จับสลากม.1ฉลุยจุรินทร์ลั่นคำมั่น

จับสลากม.1ฉลุยจุรินทร์ลั่นคำมั่น

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ให้ทุกคนได้เรียน จับสลากเข้าเรียน ม.1 สุดคึกคักลุ้นกันสนุก นร. บางคนต้องจับพระที่ห้อยคอบริกรรมคาถาก่อนล้วงมือจับสลาก รร.หอวัง รับ 85 คน แต่เข้าคิวจับสลากกว่า 400 สัดส่วน 1 ต่อ 5 ขณะที่ศึกษานารี สายปัญญา มีเฮเกินเล็กน้อยรับหมดทุกคน จุรินทร์ ยืนยันถึงจับสลากไม่ได้แต่นักเรียนทุกคนต้องมีที่เรียน และได้เข้าโครงการเรียนฟรี 15 ปี พร้อมประกาศการจับสลากยังต้องมีต่อไป ส่วนเลขาธิการ กพฐ.เตือนเด็กพลาดหวังรีบยื่นความจำนงให้จัดที่เรียนภายใน 6 เม.ย.นี้ ผู้สื่อข่าวรายงานมาเมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 29 ม ี.ค. ว่า สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กำหนดให้มีการจับสลากเข้าเรียนต่อในระดับชั้น ม.1 ประจำปีการศึกษา 2552 สำหรับนักเรียนในเขตพื้นที่บริการทุกโรงเรียนพร้อมกันทั่วประเทศ โดยที่ รร.หอวัง นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.ศึกษาธิ การ ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจนักเรียนและผู้ปกครองที่เข้าจับสลาก โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก ก่อนที่จะเริ่มจับสลากผู้ปกครองพาลูกหลานไปกราบไหว้พระพุทธรูปและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำโรงเรียนพร้อมกับบนบานขอให้บุตรหลานจับสลากได้เข้าเรียน ซึ่งโรงเรียนหอวังใช้วิธีการจับเหรียญสีชมพูและสีเขียว ถ้าจับได้สีเขียวจึงได้เข้าเรียน เมื่อถึงเวลาจับสลากมีนักเรียนบางคนต้องใช้มือจับพระที่ห้อยคอสวดบริกรรมคาถาพร้อมกับใช้อีกมือล้วงหยิบเหรียญท่ามกลางเสียงเชียร์จากเพื่อน ๆ พี่ ๆ เป็นระยะ ๆ หากคนไหนจับได้เหรียญสีชมพูก็จะมีอาจารย์ เพื่อน ๆ และรุ่นพี่มาคอยปลอบใจ และพาไปรับเอกสารกรอกข้อมูลเพื่อยื่นความจำนงให้จัดหาสถานที่เรียนอื่นแทน ส่วนนักเรียนที่จับได้เหรียญสีเขียวต่างยิ้มแย้มแสดงอาการดีใจรวมทั้งผู้ปกครองด้วย

นายปลองยุทธ อินทพันธุ์ ผอ.รร.หอวัง เปิดเผยว่า มีนักเรยนสมัครจับสลากทั้งสิ้น 471 คน แต่มารายงานตัว 420 คน ขณะที่โรงเรียนสามารถรับได้เพียง 85 คน คิดเป็นอัตราส่วนการแข่งขัน 1:5 อย่างไรก็ตามทางโรงเรียนได้จัดให้นักเรียนที่พลาดหวังได้ยื่นคำร้องกับทางโรงเรียนไว้แล้ว เพื่อจะได้เกลี่ยนักเรียนไปในโรงเรียนที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงจำนวน 6 โรงเรียน คือ รร.ราชวินิตบางเขน รร.จันทร์หุ่นบำเพ็ญ รร.พิบูลย์อุปถัมภ์ รร.บางบัวเพ่งตั้งตรงจิต รร. มัธยมประชานิเวศ และ รร.เสนานิคม

นายจุรินทร์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังตรวจเยี่ยมว่า นักเรียนที่จับสลากไม่ได้รัฐบาลและกระทรวงศึกษาธิการจะจัดหาที่เรียนให้ทุกคน โดยให้ยื่นความจำนงเพื่อให้ทางโรงเรียนจัดหาที่เรียนให้ในโรงเรียนที่สามารถรองรับได้ และนักเรียนทุกคนจะได้เข้าโครงการเรียนฟรี 15 ปี อย่างมีคุณภาพด้วย และขอฝากไปถึงนักเรียนที่พลาดการจับสลากในโรงเรียนยอดนิยมว่า การพลาดโอกาสไม่ได้หมายความว่าจะไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต เพราะไม่ว่าจะเรียนโรงเรียนไหนก็สามารถประสบความสำเร็จได้ เพียงแต่ขอให้ตั้งใจใฝ่รู้เท่านั้น

ต่อข้อถามถึงแนวคิดในการยกเลิกการจับสลากเข้าเรียน เพื่อลดความกดดันของเด็กและผู้ปกครอง นายจุรินทร์ กล่าวว่า การจับสลากมีทั้งข้อดีข้อเสีย ถ้าจะเปลี่ยนไปเป็นการสอบทั้งหมด จะทำให้โรงเรียนดังคัดเด็กเก่งไปหมด ขณะที่เด็กที่สอบไม่ได้ต้องไปเรียนในโรงเรียนที่อยู่ไกลบ้าน อีกทั้งการจับสลากก็ปฏิบัติกันมานานจนเป็นที่รับทราบและยอมรับจากผู้ปกครองแล้ว ดังนั้นตนจึงไม่คิดที่จะปรับเปลี่ยนอะไร เพราะไม่อยากให้เด็กและผู้ปกครองสับสน ที่สำคัญถ้ายังไม่มีวิธีการที่ดีกว่านี้ แล้วมาเปลี่ยนแปลงแทนที่จะเป็นการแก้ปัญหาอาจจะสร้างปัญหามากกว่าเดิมก็ได้

ด้านคุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวภายหลังตรวจเยี่ยมการจับสลากของ รร.สายปัญญา และ รร.ศึกษานารี ว่า ในส่วนของโรงเรียนสายปัญญา เนื่องจากปีนี้มีเด็กพื้นที่มาสมัครน้อยกว่าแผนการรับนักเรียนที่กำหนดไว้ และโรงเรียนยังมีพื้นที่เหลือจึงให้รับเด็กเข้าเรียนทุกคน ส่วนโรงเรียนศึกษานารีมีนักเรียนมาลงทะเบียนจับสลากเกินกว่าจำนวนที่จะรับเล็กน้อยจึงให้โรงเรียนรับเด็กทุกคนเช่นกัน อย่างไรก็ตามสำหรับนักเรียนที่จับสลากไม่ได้ให้นักเรียนไปยื่นความจำนงขอให้จัดหาที่เรียนรอบสองได้ที่โรงเรียนที่สอบ หรือที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ภายในวันที่ 6 เม.ย.นี้ เพื่อจะได้จัดหาโรงเรียนให้ต่อไป

นายปรีชา จิตรสิงห์ ผอ.สพท.กทม. เขต 2 กล่าวว่า สพท.กทม.เขต 2 จะประชุมเพื่อจัดที่เรียนรอบสองให้แล้วเสร็จก่อนช่วงหยุดสงกรานต์ โดย สพท.กทม.เขต 2 มีนักเรียนทั้งในและนอกเขตพื้นที่บริการมาสมัครเข้าเรียนกว่า 3.2 หมื่นคน แต่รับได้ 1.7 หมื่นคน ในจำนวนนี้มีนักเรียนในเขตพื้นที่บริการเกินอยู่กว่า 9,000 คน อย่างไรก็ตามมั่นใจว่าจะสามารถจัดสรรที่เรียนให้นักเรียนได้ทุกคน เพราะยังมีโรงเรียนในสังกัด สพฐ. และกทม.ที่ยังมีที่ว่างรับได้อยู่ ส่วนการขยายห้องเรียนนั้น คณะกรรมการสถานศึกษาจะแจ้งมายัง สพท.เพื่อพิจารณาเป็นรายโรง ซึ่งคุณหญิงกษมาได้ให้นโยบายไว้ว่า ให้ขยายห้องเรียนได้ไม่เกิน 50 คน แต่สำหรับโรงเรียนดังอาจพิจารณาขยายเพิ่มเติมได้ตามความจำเป็น.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook