โบรกฯเผยหุ้น''จีสตีล''เสี่ยง เหตุขาดสภาพคล่องทางการเงินรุนแรง จับตาหาเงินพันล้านใช้หนี้เม.ย.-ต.ค.นี้

โบรกฯเผยหุ้น''จีสตีล''เสี่ยง เหตุขาดสภาพคล่องทางการเงินรุนแรง จับตาหาเงินพันล้านใช้หนี้เม.ย.-ต.ค.นี้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
นักวิเคราะห์ เตือนหุ้นจีสตีลเสี่ยง หลังขาดสภาพคล่องรุนแรง และถือเป็นปัญหาใหญ่ของปี 52 จับตาหาเงินพันล้านจ่ายหนี้เมษายน และตุลาคมนี้ ผู้บริหารให้ข้อมูลอยู่ระหว่างเจรจากองทุนส่วนบุคคลจากฮ่องกงสนับสนุนเงินกู้ ส่วนหนี้ก้อนใหญ่ 7,300 ล้านบาท ครบชำระปี 53 พร้อมแปลงหนี้เป็นทุน หากหาแหล่งเงินกู้ไม่ได้

นายประสิทธิ์ รัตนกิจกมล นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์(บล. )เอเชีย พลัส จำกัด(มหาชน) (บมจ.) กล่าวว่า จากภาวะตกต่ำอย่างหนักของอุตสาหกรรมเหล็ก รวมถึงการต้องชำระหนี้เงินกู้ระยะสั้นและดอกเบี้ยจ่าย ทำให้บมจ.จีสตีล มีปัญหาสภาพคล่องรุนแรง โดยจะต้องชำระหนี้เงินกู้จำนวน 15 ล้านดอลลาร์สหรัฐ(ประมาณ 500 กว่าล้านบาท) ในเดือนเมษายน 2552 และอีก 15 ล้านดอลลาร์ ในเดือนตุลาคมนี้

อย่างไรก็ตามบมจ.จีสตีล ยืนยันว่าสามารถหาแหล่งเงินจากกองทุนส่วนบุคคล หรือไพรเวตฟันด์ สำหรับชำระหนี้ดังกล่าวได้แล้ว โดยมีอัตราดอกเบี้ยคงที่ 9.5% ต่อปี และมีค่าธรรมเนียมทางการเงินอีก 3% ขณะที่ดอกเบี้ยของหุ้นกู้ที่จะต้องชำระในเดือนเมษายน 2552 จำนวน 9 ล้านดอลลาร์(ประมาณ 300 ล้านบาท) ได้ถูกเตรียมไว้แล้ว โดยหนี้สินที่ครบกำหนดชำระจำนวนมาก ทำให้บมจ.จีสตีล ขาดเงินทุนหมุนเวียน และใช้กำลังการผลิตได้เพียง 50% สำหรับเงินกู้ที่ครบกำหนดชำระในปี 2553 จำนวน 215 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 7,300 ล้านบาท) มีแนวทางในการรีไฟแนนซ์ โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจากับสถาบันการเงินในประเทศ หรืออาจใช้วิธีแปลงหนี้เป็นทุนหากหาแหล่งเงินกู้ไม่สำเร็จ (ดูตารางประกอบหนี้สินบมจ.จีสตีล)

นายสุรชัย ประมวลเจริญกิจ นักวิเคราะห์ บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย) กล่าวว่า บริษัทย่อยแห่งหนึ่งของบมจ. จีสตีล มีภาระที่จะต้องจ่ายชำระคืนเงินกู้ยืมที่จะถึงกำหนดชำระในเดือนเมษายน 2552 และตุลาคม 2552 เป็นจำนวนทั้งสิ้น 30 ล้านดอลลาร์ หรือ 1,052 ล้านบาท และอีก 45 ล้านดอลลาร์ หรือ 1,579 ล้านบาท ในปี 2553 จากสถานการณ์ตกต่ำอย่างหนักของอุตสาหกรรมเหล็ก ทำให้บริษัทย่อยขาดสภาพคล่องที่จะชำระคืนเงินกู้ยืมที่จะถึงกำหนดชำระดังกล่าว อย่างไรก็ตามผู้บริหารบมจ.จีสตีล ระบุว่าได้มีการเจรจากับกองทุนส่วนบุคคล จากฮ่องกงที่จะสนับสนุนเงินกู้ยืมจำนวน 30 ล้านดอลลาร์

นักวิเคราะห์บล.กิมเอ็งฯ คาดการณ์แนวโน้มผลประกอบการไตรมาสแรกปี 2552 ของบมจ.จีสตีล ว่าจะยังขาดทุนต่อเนื่องอีก แต่จะเป็นการขาดทุนที่ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2552 เป็นผลจากความต้องการเหล็กรีดร้อนชนิดม้วนที่ตกต่ำอย่างมาก โดยปัจจุบันบริษัทมีการผลิตเพียงเดือนละประมาณ 40,000-50,000 ตัน เทียบกับในภาวะปกติผลิตเดือนละ 100,000 ตัน ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องจากภาวะตกต่ำทางเศรษฐกิจ และอุตสาหกรรมการผลิตต่างๆได้ลดกำลังการผลิตลง ทำให้ บมจ.จีสตีล ลดการผลิตลงโดยผลิตเฉพาะกะตอนกลางคืน และ เสาร์-อาทิตย์ เพื่อประหยัดการใช้ไฟสำหรับเตาหลอม

นอกจากนี้ยังขาดสภาพคล่อง เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบเศษเหล็กที่เป็นใบสั่งซื้อสินค้าฝาก (Consignment) ประมาณ 140,000-150,000 ตัน มีต้นทุนสูงถึง 600 ดอลลาร์/ตัน กำลังอยู่ในช่วงเจรจาขอลดราคาจากเจ้าหนี้ การแก้ปัญหาในเบื้องต้นเป็นลักษณะซื้อวัตถุดิบใหม่แล้วนำมาเฉลี่ยกับวัตถุดิบที่เป็นใบสั่งซื้อสินค้าฝากเก่าที่มีราคาลดลงเฉลี่ยแล้วเหลือ ประมาณ 320 ดอลลาร์/ตัน ซึ่งจะเป็นระดับที่คุ้มทุนในการผลิต

นักวิเคราะห์บล.กิมเอ็ง ฯ กล่าวว่า หุ้นจีสตีล มีความเสี่ยงเรื่องการขาดสภาพคล่อง แต่ก็ยังมีประเด็นในด้านบวกคือ กำลังเจรจาหาพันธมิตรทางธุรกิจโดยการเพิ่มฐานทุน ดังนั้นแนะนำถือ ให้ราคาเหมาะสมที่ 0.5 บาท/หุ้น บนฐานอัตราราคาปิดต่อกำไรต่อหุ้น(พี/อี เรโช)ปี 2553 เท่ากับ 6 เท่า และรอขายในช่วงที่มีการประกาศข่าวเกี่ยวกับพันธมิตรร่วมทุน

อนึ่งก่อนหน้านี้ (เมื่อวันที่ 3 ต.ค.51) บมจ.จีสตีล แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่ากลุ่มมิตซุยซึ่งเป็นผู้ประกอบการจำหน่ายสินค้าที่เกี่ยวข้องกับเหล็กอันดับหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น และเป็นบริษัทที่ค้าเหล็กรายใหญ่อันดับต้นของโลก และในประเทศไทย ได้แจ้งความประสงค์ จะเสนอเข้าลงทุนและเข้าร่วมเป็นพันธมิตรทางการค้าโดยการเข้าถือหุ้น ปัจจุบันกำลังเจรจาคาดจะได้ข้อสรุปในไตรมาสสองของปีนี้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook