10 การดีใจสุดเจ๋ง

10 การดีใจสุดเจ๋ง

10 การดีใจสุดเจ๋ง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ที่ประเทศอุรุกวัย ปี 1930 ฟุตบอลโลกถูกจัดขึ้นเป็นครั้งแรก โดยเกมเปิดสนาม เป็นการพบกันของ ฝรั่งเศส ทีมหัวเรี่ยวหัวแรงในการจัดการแข่งขันครั้งนี้ขึ้นมา กับทีมชาติเม็กซิโก ท่ามกลางกองเชียร์ที่เข้ามาเป็นสักขีพยานกว่า 3,000 คน

 หลังจากกรรมการลอมบาร์ดี้ เป่านกหวีดเริ่มเกมได้เพียงแค่ 19 นาทีเท่านั้น แฟนบอลทั้งสนามก็ได้เฮกันลั่น เมื่อ ลูเซียง โรแบร์ ของทีมแดนน้ำหอมเป็นคนสับไกให้ทีมขึ้นนำไปก่อน เพื่อนร่วมทีมของเขาต่างรุมกันเข้ามารุมจับมือกับนักเตะที่ได้ชื่อว่า เป็นคนยิงประตูแรกในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลก หลังจากนั้นโลกลูกหนังก็ได้รู้จักกับการดีใจหลังทำประตูได้ของเหล่านักเตะ...

 กว่า 80 ปีต่อมาหลังจากนั้น อาการดีใจของนักฟุตบอลหลังพังประตูได้ มีการพัฒนาขึ้นมา ทั้งในด้านที่ดีและแย่ เหล่านักเตะไม่ได้เพียงแค่จับมือกันแบบลวกๆ อีกต่อไปแล้ว บางคนถึงกระทั่งพกอุปกรณ์อย่างเช่น หน้ากากหรือจุกนม ลงไปในสนาม เพื่อเป็นส่วนนึงของการแสดงโชว์ ขณะที่บางคนก็ทำพิเรนทร์ๆ ในแบบที่ต่างกันไป ดังนั้นในฐานะที่โลกฟุตบอลได้รู้จักกับการดีใจมากว่า 80 ปี นิตยสารชื่อดังของเมืองผู้ดีอย่าง "โฟร์โฟร์ทู" ก็เลยมีการจัด 10 อันดับการดีใจที่มองแล้วว่า เก๋เสียจริงขึ้นมา ไปดูกันเลยว่า มีแบบไหนกันบ้าง...

1. เซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน
ต้องขอออกตัวอีกครั้งว่า การจัดอันดับครั้งนี้ ถูกจัดจากสื่อต่างประเทศ เพราะเราก็ไม่รู้อันดับหนึ่งที่ยกมา มันวิเศษวิโสตรงไหน ในเมื่อมันช่างเป็นการดีใจที่ธรรมดาๆ สุด เสียยิ่งกว่าอะไร บางทีอาจเพราะ ชาร์ลตัน คือตำนานของชาวอังกฤษ เลยติดโผมาแบบเสียไม่ได้ โดยชอตนี้ ชาร์ลตัน ลากบอลมาจากกลางสนาม ก่อนจะได้โอกาสกดบอลระยะประมาณ 30 หลาเข้าไป ก่อนที่ปู่แกจะสะใจสุดๆ ด้วยการกระโดดแบบตัวลอย ก่อนจะลงมาชูมือดีใจกับเพื่อนร่วมทีม แล้วตกลงท่านี้ มันเจ๋งตรงไหนฟะ?

2. ร็อบบี้ ฟาวเลอร์
ชอตนี้เกิดขึ้นในแอนฟิลด์ ระหว่างเกมเมอร์ซี่ย์ไซต์ ดาร์บี้แมตช์ ซึ่งแน่นอนว่า บรรยากาศของเกมจะต้องร้อนระอุสุดๆ โดยจังหวะดังกล่าว ลิเวอร์พูล ได้จุดโทษและเป็น "ก็อด" ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ ที่อาสารับหน้าที่สังหารจุดโทษดังกล่าว ท่ามกลางแฟนบอลหลังประตูที่เป็นชาวเอฟเวอร์โตเนี่ยนเต็มขั้น ซึ่งคอยตระโกนด่าดาวยิงพลาสเตอร์ยาว่า เป็นพวกชอบเล่นยาเสพติด อย่างไรก็ตาม ฟาวเลอร์ ก็นิ่งพอที่จะซัดลูกโทษเข้าไป ก่อนที่เจ้าตัวจะนึกพิเรนทร์ด้วยการประชดแฟนบอลทีมเยือน ด้วยการทำท่าสูดเส้นสนามบนพื้น แบบเดียวกับท่าเล่นโคเคน แต่น่าเสียดายที่เอฟเอไม่ตลกกับเรื่องนี้ และสั่งแบน ฟาวเลอร์ เป็นจำนวน 4 เกมด้วยกัน

3. เคร็ก เบลลามี่
นี่เป็นอีกครั้งที่การดีใจเกิดขึ้นจากอารมณ์ขันของนักเตะจากถิ่นแอนฟิลด์ ในเกมที่นักเตะ "หงส์แดง" ต้องทำศึกหนักด้วยการไปเยือน บาร์เซโลน่า ท่ามกลางกระแสความยุ่งวุ่นวายในแคมป์ฝึกซ้อม เมื่อมีข่าวออกมาก่อนหน้านี้ว่า เบลลามี่ ไปมีเรื่องทะเลาะกับ ยอห์น อาร์เน่ รีเซ่ และดาวยิงขี้บ่นก็บรรจงทาบไม้กอล์ฟไปบนหน้าแข้งของแบ็กนอร์เวย์ อย่างไรก็ตาม พอลงเล่นเกมจริงๆ บรรดานักเตะ "เรดแมชชีน" ก็ยังแสดงให้เห็นถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เมื่อ เบลลามี่ ที่หลังจากยิงประตูได้ ก็ได้รับการสวมกวดจาก รีเซ่ ทั้งๆ ที่มีข่าวว่า มีเรื่องกันมาก่อนหน้านี้ ก่อนที่กองหน้าทีมชาติเวล์ส จะเอาฮาด้วยทำท่าหวดไม้กอล์ฟ เป็นการปิดท้ายมันซะเลย

4. พอล แกสคอยน์
ไม่แปลกที่จอบแสบอย่าง แกสคอยน์ จะต้องติดโผเข้ามาอยู่แล้ว เมื่อ "แกซซ่า" มีวีรกรรมสุดแสบสมัยเป็นนักเตะให้เล่าเต็มไปหมด แต่ถ้าพูดถึงเรื่องการดีใจ คงต้องย้อนไปเมื่อครั้ง ยูโร 1996 ที่เมืองผู้ดีรับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพ ท่ามกลางปัญหาเรื่องความอื้อฉาวก่อนที่ทัวร์นาเม้นต์จะเริ่มต้นขึ้นของเหล่าขุนพลทีม "สิงโตคำราม" หลังจากมีการจับภาพได้ว่า นักเตะเล่นพิเรนทร์ด้วยนั่งบนเก้าอี้หมอฟัน พร้อมกับเอาเหล้ากรอกปาก ระหว่างการไปทัวร์ฮ่องกง จนถูกสื่อโจมตีอย่างหนัก โดยเฉพาะตัวแสบอย่าง แกสคอยน์ ซึ่งหลังจาก "อ้วนซ่า" ซัดประตูในเกมสกอตแลนด์ได้ ลุงแกก็ทำท่าดีใจรำลึกถึง "เก้าอี้หมอฟัน" มันอีกครั้งซะเลย

5. สตีเฟ่น ไอร์แลนด์
เหตุการณ์นี้ ต้องบอกว่า เกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ เมื่อฤดูกาลก่อนเท่านั้น โดยเป็นเกมระหว่าง แมนฯ ซิตี้ กับ ซันเดอร์แลนด์ เมื่อ ไอร์แลนด์ ที่มีสัญชาติเป็นชาวไอร์แลนด์ ซัดประตูให้แฟนๆ ในสนามซิตี้ ออฟ แมนเชสเตอร์ ได้ดีใจกันถ้วนหน้า แต่เจ้าตัวดูเหมือนคิดว่า สาวๆ อาจจะยังไม่กรี๊ดกร๊าดกันมากพอ ทันใดนั้น อะไรดลใจไม่ทราบ ไอร์แลนด์ จึงตัดสินใจดึงกางเกงของตัวเองลงมา เพื่อโชว์กุงเกงลิงที่พี่แกใส่มา พร้อมกับยืดอกแอ็คท่าเป็นซูเปอร์แมนต่อหน้าธารกำนัลทั้งหลาย ซึ่งต้องบอกว่า น่าเชื่อเหมือนกันที่ ไอร์แลนด์ กลับไม่ได้ถูกลงโทษเลยแม้แต่นิดเดียว สงสัยกติกาจะกำหนดเอาไว้แค่ว่า ถอดเสื้อเท่านั้นจึงจะถูกใบเหลือง แต่ถอดกางเกงได้ซะงั้น!

6. เบเบโต้
ในฐานะประเทศอับดับหนึ่งของฟุตบอล เชื่อว่า แดนแซมบ้า น่าจะมีอากัปกิริยาอาการดีใจเจ๋งๆ ให้เราได้เห็นกันบ้างล่ะ ซึ่งต้องบอกว่า ท่าที่ได้รับการกล่าวขวัญ รวมถึงมีคนนำไปเลียนแบบมากมาย คงต้องยกให้กับท่า "กล่อมลูก" ของ เบเบโต้ หลังจากที่ดาวยิงร่างเล็กสามารถยิงประตูให้กับทีมได้ในเกมกับ ฮอลแลนด์ ช่วงเกมฟุตบอลโลก ปี 1994 ซึ่งเวลาดังกล่าว พอเหมาะพอเจาะกับการที่ภรรยาของ เบเบโต้ เพิ่งจะให้กำเนิดลูกน้อยคนที่ 3 พอดิบพอดี เจ้าตัวและเพื่อนร่วมทีมทั้ง มาซินโญ่ และโรมาริโอ ก็เลยทำท่ากล่อมลูกเป็นการอุทิศให้กับทารกน้อยนั่นซะเลย

7. คาร์ลอส เตเบซ
นี่ก็เป็นอีกหนึ่งการดีใจที่มอบให้แก่ลูกและครอบครัวของตัวเอง หลังจากที่ เตเบซ สามารถซัดประตูให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ในเกมกับ เบอร์มิงแฮม ดาวเตะฉายา "เดอะ ไลอ้อน" ก็จัดการคว้าจุกนมที่บรจงเหน็บไว้ในกางเกงมาเป็นอย่างดี แล้วก็ดูดจ๊วบๆ เพื่อเป็นการแสดงความคิดถึงครอบครัว ซึ่งกองหน้ามะขามข้อเดียวก็มาเผยในคราหลังว่า กำลังอยู่ในช่วงที่คิดถึงลูกน้อยที่ชื่อว่า "ฟลอเรนเซีย" อย่างหนัก เนื่องจากช่วงที่เกมลงเตะกันนั้นเป็นช่วงคริสต์มาส ขณะที่ครอบครัวของ เตเบซ จำต้องเดินทางกลับไปยังอาร์เจนติน่า บ้านเกิดเพื่อฉลองปีใหม่ตามประเพณีแบบเสียไม่ได้ "แผนอมจุกนม ก็เพื่อแสดงความรักต่อลูกสาวและให้เธอกับภรรยาผมรู้ว่าพวกเขายังเป็นอันดับแรกเสมอ" เตเบซ ที่สุดแสนจะเป็นแฟมิลี่แมน ว่าอย่างนั้น

8. สจ๊วต เพียร์ซ
แบ็กซ้ายฉายา" "ไซโค" ที่ต้องบอกว่า ชื่อนี้ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย หรือว่า จับสลากได้มาแต่อย่างใด แต่ด้วยสไตล์การเล่นที่หนักหน่วงอย่างกับคนโรคจิตของกุนซือทีมชาติอังกฤษ ชุดยู 21 คนปัจจุบัน ทำให้ฉายา "ไซโค" จึงน่าจะเป็นชื่อที่เหมาะสมกับเจ้าตัวที่สุด แต่ดูเหมือนดาวเตะตีนหนัก กลัวคนอื่นจะไม่รู้ว่า ตัวเองโรคจิต ก็เลยคำรามอย่างกับสิงโตให้ได้สมกับฉายา "สิงโตคำราม" มันซะเลย โดยชอตนี้เกิดขึ้นใน ยูโร 96 เมื่อ อังกฤษ ต้องมาดวลจุดโทษในรอบ 8 ทีมกับ สเปน ซึ่ง เพียร์ซ ที่รับหน้าที่เป็นหนึ่งในเพชรฆาตสังหารจุดโทษ และก็โรคจิตพอที่จะซัดเข้าไป หลังจากนั้นพี่แกก็คำรามลั่นสนาม ทำเอาลูกเด็กเล็กแดงแถวนั้น ร้องให้กันเป็นแถบๆ สงสัยกลัวจะโดนลุงเพียร์ซแกจะกินเข้าให้ ประมาณนั้น

9. โจเซ่ มูรินโญ่
ดูนักเตะกันมามากแล้ว มาดูอาการดีใจของผู้จัดการทีมกันบ้าง ซึ่งชื่อที่โดดเด่นออกมามากกว่าใครๆ คงหนีไม่พ้น โจเซ่ มูรินโญ่ ที่แม้ระหว่างเกม เฮียเครียดจะใช้มาดขรึมๆ สั่งลูกทีมอยู่ข้างสนาม ไม่ยินดีไม่ยินร้าย แม้ลูกทีมจะโชว์ฟอร์มได้เยี่ยมแค่ไหน แต่มาดเครียดๆ ของ "จ่ามู" ก็ต้องมาตบะแตกจนได้ เมื่อเดินทางมาถึงเกมซูเปอร์บิ๊กแมตช์ที่  เชลซี จะต้องไปเยือนรัง คัมป์นู ของ บาร์เซโลน่า ท่ามกลางบรรยากาศก่อนเกมที่ทั้งสองทีมต่างเล่นสงครามน้ำลายกันซะชุ่มฉ่ำไปหมด โดยในเกมดังกล่าว ชัยชนะดูเหมือนจะเป็นของ "เจ้าบุญทุ่ม" อยู่รอมร่อ เมื่อนำอยู่ 2-1 ในช่วงท้ายเกม แต่กระทาชายนามว่า ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา ก็ไม่ทำให้เจ้านายต้องเสียหน้ากับวลีที่พูดว่า "ไม่เคยแพ้ถ้าตัวเท่ากัน" ด้วยการยิงประตูตีเสมอให้ทีมได้สำเร็จ งานนี้ไม่ต้องบอกว่า มูรินโญ่ จะสะใจแค่ไหน ว่าแล้ว เฮียแกก็สไลด์เข่าบนพื้นสนามแบบสุดเท่ พร้อมกับเก็บวลีก่อนหน้านี้เอาไว้ใช้ต่อไปได้อีกต่างหาก

10. เดวิด พลีท
ใครบ้างล่ะจะไม่ดีใจ หากนำลูกทีมรอดพ้นการตกชั้นในวันสุดท้ายได้สำเร็จ บางทีความปลาบปลื้มใจนี้อาจจะทำให้คนๆ นึงเป็นบ้าไปได้เลยด้วยซ้ำไป ไม่เชื่อไปดูอาการของ พลีท เมื่อเขาพาลูกทีม ลูตัน รอดตายในปี 1983 ได้สำเร็จ แม้ว่า พลีท จะสวมสุดสูทแพงๆ ในเกมนั้น แต่เชื่อว่า ถึงวินาทีดังกล่าว คงไม่ต้องแต็บมาดขรึมๆ เอาไว้อีกต่อไป ว่าแล้ว พลีท ก็กระโดดโลดเต้นไปทั่วสนามยังกับคนบ้า เรียกว่า ถ้าหากไม่มีสูทแพงๆ ล่ะก็ การ์ดในสนามคงต้องไล่จับ พลีท กันให้วุ่น เพราะนึกว่าเป็น สตรีกเกอร์ ลงมาป่วนเกมยังไงยังงั้น

 

No.18

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook