แฝดใหญ่บ่นสนามผิดสเปกทำสถิติแย่
พล.ต.ต.สุรพงษ์ ยังกล่าวต่อไปอีกว่า สนามกรีฑาที่พบว่ามีปัญหาและส่งผลต่อการแข่งขัน ก็คือ ที่สนามกีฬากลางของจังหวัดพิษณุโลก ที่จัดกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 38 ปี พ.ศ. 2551 และ สนามกีฬากลีบบัว ของจังหวัดกาญจนบุรี ี่ใช้จัดกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 25 กาญจนบุรีเกมส์ เมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา รวมไปถึงสนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 ที่ใช้จัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 24 ที่จังหวัดนครราชสีมาเมื่อปี พ.ศ. 2550 ด้วย ซึ่ง สิ่งที่พบมากที่สุดก็คือ การที่ กกท. ใช้บุคคลที่ไม่มีความรู้เรื่องกรีฑามาเป็นคนตรวจรับงาน จึงไม่เข้าใจเรื่องเทคนิคต่าง ๆ ที่จะต้องใช้ในการก่อสร้างและแข่งขัน เวลาที่ผู้รับเหมาทำงานที่ไม่ถูกต้องก็ไม่สามารถโต้แย้งได้ สุดท้ายเมื่อคนของสมาคมกรีฑาเข้ามาดูความเรียบร้อยก่อนแข่ง จึงพบว่าสนามไม่ถูกต้องตามกฎ เช่น ใช้วัสดุผิดประเภท, ก่อสร้างไม่ตรงกับจุดที่กำหนด ทำให้เสียเวลาต้องมาแก้ไขกัน จนผู้รับเหมามาเร่งแก้ไขงานช่วงสุดท้าย และมาอนุโลมให้ผ่านกัน พอแข่งขันเสร็จก็ต้องมาใช้งบประมาณอีกมากในการทำให้ถูกต้องอีก เป็นเรื่องที่ไม่สมควรจริง ๆ
บอกตามตรงผมรู้สึกเสียดายมาก เพราะอย่างสนามที่พิษณุโลก, สนามซีเกมส์ที่โคราช และสนามที่จังหวัดกาญจนบุรี เป็นสนามแข่งขันที่สวยงามมาก แต่สุดท้ายต้องมาแก้ไขกันแบบนี้ น่าเสียดายมาก ทางที่ดีก่อนที่จะก่อสร้างสนามควรมาปรึกษากับสมาคมกรีฑาด้วยจะดีมาก เพราะพอเรื่องเทคนิคหากผิดมันก็ใช้แข่งไม่ได้ หรือไม่ได้รับรองผลการแข่งขัน แม้แต่บริษัทที่เข้ามาทำการรับเหมาก่อสร้าง ผมบอกตรง ๆ ทำการก่อสร้างผิดลักษณะเดิมถึง 3 ครั้ง ทั้งที่โคราช, พิษณุโลก และกาญจนบุรี ตรงนี้ผมก็อยากให้ กกท. ช่วยตรวจสอบหน่อย บางทีทางจังหวัดเองก็ไม่รู้เรื่องนี้ ต้องมาใช้เงินนั่งแก้ไขกันอีกมาก แทนที่จะทำให้ตรงกับกฎที่ระบุไว้ หรือบางทีบริษัทที่รับเหมาเปลี่ยนเอาวัสดุที่ไม่ได้มาตรฐานมาใช้ มันก็ทำให้สนามพังเร็ว แค่ลงไปซ้อมวิ่ง 1-2 วันก็เสียหาย ต้องมาปรับปรุงแก้ไขให้พอแข่งกันได้ ซึ่งตรงนี้มันก็มีส่วนที่ทำให้สถิติบางรายการมันแย่กว่าที่เป็นจริง เพราะลู่วิ่งมันไม่สมบูรณ์เต็มที่ นี่ผมก็ยังเป็นห่วงที่จังหวัดตรัง ซึ่งจะเป็นเจ้าภาพจัดกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 38 ในเดือน ก.ย. อาจจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก ทาง กกท. จึงควรสังเกตเรื่องนี้เอาไว้ด้วย.