที่บอกว่าจะไม่รับเป็นนายกฯ แต่ภายหลังเป็นนายกฯว่า ผมไม่ทราบ ผมไม่ได้พูด

ปัดไหว้พระสะเดาะเคราะห์

ก่อนหน้านี้ เวลา 13.50 น. พล.อ.สุรยุทธ์พร้อม พล.ต.ธงชัย เทพารักษ์ นายทหารคนสนิท และนายไพโรจน์ แสงภู่วงษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พล.ต.ธงชัย เทพารักษ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 33 (มทบ.33) เดินทางเข้ากราบสักการะพระพุทธรัตนชัยสุพารักษ์กาวิละสยามเทพ พระพุทธรูปปางห้ามสมุทร ประจำพระชนมวารพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระศรีอริยเมตตรัย และพระอวโลกิเตศวร หรือพระแม่กวนอิม ประดิษฐานในโครงการจัดหมู่บ้านตัวอย่างห้วยตึงเฒ่า อันเนื่องมาจากพระราชดำริ มทบ. 33 อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ซึ่ง พล.อ.สุรยุทธ์ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ โดยระบุว่า ยังไม่ขอให้สัมภาษณ์ แต่ได้นัดสื่อมวลชนไว้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อจะได้พูดครั้งเดียว

ผู้สื่อข่าวถามว่า การเดินทางมาไหว้พระ เพื่อมาทำบุญสะเดาะห์หรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ปฏิเสธว่า มาเรื่องโครงการ 9ล้านกล้า 80 พรรษามหามงคล ทราบว่าเครื่องบินเสียเวลา เลยถาม พล.ต.ธงชัยว่า มีเวลาเหลือไปไหนกันดี ได้รับคำแนะนำให้มาไหว้พระที่นี่ ไม่มีอะไรมาก ไม่ได้มีนัยยะอะไร

มาร์คเมินยุบสภาเลือกตั้งใหม่

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องที่ พ.ต.ท.ทักษิณพูดนั้นเป็นเรื่องเก่า และคิดว่าประชาชนมีวิจารณญาณในการฟังข้อมูลจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ผู้ที่พาดพิงหรือผู้ที่เกี่ยวข้องคงจะต้องอธิบายข้อเท็จจริง แต่รัฐบาลนั้นคิดว่าขณะนี้ประชาชนต้องการให้แก้ไขปัญหาของบ้านเมือง วันนี้รัฐบาลยืนยันว่า ความขัดแย้งทางการเมืองทั้งหลาย พร้อมจะให้ความเป็นธรรมและให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วม แต่ขอให้กระบวนการนี้อย่าไปกระทบการแก้ปัญหาให้กับประชาชน

ผู้สื่อข่าวถามถึงข้อเสนอเรื่องยุบสภาแล้วล้างไพ่เลือกตั้งกันใหม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่ทราบว่าข้อเสนอของ พ.ต.ท.ทักษิณจริงเป็นอย่างไร เพราะแต่ละครั้งเสนอไม่เหมือนกัน แต่ขณะนี้สิ่งที่เป็นความจำเป็นของประเทศจำเป็นจะต้องมีเสถียรภาพอยู่ในระยะหนึ่ง ที่จะวางแนวทางที่จะเผชิญปัญหาเศรษฐกิจ และทำให้การแก้ปัญหาเดินได้ในระดับหนึ่ง ส่วนการยุบสภาหรืออะไรที่เป็นการเปลี่ยนแปลงตามวิถีทางประชาธิปไตย เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม เงื่อนไขเหมาะสมก็สามารถดำเนินการได้

ถ้าเราไปเลือกตั้งและยังมีกลุ่มที่มีความขัดแย้งกันแบบนี้อย่างรุนแรง แม้กระทั่งมีการขัดขวางการเดินทางกันอยู่ก็คงไม่สามารถมีการเลือกตั้งที่จะเป็นไปด้วยความเรียบร้อยได้ การแก้ไขปัญหาทางการเมืองที่ดีที่สุดขณะนี้ก็คือการพูดคุยกัน เพื่อวางแนวทางร่วมกัน นายอภิสิทธิ์กล่าว

พัลลภขอพูดปว.ครั้งสุดท้าย

พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) กล่าวในรายการลับ ลวง พราง ทางคลื่นวิทยุ 100.5 เมกะเฮิร์ตซ์ ถึงการออกมาพูดถึงการร่วมประชุมที่บ้านพักบนถนนสุขุมวิท กับ พล.อ.สุรยุทธ์ เพื่อล้มรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณว่า จะขอพูดเรื่องนี้เป็นครั้งสุดท้าย และที่ออกมาพูดเพราะถูก พล.อ.สุรยุทธ์พาดพิง โดยขอยืนยันข้อมูลที่เคยพูดไปก่อนหน้านี้แล้วว่า ผิดหวังที่ พล.อ.สุรยุทธ์เสียสัจจะที่ว่าจะไม่รับตำแหน่งหลังการปฏิวัติ แต่ก็มาเป็นนายกรัฐมนตรี ทั้งที่เรื่องตำแหน่งต่างๆ นั้น พล.อ.สุรยุทธ์เป็นคนยกขึ้นมาเองว่า การดำเนินการโค่นล้มรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ จะไม่ได้ทำเพื่อหวังตำแหน่งหรือลาภยศอะไร

ผู้สื่อข่าวถามว่า การออกมาเปิดเผยข้อมูลครั้งนี้ทำให้ต้องระมัดระวังตัวเป็นพิเศษหรือไม่ พล.อ.พัลลภกล่าวว่า การพูดความจริงก็คงไม่ตาย แต่เรื่องการระวังตัวนั้นระวังอยู่แล้ว ที่ผ่านมาก็พร้อมจะเสียชีวิตเพื่อชาติอยู่ตลอด

ผมยังให้ความเคารพ พล.อ.เปรมอยู่เหมือนเดิม ไม่เคยโกรธแค้นอะไรกัน ส่วน พล.อ.สุรยุทธ์นั้น ก็ไม่มีความขัดแย้งกัน เพียงแต่ พล.อ.สุรยุทธ์ไม่มองหน้าผมมานานแล้ว ท่านอาจจะอายที่เสียสัจจะว่าจะไม่รับตำแหน่งถึงไม่กล้ามองหน้า พล.อ.พัลลภกล่าว และว่า ที่เรียกร้องให้ พล.อ.สุรยุทธ์ลาออกจากองคมนตรี ก็เพราะต้องการให้ พล.อ.สุรยุทธ์รักษาสถาบันองคมนตรีไว้ อย่าใจแคบ

ถูกจำลองหลอกใช้มาตลอด

เมื่อถามว่า ได้คุยกับ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง เพื่อน จปร.7 หรือยัง พล.อ.พัลลภกล่าวว่า ยังไม่เคยได้คุยกัน ขอนินทาเพื่อนหน่อย จำลอง เป็นเพื่อนคนหนึ่งที่ถูกมองว่าเป็นเพื่อนตาย แต่จริงๆ คงมีผมฝ่ายเดียวที่เป็นเพื่อนตาย เพราะจำลองไม่เคยตายเพื่อผม หลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตั้งแต่เป็นเพื่อนสมัยเรียนนายร้อยก็สร้างความเดือดร้อนให้ผมมาตลอด บางครั้งอาจจะต้องติดคุกหรือเสียชีวิตไปเลย โดยตอนเป็นนักเรียนนายร้อย จำลองเป็นหัวหน้านักเรียน จัดกิจกรรมขายบัตรหนังเพื่อหาเงินรายได้มาซื้อของเข้าโรงเรียน มีปัญหาเรื่องจะต้องเซ็นเกี่ยวภาษี เขาไม่เซ็นก็มาให้ผมที่กำลังจะไปเล่นรักบี้เซ็นแทน คราวนั้นผมเกือบจะถูกปลด ต้องถูกกักยศอยู่ 3 เดือน ไม่ได้รับพระราชทานกระบี่ ต้องมารับจากจ่ากองร้อย

พล.อ.พัลลภกล่าวว่า ตอนเหตุการณ์พฤษภาทมิฬก็ต้องไปร่วมกับ พล.ต.จำลอง ต้องขัดใจกับผู้บังคับบัญชา ตอนส่งกำลังไปอารักขา พล.ต.จำลอง ขณะที่เข้าร่วมกับพันธมิตรก็ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณไม่พอใจ ซึ่งความเป็นเพื่อน จปร.มีอยู่ แต่ถือว่าประเทศชาติต้องมาก่อน

ผู้สื่อข่าวถามว่า มองว่าถูกหลอกใช้มาตลอดหรือไม่ พล.อ.พัลลภกล่าวว่า โดนหลอกใช้ตลอด ไม่เคยได้อะไรจาก พล.ต.จำลองเลย ตอนเสี่ยงชีวิตไปร่วมปฏิวัติกับ พล.ต.จำลอง เมื่อจบเรื่องก็ไม่ได้อะไรกลับเข้ากองพัน แต่ พล.ต.จำลองได้เป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี

วัธนชัยโต้แทนสุรยุทธ์

ด้าน พล.อ.วัธนชัย ฉายเหมือนวงศ์ อดีต รอง ผบ.ทบ.กล่าวในรายการเดียวกัน ถึงข้อกล่าวหาของพ.ต.ท.ทักษิณที่ระบุว่า พล.อ.สุรยุทธ์มีความแค้นที่ถูกย้ายจาก ผบ.ทบ.ไปเป็น ผบ.สส. เลยไปหาทางล้มล้างรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณว่า เรื่องที่มีการกล่าวอ้างเป็นคนละเรื่องกัน เพราะเรื่องการที่กองกำลังฝ่ายไทยยิงทหารพม่าเสียชีวิตนั้น เกิดขึ้นต้นปี 2544 ช่วงนั้นรัฐบาลนายพลหม่องเอ ของพม่า ต้องการปราบปรามชนกลุ่มน้อย แล้วเข้ามายึดฐานของไทย เพื่อจะเข้าตีฐานของเจ้ายอดศึก ทหารพม่าเสียชีวิตไปกว่า 300 คน แต่ฝ่ายไทยก็สูญเสียเหมือนกันกว่า 100 คน ซึ่งฝ่ายไทยก็ได้ทำเรื่องประท้วงไป หลังจากนั้นก็มีปัญหาเรื่องชายแดนไทย-พม่ามาตลอด ซึ่ง พล.อ.สุรยุทธ์ขณะนั้นเป็นผบ.ทบ.ก็ต้องการที่จะเตรียมกำลังให้พร้อม จึงมีการฝึกกำลังผสม

พล.อ.วัธนชัยกล่าวว่า คิดว่าสิ่งเหตุผลที่ พ.ต.ท.ทักษิณอ้างนั้นมันเป็นคนละเรื่องกัน ถ้า พล.อ.สุรยุทธ์คิดจะปฏิวัติล้มล้างอำนาจรัฐบาล คงทำแล้วตั้งแต่เป็น ผบ.ทบ.จะมาทำไมตอนที่มีฐานะเป็นองคมนตรี

พ.ต.ท.ทักษิณคงต้องการตีวัวกระทบคราดหวังจะชิ่งไปถึงอีกคน ซึ่งก็คงจะรู้อยู่แล้วว่าเขาต้องการจะชิ่งไปถึงใคร ทุกคนรู้อยู่แก่ใจแล้วว่าความปรารถนาของเขาคืออะไร ในปีแรกของการเข้าสู่ตำแหน่งของเขาก็น่าจะชัดเจนว่า มีการกระหยิ่มยิ้มย่องกันขนาดไหน ดูวันที่เขาประกาศตั้งพรรควันที่เท่าไหร่ ความเป็นใหญ่ของคน เป็นความทะเยอทะยานทำทุกวิถีทาง ความเป็นใหญ่ในระบบประชาธิปไตยมันเล็กไป ต้องให้ใหญ่กว่านั้น ต้องการกุมอำนาจผู้นำตลอดกาล พล.อ.วันธนชัยกล่าว

นปช.ถามสุรยุทธ์กบฏหรือไม่

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) อยากถามว่า พล.อ.เปรม และ พล.อ.สุรยุทธ์ ข้อกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวกับกับการวางแผนโค่นล้มรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณอย่างไร และการที่ พล.อ.สุรยุทธ์ไปประชุมที่บ้านนายปีย์ มาลากุล โดยวิธีที่ไม่เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยหมายความว่า พล.อ.สุรยุทธ์กำลังก่อกบฏในราชอาณาจักรหรือไม่

เรายืนยันว่าไม่ได้มีปัญหากับสถาบันองคมนตรี และเราเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตรย์ แต่เราไม่ยอมรับองคมนตรีบางคนที่เข้ามาแทรกแซง ซึ่งควรจะพิจารณาตัวเอง เราไม่ได้ดึง พล.อ.เปรม ลงมา แต่ท่านลงมาเอง ไม่เคยมีบทบาทขององคมนตรีคนใดที่เคลื่อนไหวทางการเมืองมากขนาดนี้ นายณัฐวุฒิกล่าว

ปชป.หวั่นซ้ำรอยเหตุการณ์7ต.ค.

นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงการวิดีโอลิงก์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าเชื่อว่าประชาชนจะมีวิจารณญาณในการฟัง เพราะสิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณเปิดเผยออกมานั้นไม่รู้ว่าเป็นความจริงมากน้อยแค่ไหน การกล้าพาดพิงกล่าวหาคนอื่นนอกการเมืองและผู้หลักผู้ใหญ่ที่รับใช้เบื้องพระยุคลบาท ถือเป็นเรื่องน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะการจาบจ้วงพูดถึงรหัส 901 โดยไม่บังควร

การส่งสัญญาณของ นปช.เกิดขึ้นทุกวันทุกจังหวัด เป้าหมายไม่ใช่แค่ล้มรัฐบาล และศัตรูไม่ใช่พรรคประชาธิปัตย์ โดยทุกครั้งที่มีการโฟนอินจะพาดพิงถึงองคมนตรี ศาลฎีกา องค์กรยุติธรรมต่างๆ ซึ่งเ ป็นองค์กรที่ไม่สามารถตอบโต้ได้ ทำให้ไทยถูกกระทบเรื่องความน่าเชื่อถือโดยรวม พรรคจึงเป็นห่วงว่าการดำเนินการดังกล่าวเป็นไปเพื่อเตรียมการให้เกิดเงื่อนไขบางอย่าง จึงอยากให้รัฐบาลเฝ้าระวังเหตุร้าย เนื่องจากเกรงว่าจะเหมือนเหตุการณ์ 7 ตุลาคม 2551 และอาจกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวที่นำไปสู่การผลักดันร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ และถือเป็นการส่งสัญญาณให้คนออกมาทำผิดก่อนวันที่ 5 พฤษภาคม เพื่อต่อต้านรัฐบาล นพ.บุรณัชย์กล่าว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook