อดีตครูแจ้งจับผัวเมียอ้างตนร่างทรงย่าโมตุ๋นทรัพย์กว่า6ล.

อดีตครูแจ้งจับผัวเมียอ้างตนร่างทรงย่าโมตุ๋นทรัพย์กว่า6ล.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดนครราชสีมา รายงานว่า เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 1 เม.ย. นางสาวเบญญาภา แผ่วสูงเนิน อายุ 58 ปี บ้านเลขที่ 34 / 1 ซ.ชื่นฤดี ชุมชนราชนิกูล ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา ข้าราชการบำนาญ อดีตอาจารย์ 2 ระดับ 7 โรงเรียนวัดสระแก้ว ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา เข้าร้องเรียนกับผู้สื่อข่าวว่า ถูกนางศุมิตรา หรือใจเพชร โยตะนันท์ อายุ 40 ปี บ้านเลขที่ 208 หมู่ 7 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา และนายดาว เอิบโคกสูง อายุ 45 ปี บ้านเลขที่ 81 หมู่ 4 ต.โคกสูง อ.เมือง จ.นครราชสีมา สองสามีภรรยา อ้างตัวเป็นร่างทรงของท้าวสุรนารี หรือย่าโม วีรสตรีที่ชาวโคราชให้ความเคารพนับถือ มาทักท้วงให้ต่อชะตาชีวิตด้วยการทำบุญใหญ่สร้างสเวตฉัตรและตุงถวาย ก่อนที่จะอาศัยความไว้เนื้อเชื่อใจหลอกเป็นผู้จัดการทรัพย์สินทุกอย่าง ทั้งบ้านที่ดิน และเงินในบัญชีธนาคารรวมมูลค่ากว่า 6 ล้านบาท เชิดเอาเป็นทรัพย์สินส่วนตัวทั้งหมด

นางสาวเบญญาภา กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 9 ก.พ. ที่ผ่านมา ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ กับ พ.ต.ท.ถาวร เหล่าโพธิ์ พนักงานสืบสวน สภ.เมืองนครราชสีมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกหมายเรียก ให้คู่กรณีมารับทราบข้อกล่าวหาแต่ทางคู่กรณีไม่มารับทราบข้อกล่าวหา จึงได้ขออนุมัติศาลจังหวัดนครราชสีมาออกหมายจับ ผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย เมื่อวันที่ 9 มี.ค. ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำหมายศาลออกตามจับกุมทั้งที่บ้านพักซึ่งผู้ต้องหาทั้งสองรายใช้เป็นตำหนักทรงเจ้า ที่บ้านเลขที่ 208 หมู่ 7 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา แต่พบว่า บ้านหลังดังกล่าวไม่มีใครอยู่และสืบทราบว่า ผู้ต้องหาได้สร้างตำหนักแห่งใหม่ขึ้นที่ บ้านเลขที่ 208 บ้านโกรกเดือนห้า ต.สุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา จึงนำกำลังเข้าตรวจสอบแต่กลับไร้วี่แววเช่นเดียวกัน จนกระทั่งเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (31 มี.ค.) ผู้ต้องหาทั้ง 2 รายได้เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และขอให้การในชั้นศาลเท่านั้น ก่อนที่จะนำตำแหน่งข้าราชการของญาติและหลักทรัพย์จำนวน 4 แสนบาทมาประกันตัวเพื่อขอต่อสู้ในชั้นญาติ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอนุญาตให้ประกันตัวไป

น.ส.เบญญาภา กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ตนเองแนเป็นการส่วนตัวและมีความสนิทสนมกันพอสมควร เนื่องจากอยู่บ้านใกล้เรือนเคียงกัน โดย 2 สามีภรรยา ได้อ้างตัวว่าเป็นร่างทรงของท่านท้าวสุรนารี หรือย่าโม เปิดตำหนักอยู่ข้างบ้านตนเอง และมีลูกศิษย์ลูกหาเข้ามากราบไหว้ขอพรและทำพิธีต่างๆอย่างไม่ขาดสาย จนกระทั่งเมื่อปลายปี 2549 ที่ผ่านมา ทางมารดาขอตนเองได้ขายที่และนำเงินมาแบ่งให้จำนวน 4 ล้านบาท ซึ่งคาดว่า ทาง 2 สามีภรรยาจะทราบเรื่องนี้ดี จึงได้เข้ามาตีสนิทและอาศัยความคุ้นเคยและทักว่า ตนกำลังจะสิ้นอายุขัย ให้รีบทำบุญใหญ่สะเดาะเคราะห์ด้วยการสร้างสเวตฉัตรและตุง ถวายคุณย่าโม ตนจึงหลงเชื่อและซื้อฉัตรและตุงมาถวายภายในตำหนัก ตามที่ร่างทรงย่าโมบอกมาเป็นเงินจำนวนกว่า 40,000 บาท ซึ่งพอทำแล้วก็รู้สึกสบายใจและรู้สึกว่าร่างกายเริ่มที่จะกลับมาแข็งแรงและเข้าโรงพยาบาลน้อยลงเนื่องจากสภาพกำลังใจดี จึงคลุกคลีกับครอบครัวคนทรงเจ้ามาเรื่อยๆ และทำบุญช่วยเหลือเป็นเงินนับ 2 แสนบาท คนในครอบครัวเตือนอย่างไรก็ไม่ฟัง

น.ส.เบญญาภา กล่าวต่อว่า จากนั้นทั้งนางศุมิตรา และนายดาว ก็ได้อาศัยช่วงที่ตนเองไม่มีใครคอยดูแล บอกให้นำเงินและทรัพย์สินทั้งหมดมาฝากไว้ ให้ดูแลในฐานะที่เป็นร่างทรงคุณย่าโม เพื่อที่จะได้คอยนำเงินมาใช้จ่ายรักษายามที่ตนเองป่วยไข้อีก ก็หลงเชื่อและนำทรัพย์สินทั้งหมดทั้ง เงินในธนาคาร จำนวนกว่า 1.5 ล้านบาท และฉลากพิเศษอีก 2 แสนบาท ก็ทำการเปลี่ยนแปลงบัญชีให้นางสาวศุมิตรา มีชื่ออยู่ในบัญชีและมีสิทธิ์ถอนเงินในบัญชีไปได้ และให้สมุดบัญชีนางศุมิตราไป นอกจากนี้ ยังมีเงินกู้สหกรณ์ครูอีก จำนวน 250,000 บาท และเงินกู้จากที่ต่างๆ อีกกว่า 5 แสนบาท รวมถึงตนเองยังได้ยอมยกโฉนดที่ดินและบ้านที่ตนเองอาศัยอยู่ปัจจุบันให้เป็นชื่อของนางสุมิตรา ทั้งหมด รวมมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมดกว่า 6 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์สินทั้งเงินประกันต่างๆให้นางศุมิตรา ทั้งหมด ด้วยความไว้เนื้อเชื่อใจ

แต่เมื่อวันที่ 3 ก.พ.ที่ผ่านมาตนเองมีอาการป่วยกำเริบและต้องนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเซนแมรี่ จ.นครราชสีมา เป็นเวลา 3 วัน และเมื่อถึงวันต้องออกจากโรงพยาบาลจำเป็นต้องใช้เงินจาพยาบาลจำนวนกว่า 40,000 บาท จึงได้โทรศัพท์ไปบอกนางศุมิตราให้นำเงินมาจ่ายแต่นางศุมิตรา บอกกับตนเองว่าเงินในบัญชีหมดแล้ว และบอกว่า หากต้องการเงินก็ให้ขายบ้านไปจ่าย ตนเองจึงรู้ว่า ถูกหลอก ก่อนจะยืมเงินคนในครอบครัวจ่ายค่ารักษาพยาบาลและออกมาแจ้งความเอาผิดกับทั้งนางศุมิตรา และนายดาว ดังกล่าว โดยต้องการเงินที่ถูกหลอกเอาไปจำนวน 2.5 ล้านบาทกลับคืน รวมถึงโฉนดบ้านและที่ดิน ส่วนพินัยกรรมต่างๆตนเองได้ยกเลิกไปทั้งหมดแล้ว

นางสาวเบญญาภา ฯ กล่าวในท้ายที่สุดว่า นอกจากตนเองแล้วทราบว่ายังมีผู้เสียหายอีกหลายรายที่ต้องถูกหลอกเหมือนกลับตนเองทั้งแม่ค้าในตลาดประตูผีอ.เมืองนครราชสีมาและชาวอ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมาอีก 2 ราย สูญทรัพย์สินไปกว่า 1 ล้านบาท แต่ไม่มีใครกล้าเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ด้าน พ.ต.ท.ถาวร เหล่าโพธิ์ พนักงานสืบสวน สภ.เมืองนครราชสีมา เปิดเผยถึงความคืบหน้าในคดีนี้ว่า หลังจากที่ออกหมายจับ ทั้งนางศุมิตรา และนายดาว เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ออกติดตามจับกุมตัวมาโดยตลอดแต่ก็ยังไม่ได้ตัวจนกระทั่งเมื่อวันที่ 31 มี.ค. ที่ผ่านผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย พร้อมทนายความได้มาติดต่อขอเข้ามอบตัว พร้อมกับปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และไม่ขอให้ข้อมูลอะไรในชั้นพนักงานสอบสวน ขอให้การในชั้นศาล ก่อนที่จะนำตำแหน่งข้าราชการของญาติและหลักทรัพย์ จำนวน 4 แสนบาทมาประกันตัวเพื่อขอต่อสู้ในชั้นญาติ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอนุญาตให้ประกันตัวไป และได้ส่งเรื่องให้ทางอัยการดำเนินการฟ้องร้องตามขั้นตอนเรียบร้อยแล้ว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook