ศาลพิพากษากลับยกฟ้องคดีเดือนเต็มดวงฟ้องกกต.
คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด โดยสรุป ระบุว่า คำวินิจฉัยของ กกต.จังหวัด ที่ 1/2550 และ 2/2550 ลงวันที่ 6 มิถุนายน และมติที่ประชุม กกต.กลาง ครั้งที่ 50/2550 เป็นมติวินิจฉัยที่ถูกต้อง และไม่ขัดกฎหมายเลือกตั้ง กรณีผู้ฟ้องคดี อ้างว่าเป็นผู้เช่าและเสียภาษีโรงเรือนแทนนางสุรีย์ ฉัตรวรารัตน์ ติดต่อกัน 3 ปีนั้น จึงมีคุณสมบัติสมัครนั้น ศาลพิเะห์ว่า ไม่ได้เป็นผู้เสียภาษีให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) แต่อย่างใด เพราะขัดพระราชบัญญัติโรงเรือนและที่ดิน มาตรา 47 ที่ระบุว่า ผู้มีหน้าที่เสียภาษีโรงเรือนและที่ดิน คือเจ้าของโรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างนั้น ซึ่งสัญญาเช่าดังกล่าวไม่มีผลทางกฎหมาย ซึ่งผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 (กกต.จังหวัด) จึงวินิจฉัยให้ถอนชื่อเป็นผู้สมัครได้ จึงไม่เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายแต่อย่างใด และไม่จำเป็นต้องใช้เสียงลงมติเป็นเอกฉันท์
ด้าน ร.อ.หญิงเดือนเต็มดวง เผยหลังคำพิพากษาว่า เคารพคำพิพากษาของศาล ซึ่งเป็นที่สิ้นสุดแล้ว โดยมารยาทจะหยุดปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งคำพิพากษาจะเป็นบรรทัดฐานให้ กกต. ไม่ให้ผู้เช่าบ้านหรือโรงเรือนที่ชำระภาษี ใช้สมัครอีก ซึ่งจะลงสมัครเลือกตั้งสมัยหน้า เพราะมีคุณสมบัติครบ
ถ้วนแล้ว ที่ผ่านมาทำหน้าที่ดีที่สุดและเต็มความสามารถ จึงอาสารับใช้และสานงานเก่า ให้ชาวเชียงใหม่เป็นผู้ตัดสินอีกครั้ง
ขณะที่ นายภิสันต์ เจนร่วมจิต กกต.จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า จะทำรายงานชี้แจง กกต.กลาง ว่าจะสั่งให้เลือกตั้งใหม่เมื่อใด คาดใช้เวลา 1-2 สัปดาห์ กรณีถูกศาลพิพากษาต้องเลือกตั้งภายใน 45 วันซึ่งนับหนึ่งใหม่ เลือกตั้งครั้งหน้ามีวาระ 4 ปี ส่วนการบริหารงานของ ร.อ.หญิงเดือนเต็มดวง
ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ถือเป็นการกระทำชอบด้วยกฎหมาย เพราะได้รับการคุ้มครองจากศาลปกครองชั้นต้น หากเป็นเรื่องทุจริตหรือประพฤติมิชอบ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่หน่วยงานเกี่ยวข้องจะตรวจสอบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างอ่านคำพิพากษา ร.อ.หญิงเดือนเต็มดวง มีสีหน้าเคร่งเครียด แต่หลังตัดสิน มีสีหน้าดีขึ้นและทักทายผู้สื่อข่าว มีนายธวัชวงศ์ ณ เชียงใหม่ บิดา อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ นางกิ่งกาญจน์ ณ เชียงใหม่ มารดา อดีต ส.ส.เชียงใหม่ และน้องสาวเดินทางมาให้กำลังใจ ก่อนเดินทางกลับโดยไม่ให้สัมภาษณ์ใด ๆ