เตือนปืนฉีดน้ำแรงดันสูงอันตรายทำตาบอดได้

เตือนปืนฉีดน้ำแรงดันสูงอันตรายทำตาบอดได้

เตือนปืนฉีดน้ำแรงดันสูงอันตรายทำตาบอดได้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

แพทย์เตือนระวัง !! ปืนฉีดน้ำทำเด็กตาบอด แนะให้เลือกแบบฉีดแบบฝอยช่วยลดความเสี่ยงได้ เผยเก็บข้อมูลเด็กรักษาในรพ.เลิศสิน ยอดเด็กรักษาตาพุ่ง สันนิษฐานต้นเหตุจากปืนฉีดน้ำ เตรียมเผยแพร่ของเล่นเด็กที่มีอันตรายกว่า 400 ชิ้น มีสารพิษปนเปื้อนก่อนสงกรานต์

เมื่อวันที่ 3 เม.ย.รศ.นพ.อดิศักดิ์ ผลิตผลการพิมพ์ หัวหน้าศูนย์วิจัยเพื่อสร้างเสริมความปลอดภัย และป้องกันการบาดเจ็บในเด็ก โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า อนุกรรมการฝ่ายป้องกันโรคและอุบัติเหตุ ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์ฯ ได้ร่วมกับบริษัท อินเตอร์เทค ทำการศึกษาอันตรายจากปืนฉีดน้ำที่ไม่ใช้ท่อพีวีซี ต่อลูกตาของเด็ก ซึ่งปืนฉีดน้ำสามารถทำอันตรายให้กับดวงตาได้หากเลือกใช้ชนิดที่มีแรงสูงและนำมาเล่นอย่างผิดวิธี เพราะตาเป็นอวัยวะที่บอบบางมาก โดยมีการทดลองฉีดน้ำใส่แผ่นฟอยล์ เพื่อดูความแรงของแรงดันน้ำ เพื่อเปรียบเทียบกับการทำให้เกิดอันตรายกับดวงตา

"การทดลอง ปืนฉีดน้ำ 17 กระบอก พบว่า 14 กระบอก สามารถยิงทะลุแผ่นฟอยล์ได้ในระยะ 50 ซม. และจากจำนวน 14 กระบอก มี 8 กระบอก สามารถยิงผ่านฟอยล์ได้ในระยะ 100 ซม. และใน 8 กระบอกมี 1 กระบอกที่ยิงทะลุฟอยล์ได้ในระยะ 150 ซม. โดยปืนที่สามารถยิงทะลุฟอยล์ได้ทั้งหมด เป็นการยิงในแนวระนาบที่ความสูง 1 เมตร และยิงได้ไกลกว่า 6 เมตร และหากปืนที่ฉีดน้ำออกมาพุ่งเป็นเส้นตรงเส้นเดียว น้ำจะมีความแรงมากขึ้น" รศ.นพ.อดิศักดิ์ กล่าว

รศ.นพ.อดิศักดิ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมามีโรงพยาบาลเลิศสิน ได้เก็บข้อมูลพบว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ มีคนไข้ที่เป็นเด็กมารักษาโรคทางตาจำนวนมาก และมีบางรายตาบอด ซึ่งสันนิษฐานว่าเกิดจากการถูกปืนฉีดน้ำแรงดันสูงฉีดเข้าดวงตา หากจะใช้ปืนฉีดน้ำที่มีแรงดันสูงฉีดน้ำใส่คน ควรจะต้องยืนฉีดน้ำให้ห่างอย่างน้อย 150 เซนติเมตร จึงจะปลอดภัย ควรเลือกซื้อปืนฉีดน้ำ ที่มีแรงดันน้อย และฉีดน้ำออกมาเป็นลักษณะฝอย กระจาย ไม่ใช่พุ่งตรงเป็นเส้นเดียว หากฉีดในแนวระนาบ จะต้องฉีดได้ไม่ไกลกว่า 6 เมตร หากฉีดในมุม 45 องศา ต้องไม่ไกลกว่า 10 เมตร จึงจะปลอดภัย แลไม่ควรเล็ง หรือฉีดน้ำใส่บริเวณใบหน้าด้วย ซึ่ง

รศ.นพ.อดิศักดิ์ กล่าวว่า โดยจะนำผลการวิจัยเรื่องปืนฉีดน้ำ นำเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการวิชาการพัฒนามาตรฐานของเล่นเด็กที่ 423 ของสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) ซึ่งจะมีการประชุมในวันที่ 7 เมษายนนี้ เพื่อพิจารณาเรื่องคุณภาพ มาตรฐานปืนฉีดน้ำให้มีความปลอดภัยมากขึ้น นอกจากนี้ในวันที่ 9-11 เมษายนนี้ ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์ฯ จะจัดประชุมวิชาการ ซึ่งจะมีการเผยแพร่ผลการศึกษาของเล่นเด็กที่มีอันตราย จำนวน 400 กว่าชิ้นซึ่งมีจำหน่ายแพร่หลายในประเทศไทย โดยมีสารพิษปนเปื้อน เช่น สารตะกั่ว สารปรอท เป็นต้น รวมทั้งของเล่นบางชิ้น ทำจากโลหะ หรือของแข็ง ทำให้มีความแหลม คม ทำให้เกิดบาดแผลกับเด็กได้ ซึ่งแม้แต่ของเล่นพื้นบ้านไทยอย่าง ปลาตะเพียนสาน ก็มีอันตรายได้ เพราะมีการใช้ลวดเย็บกระดาษ ที่มีความแหลมคม

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook