ฝ่ายค้านตั้งฉายาปชป.ถนัดกู้เชื่อเช็คช่วยชาติกระตุ้นศก.ไม่ได้

ฝ่ายค้านตั้งฉายาปชป.ถนัดกู้เชื่อเช็คช่วยชาติกระตุ้นศก.ไม่ได้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
นายกฯออกปากขออภัยรับเช็คช่วยชาติไม่สะดวก ยันนโยบาย 99 วันเข้าเป้า ฝ่ายค้านตั้งฉายาประชาธิปัตย์ถนัดกู้ เชื่อไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริง เลขาฯ สปส.ย้ำไม่ส่งเช็คทางไปรษณีย์ โพลชี้ส่วนใหญ่ใช้แค่ 75% ที่เหลือเก็บ

พท.ตั้งฉายาประชาธิปัตย์ถนัดกู้

ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวเมื่อวันที่ 29 มีนาคม ถึงปัญหาการแจกเช็คช่วยชาติว่า ความวุ่นวายที่เกิดขึ้น แสดงให้เห็นถึงความไม่พร้อมของรัฐบาล ซึ่งเกิดจากการบริหารจัดการที่ไม่มีประสิทธิภาพ มุ่งหวังแต่จะหาเสียงล่วงหน้าจนขาดความรอบคอบ อีกทั้งยังเป็นการแก้ไขปัญหาที่ไม่ถูกจุดไม่ครอบคลุมแรงงานนอกระบบที่ได้รับความเดือดร้อนและมีจำนวนมากถึง 17 ล้านคน จึงทำให้เชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลครั้งนี้จะไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างแท้จริง

เถ้าแก่โวยพนง.ต้องลางานไปรับเช็ค

แหล่งข่าวจากผู้ประกอบการรายใหญ่กล่าวถึงการรับเช็คช่วยชาติว่า ทางรัฐบาลน่าจะมีวิธีการจัดการที่ดีกว่านี้ เพราะนอกจากปัญหาที่เกิดขึ้นจากความแออัดและการจัดระบบคิวที่ไม่มีประสิทธิภาพที่ลานคนเมืองแล้ว หลักเกณฑ์ในการรับเช็คยังสร้างปัญหาให้กับพนักงานหรือธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีสาขาทั่วประเทศอย่างมาก เพราะมีการกำหนดเอาไว้ว่าผู้มีสิทธิได้รับเช็คจะต้องเดินทางมารับด้วยตัวเองที่สำนักงานใหญ่ ทำให้หลายคนไม่คุ้มที่จะต้องเสียค่าเดินทางเข้ามา ทำให้มูลค่าที่ได้รับจริงเหลือเพียงเล็กน้อยเท่านั้น นอกจากนี้พนักงานจะต้องลางานเพื่อเดินทางเข้ามา ทำให้สาขาขาดแรงงานจำนวนมาก ถึงขั้นกระทบต่อการทำงานหรือการผลิตสินค้า

นโยบายเช็คช่วยชาติเป็นนโยบายที่ดี แต่การกำหนดหลักเกณฑ์ในการรับเช็คที่ไม่รัดกุม และไม่รอบคอบ ทำให้เกิดผลกระทบข้างเคียงออกมา รัฐบาลน่าที่จะทบทวนในเรื่องของวิธีการรับเช็คช่วยชาติใหม่ หาวิธีการที่สามารถให้นายจ้างสามารถรับแทนคนงาน แล้วนำส่งให้พนักงานโดยระบบของโรงงานหรือบริษัทเอง จะช่วยแก้ปัญหาให้กับบริษัทขนาดใหญ่ที่มีสาขาจำนวนมากได้ แหล่งข่าวกล่าว

เลขาฯสปส.ย้ำไม่ส่งทางไปรษณีย์

นายปั้น วรรณพินิจ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) กล่าวถึงภาพรวมการจ่ายเช็คช่วยชาติที่ลานคนเมือง ตลอด 3 วันที่ผ่านมาว่า เป็นการจ่ายเช็คที่จัดขึ้นเป็นกรณีพิเศษในภาพรวมทั่วประเทศ ซึ่งสามารถดำเนินการได้ใกล้เคียงกับเป้าหมาย แต่หลังจากวันนี้ผู้ประกันตนมาตรา 33 และมาตรา 39 สปส.ได้ประชาสัมพันธ์ให้ไปรับเช็คตามสถานที่ที่กำหนด แต่หากไม่สามารถมารับเช็คได้ตามวัน-เวลา และสถานที่ที่แจ้งไว้ ผู้ประกันตนสามารถเดินทางมารับเช็คได้ที่ สปส.ประจำจังหวัด หรือ สปส.เขตพื้นที่ที่ยื่นแบบได้จนถึงวันที่ 8 เมษายนนี้ ตั้งแต่เวลา 08.00 - 20.00 น.

นายปั้นกล่าวว่า ส่วนกรณีผู้ประกันตน มาตรา 38 ที่ออกจากงานแต่ไม่เกิน 6 เดือน ล่าสุดมีประมาณ 130,000 คนทั่วประเทศ คาดว่าจะเริ่มจ่ายเช็คได้ตั้งแต่วันที่ 5 เมษายนนี้ เป็นต้นไป ซึ่ง สปส.จะทำหนังสือแจ้งสถานที่ วันและเวลา ให้แก่ผู้ประกันตนไปรับอีกครั้ง ทั้งนี้ หากผู้ประกันตนไม่สามารถมารับเช็คได้ด้วยตนเอง สปส.กำลังพิจารณาถึงรูปแบบการมอบอำนาจให้ผู้อื่นมารับแทน คาดว่าไม่เกินวันที่ 1 เมษายนนี้ จะมีแนวทางที่ชัดเจน พร้อมย้ำผู้ประกันสามารถติดต่อขอรับเช็คได้ไม่เกินวันที่ 15 มิถุนายนนี้ โดย สปส.จะทำหนังสือแจ้งเตือนไปยังผู้ประกันตนอีกครั้ง

เตือนผู้ประกันตนว่าอย่าหลงเชื่อผู้แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ติดตส่งเช็คไปทางไปรษณีย์ เพราะสปส.ไม่มีการแจกจ่ายเช็คทางไปรษณีย์ ผู้ประกันตนต้องมารับด้วยตนเองเท่านั้น แม้ล่าสุดจะยังไม่มีการแจ้งว่าได้รับเช็คปลอมก็ตามนายปั้นกล่าว

มาร์คขออภัยรอรับเช็คนาน

ทั้งนี้ ในช่วงเช้า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวผ่านรายการ เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์ โดยเป็นการบันทึกเทปรายการตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคม ถึงการบริหารงานภายหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่าได้เร่งรัดงานทั้งด้านเศรษฐกิจ ความมั่นคงและสังคม โดยเฉพาะการมอบเช็คช่วยชาติตามนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับแรกเมื่อวันที่ 26 มีนาคม ซึ่งทราบดีว่ามีประชนชนจำนวนมากไปรอรับ อาจจะมีความไม่สะดวก ดังนั้นก็ขออภัยและขอความเข้าใจด้วย แต่จะเร่งแก้ไขปัญหาและอุปสรรค แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นไปด้วยความเรียบร้อย

ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ยังตอบคำถามของผู้ดำเนินรายการถึงกรณีข้อเรียกร้องของเกษตรกรที่ไม่มีเงินเดือนจึงไม่ได้รับเช็คว่า เรื่องนี้รัฐบาลพยายามทำ แต่มีปัญหาเรื่องฐานข้อมูล ซึ่งสำหรับภาคการเกษตรกรจะมีเงินที่รัฐบาลจะทุ่มลงไปช่วยมากกว่าโครงการเช็คช่วยชาติประมาณเกือบ 10 เท่า ทั้งเรื่องพืชผลและโครงการชุมชนพอเพียง ที่มีการโอนเงินไปแล้วกว่า 8,000 หมู่บ้าน โดยในขั้นต่อไปจะนำข้อมูลของบุคคลที่อยู่นอกระบบประกันสังคมเข้ามาในระบบมากขึ้น ทั้งนี้ เพื่อให้มีระบบการออมและเป็นหลักประกันชีวิตที่ดีขึ้นด้วย

พอใจเช็คกระตุ้นภาคเอกชน

ส่วนกรณีที่ผลสำรวจเอแบ็คโพลล์ระบุว่า ประชาชนต้องการให้รัฐบาลแจก 2,000 บาทอย่างน้อย 6 เดือนต่อครั้งจะทำให้ประชาชนมีนิสัยเสพติดหรือไม่นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่คิดว่าจะเป็นเช่นนั้น แต่ยืนยันว่า มาตรการนี้รัฐบาลตั้งใจประคับประคองความยากลำบากช่วงนี้และเชื่อว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศอื่นๆ ที่ลงไปจะทำให้ปัญหาสถาบันการเงินในประเทศใหญ่ ๆ เริ่มได้รับการชำระสะสาง อีกทั้งการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่ไม่ได้อยู่ในงบกลางปีก็เริ่มน่ามีเม็ดเงินลงไปประมาณวันที่ 1 ตุลาคม เชื่อว่า ปลายปีน่าจะมีอะไรที่ชัดเจนขึ้นและหวังว่าคงไม่จำเป็นจะต้องมีมาตรการมาช่วยรายได้ 2,000 บาทแล้ว

พอเงินออกไปก็เริ่มมีผลในภาคเอกชนบ้างแล้ว ซึ่งเหตุผลที่จ่ายเป็นเช็คและไม่ได้โอนเข้าไปบัญชีเฉย ๆ ก็เพื่อต้องการกระตุ้นให้เกิดการแข่งขัน การที่จะเสนอสิ่งดีให้กับประชาชน ก็รู้สึกว่าคึกคักพอสมควร ผมก็ดู 2 - 3 วันที่ผ่านมา ห้างร้านต่าง ๆ ทั้งใหญ่และเล็ก ก็พูดถึงว่าเช็คช่วยชาติถ้าไปใช้กับเขาแล้ว จะเพิ่มมูลค่าให้อย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าว

ยันเดินตามนโยบาย99วันได้ผล

นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงโครงการต้นกล้าอาชีพว่า ขณะนี้มีประชาชนกว่า 1 แสนคนเข้าร่วมโครงการ โดยจะมีการฝึกอบรมเป็นชุดๆ กลุ่มแรกเริ่มต้นที่ 30,000 คน จากนั้นก็จะทยอยเข้าหลักสูตรการอบรมเพิ่มพูนทักษะและนำไปสู่กระบวนการจัดหางานหรือกลับคืนถิ่น เพื่อที่จะไปประกอบอาชีพอิสระหรือไปประกอบอาชีพในการเป็นเจ้าของวิสาหกิจชุมชนต่อไป โครงการนี้ถือเป็นไปตามเป้าหมาย สำหรับโครงการอื่นๆ นั้นรัฐบาลก็ได้ผลักดันให้เป็นรูปธรรมตามที่วางนโยบายไว้ อาทิ นโยบายเรียนฟรี เงินสนับสนุน อสม. เบี้ยยังชีพ ก๊าซหุงต้ม เอ็นจีวีก็ตรึงไว้แล้ว เพราะถือว่าเป็นสิ่งที่จะกระทบกับประชาชน

หากพูดย้อนไปถึงนโยบาย 99 วันที่เคยพูดไว้ ก็ถือว่าได้เดินไปตามที่ได้พูดแล้ว แต่ยังมีหลายเรื่องที่ต้องทำและต้องเร่งทำอย่างที่ยืนยันไป ก็ไม่ได้ท้อ หรือไม่ได้หวั่นไั้งสิ้นกับภาวะปัญหาต่างๆ ที่เข้ามา ถือว่ามีหน้าที่ทำงานก็เดินหน้าทำไปอย่างเต็มที่ นายอภิสิทธิ์กล่าว

โพลชี้ส่วนใหญ่ใช้ไม่เต็ม2พัน

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลการสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายเช็คช่วยชาติ 2,000 บาท จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,047 ตัวอย่าง ครอบคลุมทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 26-28 มีนาคม พบว่ากลุ่มตัวอย่าง 32.73% ระบุว่าจะใช้จ่ายเต็มจำนวนเงิน 2,000 บาท เพราะมีความจำเป็นต้องใช้ รองลงมาคือเพื่อสนองนโยบายของรัฐบาล และถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจตามนโยบายรัฐ ขณะที่กลุ่มตัวอย่าง 56.94% ระบุว่าจะใช้จ่ายบางส่วนและเก็บออมบางส่วนตามความจำเป็น ส่วนอีก 10.33% ระบุว่าจะเก็บออมทั้งหมดไม่ใช้จ่ายเลย เพราะเห็นว่าสถานการณ์เศรษฐกิจยังไม่ดีขึ้น ควรเก็บออมไว้ใช้ในยามจำเป็น รองลงมาได้แก่การเก็บเป็นของที่ระลึก เพราะคาดว่าจะไม่มีการจ่ายเช็คเช่นนี้อีก

นอกจากนี้ พบว่าทุกภูมิภาคจะมีการใช้บางส่วนและเก็บเงินบางส่วนมากที่สุด ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการแจกเช็ค 2,000 บาท จะมีเงินบางส่วนถูกเก็บออม ไม่ได้ใช้จ่ายตามวัตถุประสงค์ที่รัฐบาลต้องการอย่างเต็มที่ นอกจากนี้หากพิจารณาในกลุ่มรายได้ พบว่ากลุ่มที่จะเก็บออมมากที่สุด คือกลุ่มที่มีระดับรายได้ต่ำกว่า 7,500 บาท เนื่องจากเห็นว่าสถานการณ์ภาวะเศรษฐกิจยังไม่แน่นอน ประกอบกับตนเองยังคงไม่แน่ใจในสถานการณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการจ้างงาน จึงต้องก็บออมเอาไว้ใช้ยามฉุกเฉิน

คาดหมุน3รอบกระตุ้นจีดีพีแค่0.3%

นายธนวรรธน์กล่าวด้วยว่า เมื่อสำรวจถึงพฤติกรรมการใช้เช็ค 2,000 บาท พบว่า 80.69% จะแลกเป็นเงินสดทันที ด้วยเหตุผลว่ากลัวหาย ต้องการเก็บไว้ใช้นานๆ ต้องการออมทันที และสะดวกในการซื้อของมากกว่าเป็นเช็ค ตามลำดับ รองลงมา 11.29% จะซื้อสินค้าให้เหลือเงินทอนเพื่อไปซื้อของอย่างอื่น หรือเป็นเงินออม

คาดว่าจะมีการใช้จ่ายเงินเฉลี่ยต่อคนประมาณ 1,546.77 บาท คิดเป็น 75% ของวงเงินเช็ค 2,000 บาท ซึ่งจะมีวงเงินแพร่สะพัดในรอบแรก (26 มีนาคมจนถึงช่วงเทศกาลสงกรานต์) ประมาณ 15,000 - 17,000 ล้านบาท โดยเชื่อว่าการใช้เงินจากเช็ค 2,000 บาท จะก่อให้เกิดการหมุนเวียนของเงินในระบบเศรษฐกิจประมาณ 3 รอบหรือ 45,000-60,000 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(จีดีพี)ในปีนี้เพิ่มขึ้นจากระดับที่ไม่มีมาตรการนี้ 0.3-0.5 % และคาดว่าอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 2 จะเพิ่มขึ้นจากระดับที่ไม่มีมาตรการนี้ 1.5-2% นายธนวรรธน์ กล่าว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook