แม้วงดวิดีโอลิงก์คืนนี้ ขอทำสมาธิให้พี่สาวคนโต คนรักป๋าเปรมออกแถลงการณ์โต้ถูกใส่ร้ายจี้รบ.จัดการ

คนรักป๋าเปรมแถลงโต้ทักษิณใส่ร้ายป้ายสี แม้ว งดวิดีโอลิงก์คืนนี้ ขอทำสมาธิให้พี่สาวคนโต สุริยะใสเรียกร้องคนถูกทักษิณพาดพิงชี้แจงความจริง กษิตแจงลูกพรรคปชป.ขอร้องทูตอย่าปล่อยแม้วใช้เป็นเวทีโจมตีไทย นครบาลเผยถอดเทปอดีตนายกฯ แต่ยังไม่พบความผิดเพิ่ม คนรักป๋าเปรมแถลงโต้ทักษิณใส่ร้ายป้ายสี

กลุ่มคนรักป๋าเปรม และสมาคมชาวสงขลา นำโดยนายวิรัตน์ ทองใบเพชร นายกสมาคมชาวสงขลา ได้นัดชุมนุมสมาชิกสมาคม และออกแถลงการณ์ฉบับที่ 1 เมื่อวันที่ 39 มีนาคม โดยนายวิรัตน์ กล่าวว่า กลุ่มคนรักป๋า และสมาคมชาวสงขลา ขอคัดค้านและตอบโต้การกระทำของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และกลุ่มคนเสื้อแดง ที่ปราศรัยพาดพิงสถาบันองคมนตรีซึ่งการกระทำดังกล่าว ถือเป็นการใส่ร้ายป้ายสี เรียกร้องให้รัฐบาล เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบ จัดการกับผู้ชุมนุมและผู้ปราศรัย และควรรีบยุติการกระทำของคนเหล่านี้ ไม่ใช่ปล่อยนิ่งเฉย มิฉะนั้นกลุ่มคนรักป๋าเปรม จะเข้าไปคัดค้านตอบโต้ กลุ่มผู้ชุมนุมทุกรูปแบบในทันที

แม้ว งดวิดีโอลิงก์คืนนี้ ขอทำสมาธิให้พี่สาวคนโต

นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ให้สัมภาษณ์กรณีนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีให้การช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถ่ายทอดสดวิดีโอลิงก์มายังการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง ว่า ยืนยันว่า การวิดีโอลิงก์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้รับการช่วยเหลือจากข้าราชการคนใดของรัฐบาล ตามที่ นายสาทิตย์ กล่าวอ้าง

นายจตุพร ยังกล่าวอีกว่า ในเวลา 20.30 น.คืนนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ จะไม่โฟนอินเหมือนทุกๆ คืนที่ผ่านมา เนื่องจากคืนนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ จะทำสมาธิให้กับพี่สาว คือ นางเยาวลักษณ์ ชินวัตร ที่เสียชีวิตไป และมีงานพิธีพระราชทานเพลิงศพในวันนี้ แต่ในวันพรุ่งนี้ (30 มี.ค.) และทุกๆ คืนนับจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ จะยังโฟนอินเหมือนเดิม โดยจะปราศรัยและพูดคุยกับกลุ่มคนเสื้อแดงเหมือนเดิม

ขณะที่บรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่ปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลยังเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ซึ่งในช่วงวันนี้คนค่อนข้างบางตา เพราะอากาศที่ร้อนอบอ้าว โดยแกนนำ และแนวร่วมกลุ่มเสื้อแดงสลับกันขึ้นเวทีปราศรัยปลุกใจให้ประชาชนออกมาร่วมขับไล่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งขณะนี้ประชาชนได้เริ่มทยอยเดินทางมาสมทบมากขึ้น และได้จับจองพื้นที่ใต้ร่มไม้และเต็นท์ต่างๆ เพื่อรอรับฟังการปราศรัยจากแกนนำ และเฝ้ารอการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งทางแกนนำได้กล่าวอ้างว่าจะเปิดคลิปแฉเหตุการณ์ปฏิวัติรอบ 2 ท่ามกลางการดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดจากเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร ทั้งภายในและบริเวณรอบทำเนียบรัฐบาล

สุริยะใสเรียกร้องคนถูกทักษิณพาดพิงชี้แจงความจริง

นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) กล่าวเมื่อวันที่ 29 มี.ค.ว่า ตนคิดว่าการเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กำลังตกที่นั่งลำบาก เพราะเปิดศึกกล่าวหาคนอื่นไปทั่ว ไม่ยอมรับความจริงว่า วิกฤติบ้านเมืองที่ยืดเยื้อยาวนานจนถึงวันนี้ เกิดจากความบ้าอำนาจ การทุจริตคอรัปชั่นอย่างมโหฬาร พยายามกินรวบประเทศไทย และสถาปนาตัวเองเป็นใหญ่ จนเป็นต้นเหตุของการรัฐประหารและการลุกขึ้นสู้ของกลุ่มพลังต่างๆ ที่เห็นว่าถ้าปล่อยระบอบทักษิณมีอำนาจต่อไปจะไม่เหลือประเทศไทยไว้ให้ลูกหลาน นี่เป็นประเด็นสำคัญที่ พ.ต.ท.ทักษิณ แกล้งลืมและพยายามบิดเบือนต้นเหตุแห่งปัญหา แต่กลับป้ายสีใส่ร้ายคนอื่น ดังนั้น กลุ่มบุคคลที่ถูกพาดพิงจากพ.ต.ท.ทักษิณ ต้องไม่เหนียมกับการโจมตีครั้งนี้ ต้องกล้าพูดความจริงกับประชาชนว่าอะไรเป็นอะไร โดยเฉพาะการรัฐประหาร 19 กันยายนนั้น แท้ที่จริงแล้วเป็นเพียงปลายเหตุของปัญหาเพราะต้นเหตุคือระบอบทักษิณนั่นเอง

บุคคลระดับสูงทั้งองคมนตรี ผู้พากษา และคนอื่นๆ ต้องมีกลไกที่จะชี้แจงความจริงกับประชาชน เพื่อไม่ให้สังคมตกหลุมพรางของ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยเฉพาะรัฐบาลต้องมีกลไกตอบโต้ที่มีประสิทธิภาพมากกว่านี้ ไม่ใช่ต่างคนต่างพูดจนดูเหมือนแข่งกันเอาตัวรอด ถ้ายังอยู่ในสภาพการณ์แบบนี้ถือว่าตามหลัง พ.ต.ท.ทักษิณ หลายช่วงตัว อย่าลืมว่าขณะนี้ความสำเร็จของพ.ต.ท.ทักษิณ และขบวนการเสื้อแดง คือ ยกระดับจากความพ่ายในสภามาเป็นปัญหาความมั่นคงของประเทศ เพราะสามารถดึงสถาบันเบื้องสูงมาเป็นจำเลยของสังคมไปได้ระดับหนึ่งแล้ว แม้พ.ต.ท.ทักษิน จะระบุศัตรูทางการเมืองเป็นองคมนตรีบางคน แต่โดยนัยยะนั้นต้องการให้ทุกสายตาของสังคมพุ่งเป้าตั้งคำถามถึงความชอบธรรมเหมาะสมของสถาบันเบื้องสูง โดยเฉพาะการปราศรัยขยายความของแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นั้น ชัดเจนว่ากำลังขยายความโจมตีสถาบันอย่างรุนแรง โดยพยายามย้ำถึงความเลวร้ายของระบอบอำมาตยาธิปไตย นายสุริยะใส กล่าว

กษิตวอนทูตเห็นใจไทย ไม่สบายใจหากปล่อยแม้วโจมตี

นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวตอบคำถามสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ในการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2552 ของพรรคประชาธิปัตย์ ภายใต้ชื่อ "เชื่อมั่นประเทศไทย มั่นใจประชาธิปัตย์ ที่ ห้องแกรน์บลอรูม โรงแรมมิราเคิลแกร์นเมื่อวันที่ 29 มี.ค. ว่า เมื่อไหร่จะนำพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับมาจัดการเสียที นายกษิต ตอบว่า ขณะนี้ได้แจ้งไปสถานทูตทั่วโลกแล้ว และได้พูดป็นการภายในกับทูตต่างๆ ว่า เราจะมีความไม่สบายใจมาก หากประเทศเหล่านั้นปล่อยให้พ.ต.ท.ทักษิณใช้ประเทศเขาเป็นเวทีโจมตีประเทศไทย นอกจากนี้ ยังได้ประสานกับอัยการสูงสุด เพื่อแจ้งกับรัฐบาลต่างประเทศ ว่า ถ้ารู้ว่าพ.ต.ท.ทักษิณอยู่ที่ไหน ก็จะมีการดำเนินการขอส่งตัวกลับมาดำเนินคดี ถ้าได้มีข้อตกลงร่วมกัน ซึ่งล่าสุด อัยการสูงสุด ได้มีคณะไปฮ่องกงเพื่อเริ่มเจรจาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนที่ยังตกค้างกันอยู่แล้ว และในสัปดาห์หน้า เราจะมีคณะไปที่ดูไบ เพื่อแจ้งความในใจให้เขาทราบ เพราะมีข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณมักใช้ที่ดังกล่าวเป็นที่ปฏิบัติการ

นายกษิตกล่าวอีกว่า ส่วนการยกเลิกหนังสือเดินทางของพ.ต.ท.ทักษิณนั้น เมื่อ 2 วันที่ผ่านมา ทางกฤษฎีกาได้มีหนังสือแจ้งมายังกระทรวงการต่างประเทศ เพราะก่อนหน้านี้กระทรวงการต่างประเทศได้ถามไปยังกฤฎีกา ว่า ถ้ามีการยกเลิกพาสปอรต์เล่มสีน้ำตาล จะเป็นการกระทบสิทธิของพ.ต.ท.ทักษิณในการเดินทางหรือไม่ แต่ทางกฤฎีกาบอกว่าไม่รับตีความ เพราะเป็นเรืองการเมือง ซึ่งตนก็แจ้งให้นายกฯทราบแล้ว

"แต่ผมขอเปิดใจว่า วันนี้แป็นการต่อสู้ของ 2 อุดมการณ์ คือ เราต้องการมีประชาธิปไตย มีสถาบันพระมหากษัตริย์ มีรัฐธรรมนูญ แต่อีกฟากไม่ต้องการมีสิ่งเหล่านี้ ดังนั้น เราต้องถามตัวเองว่า เราต้องการให้มีสิ่งเหล่านี้หรือไม่ มันถึงเวลาที่เราต้องออกมาแล้ว เพราะวันนี้มันเป็นเรื่องความอยู่รอดของสิ่งที่เราอยู่กันมานายหลายร้อยปี เราต้องสู้แล้ว เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่องการชิงอำนาจทางการเมือง วันนี้ต้องบอกว่า เป็นเรื่องที่อันตรายอย่างใหญ่หลวง ที่มีกลุ่มบุคคลที่พยายามดำเนินการบางอย่าง ก็ขอฝากประธานสาขาพรรคประชาธิปัตย์ในที่นี้ด้วยให้ช่วยกัน แต่วันนี้ผมพร้อมจะลุยเองในเรื่องนี้นายกษิตกล่าว และว่า อย่างไรก็ตาม ในด้านการต่างประเทศ เราได้ดำเนินการผ่านนักการทูตต่างๆ ในการให้ข้อมูลที่ถูกต้อง เกี่ยวกับสถายันพระมหากษัตริย์ รวมถึงนโยบายรัฐบาล และตั้งแต่นายกฯ ไปพูดที่มหาวิทยาลัยอ็อกฟอร์ด ก็มีบทความสื่อต่างประเทศนำเสนอในทิศทางที่มีความเข้าใจมากขึ้น ทำให้บัดนี้ ความเชื่อถือของนายใจ อึ้งภากร ไม่เหลือเลย

ตร.ถอดเทป ทักษิณ แต่ยังไม่พบความผิดเพิ่ม

พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่า ที่ประชุมวอร์รูมสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่มีผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เป็นประธาน ยังคงประเมินการชุมนุมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ขณะนี้ยังไม่พบอาวุธ โดยตำรวจสามารถเข้าไปตรวจค้นอาวุธได้โดยไม่มีการขัดขวาง ผู้ชุมนุมให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี และการวิดีโอลิงก์ที่ถือเป็นไฮไลต์ของการชุมนุมผ่านพ้นไปแล้ว และจากการถอดเทปบันทึกเสียงยังไม่พบประเด็นความผิดเพิ่มเติม แต่ก็ต้องติดตามต่อไปหลังจากนี้ว่าจะมีการวิดีโอลิงก์อีกหรือไม่

พล.ต.ต.ภาณุ กล่าวว่า ตำรวจจะมีการจัดกำลังเต็มที่ในการดูแลการจราจร โดยเฉพาะงานกาชาด ซึ่งอยู่ติดกับพื้นที่การชุมนุม และขณะนี้ได้ดูแลความเรียบร้อยของสถานที่สำคัญของทางราชการ และยังมีการใช้กำลังตำรวจ 23 กองร้อยสลับหมุนเวียน เชื่อว่าผู้ชุมนุมจะยังไม่มีการใช้ยุทธศาสตร์ดาวกระจายไปที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ช่วงนี้

ส่วนที่บริเวณแยกสวนมิสกวัน เจ้าหน้าที่ตำรวจ และกลุ่มเสื้อแดง ได้นำเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดมาตรวจค้นผู้ที่จะผ่านเข้า-ออกการชุมนุม โดยเฉพาะผู้ที่จะเข้ามาร่วมชุมนุมเพื่อป้องกันบุคคลที่ 3 เข้ามาก่อเหตุความวุ่นวาย

มท.1ลั่นยังไม่ถึงเวลายุบสภา ซัดแม้วด่าป๋าไม่เหมาะ

นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 29 มี.ค. ถึงการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่จะทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงเดินทางมายังทำเนียบรัฐบาลเพิ่มหรือไม่ ว่า ที่ผ่านมายังไม่ถือว่า เป็นเรื่องที่น่าหนักใจ เพราะการชุมนุมตลอด 3 วันที่ผ่านมา ไม่มีอะไรที่ผิดปกติ ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวระบุว่า นายเนวิน ชิดชอบ แกนนำกลุ่มเพื่อนเนวิน กล่าวว่า ไม่พอใจที่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวโจมตี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐมนตรี ตนไม่ทราบว่า ข้อเท็จจริงเป็นเช่นไร เพราะเรื่องนี้ต้องไปถามนายเนวินเอง แต่โดยส่วนตัวตนคิดว่า การกระทำดังกล่าวไม่เหมาะสม เพราะพล.อ.เปรม เป็นประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ซึ่งมีเพียงคนเดียวในประเทศไทย

ผู้สื่อข่าวถามว่า คาดว่า ประชาชนจะเดินทางมาสมทบกับกลุ่มผู้ชุมนุมเพิ่มหรือไม่ นายชวรัตน์ กล่าวว่า ตนอยากให้ประชาชน ออกมาช็อปปี้งานโอทอป ประชาชนจะได้มีรอยยิ้ม ไม่ต้องดูแต่ข่าวเสื้อเหลืองเสื้อแดง เมื่อถามว่า เชื่อว่าการชุมนุมครั้งนี้จะสามรถทำให้รัฐบาลยุบสภาได้หรือไม่ นายชวรัตน์ กล่าวว่า ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องยุบสภา เพราะการยุบหรือไม่ยุบนั้นอยู่ที่อำนาจการตัดสินใจของนายกฯ เพียงคนเดียว มาถามตนคงไม่มีประโยชน์ และตนก็เชื่อว่ายังไม่ถึงเวลา

เมื่อถามว่าขณะนี้พรรคภูมิใจไทยได้มีการกำชับให้ ส.ส.ลงพื้นที่เพื่อเตรียมการเลือกตั้งหรือไม่ นายชวรัตน์ กล่าวว่า ส.ส.ลงพื้นที่เป็นเรื่องปกติไม่เกี่ยวกับการหาเสียง และตอนนี้เราก็มีนโยบายที่ ส.ส.จะต้องลงพื้นที่เพื่อจัดกิจกรรมปกป้องสถาบัน

นายชวรัตน์ กล่าวว่า รู้สึกหนักใจหากมีการชุมนุมยืดเยื้อ ส่วนการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันที่ 31 มี.ค.จะมีการย้ายสถานที่หรือไม่นั้น ยังไม่ทราบ เพราะทางสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี(สลค.) ยังไม่ได้มีการแจ้งมา แต่ตนเชื่อว่า จะต้องมีการประชุม ครม.ที่ทำเนียบแน่นอน เมื่อถามว่าจะมั่นใจได้อย่างไรว่า ครม.จะไม่กลายเป็น ครม.นกขมิ้น ที่ต้องไปประชุมที่อื่นที่ไม่ใช่ทำเนียบรัฐบาล นายชวรัตน์ กล่าวว่า เพราะยังไม่มีการประสานจาก สลค.

ด้านนางพรทิวา นาคาสัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงครม.นกขมิ้น ว่า หากมีจริงก็ไม่เป็นไร ถือว่าเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศการประชุม เป็นครม.สัญจร

สาทิตย์เผยพบ ขรก.จัดทำวิดีโอลิงก์ให้ทักษิณ

นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้มีการตรวจสอบพบว่ามีข้าราชการในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีเป็นผู้จัดทำวิดีโอลิงก์ให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ใช้ในการปราศรัยของการชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดงที่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งตนได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจับตาและพร้อมที่จะชี้แจงแล้ว ส่วนเนื้อหาที่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวนั้น เห็นว่าปกปิดข้อเท็จจริงบางส่วนเพื่อประโยชน์ของตัวเอง โดยเฉพาะเนื้อหาการปราศรัยเมื่อคืนที่ผ่านมา (28 มี.ค.) ที่เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ตนเห็นว่าในรัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ไม่เคยนำมาดำเนินการขณะเดียวกัน การเรียกร้องให้ประชาชนทั่วประเทศลุกขึ้นสู้นั้น รัฐบาลมีความรู้สึกว่าเป็นห่วงว่าจะมีความรุนแรงเกิดขึ้น

นายสาทิตย์ กล่าวต่อว่า ขอตั้งคำถามกลับว่า ขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ และแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงต้องการล้มรัฐบาลหรือมีเรื่องอื่นอยู่ในใจด้วย เพราะเห็นว่าในการชุมนุมมีการโจมตีสถาบันองคมนตรีที่อาจจะส่งผลกระทบต่อสถาบันเบื้องสูงได้

ปชป.ซัดแม้วไม่อยู่กับร่องกับรอย ไล่ทบทวนตัวเอง

นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว เมื่อวันที่ 29 มของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า จากการติดตามฟังการโฟนอินทั้งสองวันของพ.ต.ท.ทักษิณ ตนรู้สึกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เหมือนคนที่ไม่อยู่กับร่องกับรอย โดยเฉพาะเนื้อหาการโฟนอินที่ขัดแย้งกันเอง โดยวันแรกพ.ต.ท.ทักษิณระบุว่า สนับสนุนการออกพ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติ เพื่อให้นิรโทษกรรมตัวเองและอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย และเสนอให้ยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่โดยรับปากว่า จะไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง แต่วันที่สองกลับบอกว่า ถ้าประชาชนให้โอกาส พ.ต.ท.ก็จะกลับมาแก้ปัญหาเศรษฐกิจเพื่อให้ประชาชนหายจน ตนจึงไม่เข้าใจว่าสรุปแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ อยากกลับมาประเทศไทยหรือไม่ เพราะตนฟังแล้วรู้สึกสับสน จึงอยากให้พ.ต.ท.ทักษิณกลับไปทบทวนว่าตัวเองต้องการอะไร

ส่วนที่พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่า รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้มาจากระบอบประชาธิปไตย นพ.วรงค์ กล่าวว่า ตนขอถามกลับว่าการที่ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลยกมือโหวตให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นนายกฯ ซึ่งเป็นไปตามกระบวนการของสภาฯ ไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตยหรืออย่างไร แต่ถ้าพ.ต.ท.ทักษิณ หมายความว่าการผลักดันพ.ร.บ.ปรองดองฯ เพื่อกลับมามีอำนาจอีกครั้งคือการหมายถึงระบอบประชาธิปไตยนั้น ตนอยากถามว่าใครจะเป็นผู้ได้ประโยชน์ถ้าไม่ใช่ตัวของพ.ต.ท.ทักษิณ

มาร์คอัดแม้วสับสนตัวเอง ถามเรียกร้องอะไรกันแน่

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวเมื่อวันที่ 29 มี.ค.ถึงการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) วันที่ 31 มี.ค. ว่า ในช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ ตนจะเดินทางเข้าเฝ้าฯ ถวายพระพรสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เนื่องจากในวันคล้ายวันพระราชสมภพ วันที่ 2 เม.ย. จากนั้นจะเดินทางไปขึ้นเครื่องบินเดินทางไปประชุมจี-20 โดยในช่วงที่ตนไม่อยู่นั้น ได้มอบหมายให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี รักษาการแทน แต่จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ซึ่งแนวทางก็เข้าใจกันดีอยู่แล้วว่ารัฐบาลจะเดินอย่างไร

ผู้สื่อข่าวถามว่า สรุปแล้วตั้งแต่วันจันทร์ที่ 30 มี.ค.นี้ ไปจนถึงวันที่จะเดินทางไปประเทศอังกฤษ จะไม่มีกำหนดการเข้าทำเนยบรัฐบาลใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มีกำหนดการ แต่ถ้าจำเป็นต้องเข้า ทั้งนี้ ไม่สามารถจะบอกได้ว่า กลุ่มคนเสื้อแดงจะมีมากขึ้นหรือไม่ เพราะเราเห็นความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดในเรื่องของตัวเลขของกลุ่มผู้ชุมนุม บางช่วงก็มีมากขึ้น บางช่วงก็มีน้อยลง เป็นธรรมชาติ จะพยายามดูแลไม่ให้กระทบต่อความมั่นคงและความสงบเรียบร้อย พร้อมย้ำว่า สังคมส่วนใหญ่ไม่ต้องการให้บ้านเมืองเกิดปัญหาอีก และรัฐบาลจะพยายามให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

เมื่อถามว่าจะทำตามข้อเรียกร้องของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ให้ยุบสภา หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนยังไม่ทราบว่า เรียกร้องอะไรกันแน่ บางทีพ.ต.ท.ทักษิณบอกว่าให้แก้รัฐธรรมนูญ ถ้ายุบสภาแล้วจะแก้รัฐธรรมนูญได้อย่างไร พ.ต.ท.ทักษิณยังสับสนตัวเองอยู่ ส่วนแนวทางของร่าง พ.ร.บ.การสร้างความปรองดองแห่งชาติ ในส่วนของกระบวนการตรงนี้ทั้งหมด ถ้าใช้วิธีพูดทีละคน จะมีแต่ความสับสน ทั้งหมดนี้ต้องเอาเข้ามาอยู่ในกรอบของการทำงานเรื่องการปฏิรูปการเมืองเข้า มาพูดคุยกัน ถ้ามีความบริสุทธิ์ใจในการให้ระบบเดินหน้าและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ก็เอามาคุยกัน เปิดเวทีให้กว้าง รัฐบาลพร้อมอยู่แล้ว แต่สิ่งที่เรียกร้องกันมาตอนนี้เป็นความพยายามที่จะปลุกระดมมากกว่า

เมื่อ ถามว่ารัฐบาลยังมีสมาธิในการทำงานดีอยู่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังมีสมาธิในการทำงานดี ตนสนใจกับงานของบ้านเมืองเป็นหลัก และมั่นใจว่ารัฐบาลทำงานได้

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ตำหนิแนวทางการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาลที่เน้นการกู้เงิน ว่า ไม่มีปัญหาอะไร เพียงแต่การกู้ยืมเงินในช่วงที่ผ่านมาของรัฐบาลที่ทำให้ขาดดุลงบประมาณ เป็นเรื่องที่รัฐบาลชุดที่แล้วหรือรัฐบาลชุดก่อนๆก็ทำ เป็นเรื่องปกติ อย่าพยายามบิดเบือนว่าสิ่งนี้ไม่ควรกระทำ ทั้งที่จริงถ้าใครที่เรียนเศรษฐศาสตร์เบื้องต้น จะทราบว่า จังหวะเวลานี้เหมาะสมที่สุดที่จะทำงบประมาณแบบขาดดุล มิฉะนั้นจะไม่มีอะไรมาปกป้องคุ้มครองคนที่ตกงาน คนที่มีรายได้น้อย และเกษตรกรในยามเศรษฐกิจไม่ดีโดยมีปัจจัยจากเรื่องภายนอกและการที่รัฐบาลได้ รับผลกระทบจากการจัดเก็บรายได้

ส่วนการกู้ยืมเงินมาเพื่อการลงทุนนั้นเป็นการเตรียมการสำหรับอนาคต นายกรัฐมนตรี ยืนยัน ว่า จะไม่กระทบต่อวินัยการเงินการคลัง ตนเห็นว่าข้อเสนอของพ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้พิเศษอะไรที่บอกว่าไม่ให้กู้เงิน แต่ให้ไปแคะกระปุกคือการนำเงินสำรองออกมาใช้ จะมีปัญหาในอีกทางหนึ่ง

เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณสื่อสารถึงประชาชนในระดับรากหญ้าว่าพร้อมกลับมาแก้ ปัญหาของประเทศ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก่อนหน้านี้มีผลสำรวจต่างๆรวมถึงเอแบคโพลล์ ตนไม่เชื่อว่าใครมาเป็นนายกรัฐมนตรีล้วจะไม่ต้องกู้เงินตอนนี้ คนส่วนใหญ่เข้าใจเศรษฐศาสตร์ดี

สุเทพจวกทักษิณยิ่งพูดยิ่งเห็นธาตุแท้

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวเมื่อวันที่ 29 มี.ค.ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ ถึงการผู้ชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง ว่า ไม่ได้ประเมินสถานการณ์การชุมนุม เพราะเป็นเรื่องเจ้าหน้าที่ที่ดูแลสถานการณ์ ไม่ให้ทำผิดกฎหมาย ส่วนที่การชุมนุมที่มีการปลุกระดมเพื่อให้เกิดความแตกแยกนั้น รัฐบาลคงไม่ต้องอธิบายอะไรกับประชาชน เพราะประชาชนเห็นอยู่แล้วว่าอะไรเป็นอะไร ส่วนรัฐบาลจะหาแนวทางป้องกันการพูดพาดพิงองคมนตรีอย่างไรนั้น เรื่องนี้มีกฎหมายดูแล และพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ซึ่งเป็นผู้เสียหาย ออกมาชี้แจงแล้ว โดยขอให้ประชาชนใช้วิจารณญาณในการพิจารณา ก็จะเห็นข้อเท็จจริงด้วยตนเอง ส่วนพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี เป็นผู้ใหญ่ คงไม่ออกมาตอบโต้ ผู้ที่พูดคือ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องรับผิดชอบตัวเอง ประชาชนจะเห็นธาตุแท้มากยิ่งขึ้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้โฟนอินโจมตีรัฐบาลเรื่องเศรษฐกิจว่ากู้เงินเพื่อผลาญงบประมาณ รองนายกฯ กล่าวว่า สิ่งที่รัฐบาลทำ ทุกอย่างโปร่งใส ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน ประชาชนได้ประโยชน์โดยตรง ซึ่งรัฐบาลจะเดินหน้าทำโครงการใหม่ๆ เกี่ยวกับระบบชลประทาน ระบบขนส่งมวลชน จึงไม่กังวลใจที่ พ.ต.ท.ทักษิณพูด รัฐบาลเดินหน้าต่อไปได้

เมื่อถามว่า หลังจากที่ พ.ต.ท.ทักษิณ มีวิดีโอลิงก์ทุกวันจะทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมเพิ่มขึ้นหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่จริง เมื่อคืน (28 มี.ค.) มีคนมาฟังน้อยกว่าเมื่อคืนวันที่ 27 มีนาคม ยิ่งพูดจาไม่เหมาะสม คนยิ่งน้อย

ผู้สื่อข่าวถามว่า การโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ พยายามเรียกร้องให้ทุกฝ่ายกลับมาเริ่มต้นใหม่นั้น เป็นไปได้หรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ทั้งหมดเป็นการเรียกร้องเพื่อให้ตนเองรอดจากคุก ได้ทรัพย์สินคืน และกลับมามีอำนาจ ส่วนในวันอังคารที่ 31 มีนาคม จะสามารถเข้าประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ทำเนียบรัฐบาลได้หรือไม่ ต้องคอยดูสถานการณ์ก่อน แต่คิดว่าไม่น่ามีปัญหา และไม่มีการเตรียมสถานที่สำรองสำหรับการประชุม

ตร.ขอเปิดพื้นที่ใกล้งานกาชาด

กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดงยังปักหลักชุมนุมปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล เป็นวันที่ 3 เมื่อวันที่ 28 มีนาคม ท่ามกลางการดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด

ทั้งนี้ ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) และ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 (ผบก.น.1) เจรจากับนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. ใช้เวลาประมาณ 5 นาที จากนั้น พล.ต.ต.อำนายกล่าวว่า มาเจรจาเพื่อหามาตรการรักษาความปลอดภัย และป้องกันมือที่ 3 เข้ามาป่วนในพื้นที่ ทางตำรวจจะตรวจยานพาหนะและบุคคลที่เข้าออกในที่ชุมนุม โดยการตรวจค้นขอให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ ไม่ใช่หน้าที่กลุ่มเสื้อแดง เพราะกฎหมายระบุไว้ นอกจากนี้จะตั้งด่านรอบบริเวณพื้นที่ชุมนุม นอกจากนี้ยังเจรจาขอเปิดพื้นที่บางส่วน โดยเฉพาะแยกสวนมิสกวันเพื่อจัดงานกาชาด คงต้องควบคุมเสียงและต้องขยับเต๊นท์มากกว่าที่เป็นอยู่

ผบช.น.ตั้งผบก.น.1หน.เจรจา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. มีคำสั่งลงวันที่ 27 มีนาคม มอบหมายหน้าที่รับผิดชอบรักษาความสงบเรียบร้อยในสถานการณ์การชุมนุมที่บริเวณทำเนียบรัฐบาลเพิ่มเติม ดังนี้ พื้นที่บริเวณทำเนียบรัฐบาลให้ พล.ต.ต.พงษ์สันต์ เจียมอ่อน พล.ต.ต.สุรพล ธนโกเศศ พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน พล.ต.ต.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบช.น.พล.ต.ต.อนันต์ ศรีหิรัญ รองผบช.ประจำสง.ผบ.ตร.ช่วยราชการ บช.น.รับผิดชอบ

พื้นที่บริเวณกระทรวงการต่างประเทศให้ พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รับผิดชอบ พื้นที่บริเวณบ้านพัก พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ มอบหมายให้ พล.ต.ต.วิบูลย์ บางท่าไม้ รอง ผบช.น. รับผิดชอบ พื้นที่บริเวณที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ มอบให้ พล.ต.ต.ฉันทวิทย์ รามสูต ผบก.ตปพ. พล.ต.ต.สาโรจน์ พรหมเจริญ ผบก.น.2 รับผิดชอบ นอกจากนี้ยังแต่งตั้ง พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 เป็นหัวหน้าชุดเจรจาต่อรอง

ถอดเทปแม้วไม่พบหมิ่นสถาบัน

พล.ต.ต.สุพร พันธุ์เสือ รอง ผบช.น. ในฐานะโฆษก บช.น. กล่าวถึงกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พูดผ่านวิดีโอลิงก์กับกลุ่มคนเสื้อแดงเมื่อ วันที่ 27 มีนาคม โดยโจมตี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรีและอดีตนายกฯ รวมทั้งคนอื่นๆ ว่า ให้ศูนย์ปฏิบัติการข่าวถอดเทปและวิเคราะห์เรียบร้อยแล้ว ยังไม่พบถ้อยคำที่หมิ่นสถาบัน แต่หมิ่นเฉพาะตัวบุคคลเท่านั้น เป็นเรื่องเฉพาะตัว ผู้เสียหายต้องร้องทุกข์กับตำรวจจึงจะดำเนินการได้

เมื่อถามว่า มีข่าวว่ากลุ่มเสื้อแดงจะไปบุกบ้านสี่เสาเทเวศร์ของ พล.อ.เปรมหรือไม่ พล.ต.ต.สุพร กล่าวว่า ย ังไม่มีข้อมูล แต่มีการดูแลทั่วไป เน้นจุดตรวจจุดสกัด (หรือ ว.43) เป็นพิเศษโดยรอบ 13 จุด เมื่อถามว่ามีการเจรจาขอให้ยุติการชุมนุมหรือไม่ พล.ต.ต.สุพรกล่าวว่า ฝ่ายเจรจาเข้าไปเจรจาแล้ว แต่ยังไม่ได้รับคำตอบว่าจะอยู่ถึงเมื่อใด หากเป็นไปได้อยากให้เลิกก่อนงานกาชาดใน วันที่ 30 มีนาคม เพราะมีเรื่องการรับเสด็จฯด้วย ขณะนี้เน้นตั้งสกัดและหาข่าวเพื่อเฝ้าระวังมือที่ 3 เป็นพิเศษ แต่ยังไม่พบรายงานข่าวที่น่าเป็นห่วง

111 จัดรายการร่วมกับเสื้อแดง

แหล่งข่าวจากอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย หรือสมาชิกบ้านเลขที่ 111 กล่าวว่า หลังพ.ต.ท.ทักษิณเรียกร้องให้กลุ่ม 111 และ 109 (กรรมการบริหารพรรคพลังประชาชนที่ถูกตัดสิทธิการเมืองพร้อมพรรคชาติไทยและพรรคมัชฌิมาธิปไตย) มาร่วมแสดงพลังกับกลุ่มเสื้อแดงนั้น ทางแกนนำกลุ่ม 111 ได้หารือกันในเบื้องต้นเห็นว่า ควรจะนำรายการ เวทีประชาธิปไตย ที่เคยออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ดีสเตชั่น ทุกวัน เวลา 22.30-23.30 น. มี น.ส.ศุภรัตน์ นาคบุญนำ เป็นพิธีกร มาผสมผสานกับการทำกิจกรรมของกลุ่มเสื้อแดง โดยปรับเปลี่ยนสถานที่จัดรายการจากสถานีดีสเตชั่น มาเป็นบนเวทีกลุ่มคนเสื้อแดงแทน พร้อมเชิญสมาชิก 111 และ 109 เป็นแขกรับเชิญขณะนี้ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา โฆษกส่วนตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ และนายวิชิต ปลั่งศรีสกุล อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย กำลังอยู่ประสานสมาชิกให้มาร่วมเป็นแขกรับเชิญ

นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตหัวหน้ากลุ่มไทยรักไทย ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เรียกร้องให้ 111 อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยออกมาร่วมเคลื่อนไหวกับกลุ่มคนเสื้อแดงว่า ขอเวลาปรึกษาหารือกับเพื่อนๆ ในกลุ่ม 111 ด้วยกันก่อน เมื่อได้ข้อสรุปแล้วจะแจ้งให้ทราบ

เลี้ยบวอนทุกฝ่ายเปิดใจกว้าง

นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี อดีตเลขาธิการพรรคพลังประชาชน ซึ่งเป็น 1 ในกลุ่ม 109 กรรมการบริหารที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง กล่าวว่า ขณะนี้ไม่ใช่มีเพียงวิกฤตการเมือง แต่ยังมีวิกฤตเศรษฐกิจด้วย จึงเป็นหน้าที่ของทุกฝ่าย ไม่ใช่เฉพาะกลุ่ม 111 หรือ 109 ที่ถูกตัดสิทธิเท่านั้น ทุกฝ่ายควรมาช่วยกันขบคิดว่าเราจะข้ามพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปอย่างไร ที่ผ่านมาทุกฝ่ายยังอยู่แต่ในกรอบความคิดของตัวเอง จึงควรเปิดใจให้กว้างและรับฟังข้อมูลจากฝ่ายต่างๆ รวมทั้งฝ่ายตรงข้าม เพราะเป็นไปไม่ได้เลยที่ใครจะได้อะไรไปทุกอย่าง และอีกคนต้องเสียไปทุกอย่าง ส่วนที่ พ.ต.ท.ทักษิณให้กลุ่ม 111 และ 109 ออกมาร่วมเคลื่อนไหวกับคนเสื้อแดงนั้น เห็นว่าการชุมนุมเป็นสิทธิในระบอบประชาธิปไตย แต่ก็มีหนทางอื่นๆ ที่เราจะช่วยได้ไม่ว่าจะเป็นการแสดงความคิดเห็นผ่านเวทีสาธารณะหรืออื่นๆ

เพื่อนเนวินชี้หวังผลคดี7.6หมื่นล.

นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แกนนำกลุ่มเพื่อนเนวิน พรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวว่า การดำเนินการของ พ.ต.ท.ทักษิณ คนเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทยนั้นสัมพันธ์กัน โดยแบ่งหน้าที่กันชัดเจน โดยคนเสื้อแดงจะเคลื่อนไหวในรูปแบบของกองทัพ ที่พร้อมจะสู้เพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ส่วนพรรคเพื่อไทย มีหน้าที่เสนอ ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติให้กับสังคมยอมรับ เพราะถูกกดดันจากกองทัพเสื้อแดง

ส่วน พ.ต.ท.ทักษิณมีหน้าที่โหมกระแสให้รุนแรง ด้วยการโจมตีสถาบันองคมนตรี เพื่อส่งสัญญาณว่าตัวเองพร้อมจะเล่นแรงๆ กับทุกคน เป็นที่น่าสังเกตว่าการเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ คนเสื้อแดง และพรรคเพื่อไทยที่รุนแรงช่วงนี้เป็นช่วงเดียวกับที่ศาลฎีกาแผนดคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเริ่มดำเนินการกับคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ 7.6 หมื่นล้านบาท ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณให้ความสำคัญถึงขนาดจะวิดีโอลิงก์แถลงเปิดคดีต่อศาล แสดงว่าการเคลื่อนไหวที่รุนแรงของเสื้อแดง หวังผลเกี่ยวกับคดียึดทรัพย์ เพื่อขอต่อรองคดีและกดดันให้ได้เงินคืน นายศุภชัยกล่าว

ภท.รับไม่ได้ แม้วเล่นแรงเกิน

นายศุภชัยกล่าวว่า แกนนำกลุ่มเพื่อนเนวิน และแกนนำพรรคภูมิใจไทย หารือกันแล้วเห็นว่าการเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ กลุ่มคนเสื้อแดง และพรรคเพื่อไทยขณะนี้มีความรุนแรงมาก เราไม่สามารถรับได้ เพราะเป็นการทำเพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณคนเดียว โดยไม่สนใจว่าความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับสังคมไทยและสถาบันองคมนตรีหรือสถาบันเบื้องสูง

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในอนาคตพรรคภูมิใจไทย จะทำงานการเมืองร่วมกับพรรคเพื่อไทยได้อีกหรือไม่นายศุภชัยกล่าวว่า เรื่องนี้นายเนวิน ชิดชอบ หัวหน้ากลุ่มเพื่อนเนวิน ไม่ได้แสดงความเห็น แต่พวกเราพรรคภูมิใจไทยรับไม่ได้กับพฤติกรรมดังกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณเรียกร้องให้ 111 อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย มาร่วมแสดงพลังร่วมกับคนเสื้อแดงว่า กลุ่ม 111 มีหลายกลุ่ม ซึ่งส่วนใหญ่ยอมรับคำพิพากษา จึงไม่น่าเข้าร่วมกับกลุ่มคนเสื้อแดง แต่มีบางกลุ่มที่ยังทำงานร่วมกับ พ.ต.ท.ทักษิณและพรรคเพื่อไทย อย่างกลุ่มของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้ากลุ่มวังทองหลาง นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา โฆษกส่วนตัว พ.ต.ท.ทักษิณ และนายภูมิธรรม เวชชยชัย อดีตรองเลขาธิการพรรคไทยรักไทย อา