นักธุรกิจลงขัน1ล้าน!ล่าทักษิณมาร์ควอนเลี่ยงปะทะ

นักธุรกิจลงขัน1ล้าน!ล่าทักษิณมาร์ควอนเลี่ยงปะทะ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
เตือนอย่าทำเกินขอบเขต พร้อมใช้กฎหมายจัดการ อภิสิทธิ์ ออกทีวีให้ความมั่นใจ 8 เม.ย. จะควบคุมสถานการณ์ได้ โดยไม่ต้องใช้กฎหมายพิเศษ ไม่ใช้ความรุนแรง แต่ถ้าการชุมนุมจะทำให้เกิดความเสียหายต่อ สถานที่ราชการ หรือผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ก็จำเป็นต้องดำเนินการ แต่จะให้เกิดความเสียน้อยที่สุด ย้ำจะรักษากฎหมาย และปกป้องสถาบันอย่างเข้มแข็ง ด้านทนาย ทักษิณ รุดแจ้งตำรวจ ให้ดำเนินคดีกับ พล.อ.พิจิตร กุลละวณิชย์ ให้สัมภาษณ์ใส่ร้าย เรื่องล้มล้างสถาบัน ระบุท่านผู้หญิงวิระยา ชวกุล เป็นพยานบุคคล ยืนยัน ทักษิณ จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ขณะที่กลุ่มสยามสามัคคี ตั้งรางวัล 1 ล้านบาท ให้คนที่นำตัว ทักษิณ กลับมาดำเนินคดีในไทยได้ ระบุเจตนาจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง ส่วน สุเทพ ลั่นใครบังอาจแตะต้องสถาบัน พลังคนไทยทั้งประเทศไม่ยอมแน่ ถ้าคนส่วนใหญ่แสดงพลัง เสื้อแดงแค่ไม่กี่หมื่นก็จะฝ่อไปเอง กษิต ลั่นประเทศไหนรัก ทักษิณ ปล่อยให้ใช้เป็นเวทีโจมตีรัฐบาล มีปัญหากับไทยแน่ ขณะที่การชุมนุมไม่คึกคัก เนื่องจากฝนตกตลอด ณัฐวุฒิ-จตุพร โวยอย่าบิดเบือน ยันไล่อมาตยาธิปไตย ไม่ใช่สถาบัน ชี้ไม่มีการบุกบ้านสี่เสาฯ โวแค่ 3 ได้ชัยชนะแน่ ส่วน ทัพภาค 1 เตรียมกำลัง 21 กองร้อยในทำเนียบ อีก 15 กองร้อยรักษา สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 6 เม.ย. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี แสดงความเป็นห่วงว่าสิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โจมตีองคมนตรีนั้น เป็นการกัดกร่อนสถาบันด้วย ว่า การปราศรัยต่าง ๆ ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ถูก รวบรวมไว้ทั้งหมด และให้ทางเจ้าหน้าที่นำข้อกฎหมายมาดู และจะดำเนินการต่อไป กำลังพิจารณาคำปราศรัย

เมื่อถามว่าขณะนี้ถูกวิจารณ์ว่ารัฐบาลปกป้องสถาบันน้อยเกินไป จนองคมนตรีต้องออกมาเปลืองตัว นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องเข้าใจว่าส่วนหนึ่งเราจะรักษากฎหมาย ซึ่งตนพูดหลายครั้งแล้วว่าไม่เหมาะสมที่ดึงองคมนตรีมาสู่ความขัดแย้งทางการเมือง แต่การพาดพิงโดยตรงนั้น ผู้ที่ถูกพาดพิงก็ต้องออกมาชี้แจง ซึ่งองคมนตรีท่านก็ได้ชี้แจงแบบผู้ใหญ่ รัฐบาลจะไปชี้แจงแทนท่านคงยาก เพราะเป็นเรื่องที่อยู่ดี ๆ มีการกล่าวหาว่าเกิดเหตุการณ์นั้นเหตุการณ์นี้ ซึ่งรัฐบาลเองไม่ได้เข้าไปอยู่ในนั้น แต่ด้วยความเชื่อมั่นและดูจากประวัติการทำงานขององคมนตรีทั้งหลาย เรามั่นใจว่าท่านไม่ได้ทำอย่างนั้น แต่จะให้ชี้แจงแทนก็ไม่เหมาะสม

ผมได้ย้ำหลายครั้งว่าเราเชื่อมั่นว่าท่านเหล่านี้ได้ดำรงสถานะ และทำหน้าที่ตามกรอบรัฐธรรมนูญและความน่าเชื่อถือ ซึ่งมันก็เทียบกัน ไม่ได้อยู่แล้วกับผู้พูด เพราะท่านเหล่านี้คือคนที่ได้รับการยกย่องในเรื่องคุณงามความดีที่ทำมาโดยตลอด แต่ถ้ามีการละเมิดกฎหมายรัฐบาลก็จะดำเนินการต่อไป นายอภิสิทธิ์ กล่าว เมื่อถามว่าจนถึงขณะนี้ยังสรุปไม่ได้หรือว่าการปราศรัยนั้นละเมิดกฎหมายหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มีการสรุปมาครั้งหนึ่งแล้ว แต่ตนดูแล้วเห็นว่ายังมีช่องโหว่อยู่ เดี๋ยวจะเกิดการต่อว่าต่อขานกันอีก เพราะหลายเรื่องที่ผ่านมาเมื่อไปถึงชั้นอัยการแล้วก็สั่งไม่ฟ้อง เมื่อทบทวนดูจากการทำสำนวนในอดีตก่อนรัฐบาลนี้เข้ามาก็เห็นได้ชัดว่ามันก็มีจุดอ่อนให้อัยการเขาทักท้วงได้ ไม่ปกป้องสถาบันก็อยู่ไม่ได้

เมื่อถามว่ากว่ารัฐบาลจะได้ข้อสรุป การชุมนุมกลุ่มเสื้อแดงก็ยกเลิกไปแล้ว นายกรัฐมนตรีกล่าวยืนยันว่า ไม่ช้า แต่หากการชุมนุมยกเลิกไปก็จบแล้ว แต่คดีก็ยังมีอยู่ ทั้งนี้ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้คำนึงถึงความอยู่รอดของตัวเองเท่านั้นจนไม่กล้าทำอะไร เพราะถ้ารัฐบาลไม่สามารถจะปกป้องสถาบันหลักของชาติได้ รัฐบาลก็อยู่ไม่ได้อยู่แล้ว และไม่ควรจะอยู่ด้วย แต่การปกป้องต้องทำด้วยความรัดกุม ไม่เช่นนั้นอาจส่งผลเสีย ดังนั้นขอให้มั่นใจว่ารัฐบาลไม่ได้ละเลย แต่จะดูแลให้เดินไปอย่างดีที่สุด ตนไม่ต้องการให้เกิดปัญหาว่ารัฐบาลนี้ทำเหนือกฎหมาย และจนถึงขณะนี้ยังมั่นใจว่าสถานการณ์อยู่ในวิสัยที่รัฐบาลดูแลทั้งหมดได้ ทำอย่างโปร่งใสไม่ย้อนอดีต

เมื่อถามว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอย่างที่กลุ่มเสื้อแดงตั้งเป้าหมายไว้หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตนไม่คิดอย่างนั้น เพราะขณะนี้ประชาชนส่วนใหญ่เข้าใจดีว่าสถานการณ์เป็นความขัดแย้งในเรื่องผลประโยชน์ของคนกลุ่มหนึ่ง ส่วนข้อเรียกร้องเรื่องประชาธิปไตยไม่ใช่เงื่อนไข เพราะรัฐบาลไม่ได้ปฏิเสธ รัฐบาลพร้อมจะแก้ไขปัญหานี้อยู่แล้ว เพียงแต่ต้องมีกระบวนการที่ให้ความเป็นธรรม และให้เสียงกับทุกฝ่ายไม่ใช่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ผู้สื่อข่าวถามว่าหากเกิดเหตุที่ควบคุมไม่ได้ รัฐบาลจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทุกอย่างจะทำให้เห็นชัดเจนว่ารัฐบาลได้ใช้ความระมัดระวังอย่างไร และจะไม่เป็นผู้ริเริ่มความรุนแรง หรือยั่วยุ แต่ถ้ามีการกระทำผิดกฎหมาย และการรักษากฎหมาย เกิดผลข้างเคียงก็จะต้องอธิบายได้ชัดเจนว่าไม่ใช่เจตนา และจะทำให้โปร่งใส เพราะเราไม่ต้องการย้อนรอยอดีต และยอมรับว่ารัฐบาลชี้แจงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นน้อยเกินไป ซึ่งจะพยายามชี้แจงให้มากขึ้น เชื่อหลังสงกรานต์น่าจะดีขึ้น

ผู้สื่อข่าวถามว่านายกฯคงไม่ได้หมายความว่าหากมีความรุนแรงเกิดขึ้นแล้วรัฐบาลจะรับผิดชอบโดยการออกจากตำแหน่ง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องรู้ว่าความรุนแรงเกิดขึ้นจากใคร ไม่เช่นนั้นถ้าใครมาใช้ความรุนแรงแล้วก็โยนมาที่รัฐบาลคงไม่ได้ ซึ่งเป้าหมายของกลุ่มเสื้อแดงก็พยายามทำให้เกิดความรุนแรงจนทำให้รัฐบาลอยู่ไม่ได้ ซึ่งรัฐบาลก็ต้องหลีกเลี่ยง เมื่อถามว่าการชุมนุมใหญ่ของคนเสื้อแดงในวันที่ 8 เม.ย. จะเป็นสงครามกลางเมืองหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประชาชนสามารถมองย้อนกลับไปเมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมาได้ว่ารัฐบาลไปทำอะไรในลักษณะนั้นหรือไม่ ซึ่งไม่มีเลย ดังนั้นจุดยืนรัฐบาลเหมือนเดิม และไม่ว่าจะถูกยั่วยุอย่างไร ก็จะระมัดระวัง แต่รัฐบาลจะไม่ให้เกิดการกระทำที่ผิดกฎหมายและกระทบต่อความมั่นคง เมื่อถามว่านายกฯ มีคำตอบให้สังคมหรือไม่ว่าเมื่อไรเหตุการณ์จะจบ และจบอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เราต้องใช้ความอดทน และตนมั่นใจว่าเมื่อความจริงต่าง ๆ ปรากฏมากขึ้น คนที่คิดก่อความวุ่นวาย หรือก่อความรุนแรงคงไม่สามารถรวมตัวกันได้ เมื่อถามว่าหลังสงกรานต์สถานการณ์จะดีขึ้นหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่าช่วงนี้เป็นช่วงที่เขากำลังพยายามเร่งสถานการณ์อยู่ เราจะพยายามคลี่คลายตรงนี้ไป และหลังจากนี้ก็น่าจะดีขึ้น สุเทพ ชี้พลังคนไทยไม่ยอม

ด้าน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงความเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดง ที่มีการปราศรัยกระทบสถาบัน ว่า สถาบันพระมหากษัตริย์ถือเป็นหลักชัยของประเทศไทย ประชาชนคนไทยมีความจงรักภักดี เนื่องจากรู้ว่าเป็นเพราะพระมหากรุณาธิคุณของพระเจ้าแผ่นดินในทุกพระองค์ที่ผ่านมา จึงทำให้ประเทศไทยอยู่ รอดปลอดภัยมาจนถึงวันนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบัน ซึ่งพระองค์ได้ทำให้ประเทศและคนไทยอย่างมาก มายจนไม่สามารถที่ใครจะมาบรรยายได้หมด ทรงทำให้ชาวเขาทั้งหมดเลิกปลูกฝิ่น และมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น สิ่งเหล่านี้เป็นตัวอย่างที่คนไทยไม่ ควรลืม

ผมยืนยันได้ว่าประชาชนคนไทยทั่วประเทศถวายความจงรักภักดีด้วยหัวใจ และถ้าใครบังอาจไปแตะต้อง ผมคิดว่าประชาชนเขาไม่ยอมแน่ และพี่น้องประชาชนคนไทยก็มีสติ ไม่ได้ออก มาเคลื่อนไหว มาทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย และไม่ ต้องการซ้ำเติมสถานการณ์ ผมพูดได้เพราะเคยเป็นคนในชนบทมาก่อน เคยเป็นกำนัน ผู้ใหญ่บ้านและ เป็นผู้แทนมา 30 ปี ผมอ่านใจประชาชนคนไทยที่อยู่ในชนบทได้ ผมเชื่อว่าในที่สุดเมื่อคนส่วนใหญ่ได้แสดงท่าทีออกมาชัดเจน คนจำนวนแค่ไม่กี่หมื่นคนก็คงจะฝ่อไปเอง นายสุเทพ กล่าว 8เม.ย.ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

นายสุเทพ กล่าวอีกว่า รัฐบาลได้พยายามป้องกันไม่ให้กระทบกับความมั่นคงของชาติ จึงได้ให้ผู้ว่าฯ นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ไปประชุมชี้แจงกับประชาชนเพื่อให้เข้าใจข้อเท็จจริง เราไม่ได้ทำเพื่อความมั่นคงของรัฐบาล แต่เราดูแลความมั่นคงของประเทศ นอกจากนี้ข้าราชการทุกกระทรวงก็ต้องชี้แจงต่อผู้ใต้บังคับบัญชา และครอบครัวให้เข้าใจข้อเท็จจริงด้วย อย่าเป็นเหยื่อของคนที่มายุยงปลุกปั่น เมื่อถามว่าวันที่ 8 เม.ย. ที่มีการประกาศแตกหักจะมีพลังอะไรที่มาเปลี่ยน แปลงทางการเมืองอย่างที่กลุ่มเสื้อแดงคิดหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่ได้พูดจายั่วยุท้าทาย เพียงแต่ตนมั่นใจในความเป็นคนไทย และความรักสามัคคีของคนไทย ซึ่งไม่มีใครที่จะมาเปลี่ยนแปลงอะไรได้ โดยเฉพาะที่คิดว่าจะโค่นล้มระบอบการปกครองมันเป็นไปไม่ได้ คนเหล่านั้นเพ้อฝันไป ตนมั่นใจว่าคนไทยเขาไม่ยอมแน่ การปกครอง ตามระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็น พระประมุขสุดวิเศษแล้ว ส่วนการปราศรัยพาดพิง องคมนตรีนั้น รัฐบาลติดตามดูอยู่ทุกวัน และจะดำเนินการตามกฎหมาย ยืนยันไม่ให้ทำผิดกฎหมาย

ส่วนการเคลื่อนไหวในช่วง 8-10 เม.ย. นี้ รัฐบาลก็ยืนยันเหมือนเดิมว่าจะดูแลตามกรอบกฎหมาย ไม่ใช้ความรุนแรง ไม่ว่าฝ่ายเสื้อแดงจะยั่วยุอย่างไร แต่เจ้าหน้าที่รัฐจะตื่นตัว เฝ้าระวัง และใช้กำลังดูแลความปลอดภัยของสถานที่ราชการ และดูแลไม่ให้คนทำผิดกฎหมาย เมื่อถามว่าคิดว่าหลังสงกรานต์ปัญหาจะยุติหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า อยู่ที่ผู้ชุมนุม เพราะเราไม่ได้ใช้วิธีการปราบปราม เมื่อถามว่าหากปล่อยให้ยืดเยื้อจะกระทบกับการแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ นายสุเทพ กล่าวว่า เราไม่ได้ปล่อย แต่เป็นปัญหาของฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ และคนเสื้อแดงว่าจะดำเนินการอย่างไร

เมื่อถามว่าดูเหมือนว่ารัฐบาลกล้า ๆ กลัว ๆ จนทำให้การบังคับใช้กฎหมายไม่เต็มที่หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวปฏิเสธว่า ไม่จริง เราทำตามกฎหมาย เพียงแต่ไม่ใช้กำลัง ซึ่งขณะนี้ก็ต้องรอกรมบังคับคดีมาบังคับคดีในวันที่ 7 เม.ย.นี้ เมื่อถามว่าห่วงหรือไม่ว่ารัฐบาลจะซ้ำรอยกับรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ที่ไม่สามารถแก้ปัญหาความขัดแย้งได้ นายสุเทพ กล่าวว่า คงไม่เป็นอย่างนั้น เพราะนี่เป็นเรื่องของคนส่วนน้อยจริง ๆ ไม่ว่าจะมีกี่หมื่นคน แต่ถ้าเปรียบเทียบกับคน 65 ล้านคน มันคนละอย่าง กษิตขู่ประเทศที่รักทักษิณ

นายกษิต ภิรมย์ รมว.การต่างประเทศ ได้กล่าวชี้แจงกับชาวมุสลิมตอนหนึ่งว่า รู้สึกไม่สบายใจที่มีบางประเทศยอมให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ใช้เป็นฐานเวทีโจมตีประเทศไทย ซึ่งกำลังตรวจสอบข้อมูลว่า พ.ต.ท.ทักษิณยังอยู่ในประเทศกัมพูชาจริงหรือไม่ ซึ่งหากเขารัก พ.ต.ท.ทักษิณมาก ก็คงมีปัญหาด้านความสัมพันธ์กับประเทศไทยแน่นอน ซึ่งหลายประเทศมีข้อตกลงในการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนกับประเทศไทย เราก็ต้องบอก กล่าวไป แต่เรื่องการทำเรื่องขอตัวเป็นเรื่องสำนักงานอัยการสูงสุด ที่จะแจ้งมายังกระทรวงการต่างประเทศให้ดำเนินการ และเราจะทำกับ พ.ต.ท. ทักษิณ เหมือนนักโทษที่หนีคดีคนอื่น ๆ ในส่วนประเทศที่ไม่มีข้อตกลงส่งผู้ร้ายข้ามแดน อย่าง ดูไบ, บาห์เรน หรือสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ได้สั่งการให้ทางทูตแจ้งถึงสถานะของ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าเป็นบุคคลที่มีปัญหาต่อกระบวนการยุติธรรมอย่างไร ซึ่งขณะนี้ ได้รับการยืนยันจากหลายประเทศที่ไม่ยอมเปิดประเทศให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้เวทีของประเทศเขามาถล่มไทย

รมว.การต่างประเทศ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ได้แจ้งไปยังกลุ่มประเทศลาตินอเมริกา อาหรับและแอฟริกาด้วย โดยในวันพุธที่ 8 เม.ย.นี้ ได้เชิญทูตจากประเทศทั่วโลกเข้าหารือที่กระทรวง การต่างประเทศ เพื่อซักซ้อมทำความเข้าใจถึงกระบวนการยุติธรรมของไทย ว่ากำลังรอดำเนินการกับ พ.ต.ท.ทักษิณอย่างไรบ้าง แต่สิ่งสำคัญคืออยากให้ประเทศที่ยังไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน ส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณมา โดยไม่มีข้อตกลงดังกล่าวก็ได้ ให้ที่อยู่ทักษิณมีปัญหาแน่

นายกษิต กล่าวด้วยว่า หาก พ.ต.ท. ทักษิณ จะถือหนังสือเดินทางของประเทศอื่น ก็ต้องเป็นบุคคล 2 สัญชาติ ดังนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ จะสละสัญชาติหรือไม่ เมื่อถกรณีที่ระบุว่าหากประเทศใดให้ที่อยู่กับ พ.ต.ท.ทักษิณ จะต้องมีปัญหาความสัมพันธ์กับไทย หมายความว่าอย่างไร นายกษิต กล่าวว่า กรณีดังกล่าวก็เหมือนองค์ดาไลลามะมีปัญหากับทางการจีน โดยทางการจีนก็ ไม่อยากให้ประเทศอื่นอนุญาตให้องค์ดาไลลามะ ใช้ เป็นเวทีโจมตีเขา ก็เหมือนกับเราเช่นกัน เมื่อถามว่าหากทราบข้อมูลชัดว่าพ.ต.ท.ทักษิณอยู่ในกัมพูชาจริงจะทำหนังสือประท้วงหรือดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งหรือไม่ นายกษิต กล่าวว่า จะประท้วงไป ทำไม ส่วนจะดำเนินการอย่างไรก็คงต้องดูกันต่อไป คาดผู้ชุมนุมหลายหมื่นคน

พล.ต.ต.สุพร พันธุ์เสือ รอง ผบช.น. ในฐานะโฆษก บช.น.กล่าวถึงความพร้อมในการรับมือการชุมนุมของกลุ่ม นปช. ในวันที่ 8 เม.ย. ว่า ขณะนี้กองบัญชาการตำรวจนครบาล กำลังปรับแผนฯในการเตรียมความพร้อมอยู่ โดยได้มอบหมายให้ฝ่ายสืบสวน ดูความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งจากการข่าวคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมชุมนุมหลายหมื่นคน ตอนนี้ยอดผู้ชุมนุมยังไม่นิ่ง คงต้องรอดูประชาชนทั้งในกรุงเทพฯและที่จะมาสมทบจากต่างจังหวัด ในส่วนของเราก็เตรียมแผนฯ ดูแลความสงบเรียบร้อยของกลุ่มผู้ชุมนุมและสถานที่ราชการ รวมทั้งสั่งการให้แต่ละท้องที่ ตั้งด่านตรวจตราดูแลระวังไม่ให้มือที่ 3 เข้ามาสอดแทรก คาดว่าในส่วนนี้ไม่น่าจะมีปัญหา หากกลุ่มผู้ชุมนุมให้ความร่วมมือในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ 15กองร้อยดูแลบ้านสี่เสาฯ

รอง ผบช.น. กล่าวถึงหน้าบ้านพักสี่เสาเทเวศร์ของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธาน องคมนตรีและรัฐบุรุษ ว่า ได้จัดกำลัง 15 กองร้อยหรือ 2,250 นาย ไว้คอยดูแลในพื้นที่ ส่วนของทหารก็มีการร้องขอ โดยจะอยู่ภายในบ้านพักและสถานที่ราชการของทหาร ส่วนอุปกรณ์เสริมจะใช้เพียงโล่ไว้ป้องกันอย่างเดียว ไม่ให้มีการใช้ความรุนแรง แม้กระทั่งรถน้ำเราก็ไม่ใช้ เพราะคาดว่าไม่น่าจะมีเหตุการณ์รุนแรง การชุมนุมภายใต้กรอบของกฎหมายสามารถทำได้ตามรัฐธรรมนูญ สถานการณ์ขณะนี้ก็น่าจะชุมนุมด้วยความสงบ ส่วนการเก็บรายละเอียดข้อมูลในส่วนต่าง ๆ ที่มีความผิดสามารถดำเนินการในภายหลังได้ แต่หากมีการจับกุมแล้วเสียหายมากกว่าเราอาจต้องรอไปก่อน ดำเนินการในภายหลังได้ แต่หากจับกุมได้ทันทีก็จะทำเลย ไม่ละเว้นแน่นอน และได้ให้กรรมการสิทธิ องค์กรกลาง ทุกฝ่ายมาร่วมสังเกตการณ์ด้วย เพื่อให้ทราบว่าตำรวจทำใต้กรอบของกฎหมาย และไม่ใช้ความรุนแรงอย่างแน่นอน จับชาวชม.แจกเอกสารหมิ่น

สำหรับบรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง ที่บริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล ซึ่งชุมนุมเป็นวันที่ 12 แล้ว ในช่วงเช้ามีผู้ชุมนุมน้อยกว่าทุกวัน เนื่องจากท้องฟ้ามืดครึ้ม และมีฝนตกลงมาอย่างหนัก ขณะที่บนเวทีปราศรัยแกนนำยังผลัด เปลี่ยนกันขึ้นเวที โจมตีองคมนตรีและพรรคประชาธิปัตย์อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ได้มีการประกาศแจ้งสถานที่ในการรวมตัวของกลุ่มเสื้อแดงในต่างจังหวัด ก่อนจะเคลื่อนขบวนพากันเข้ามาชุมนุมใหญ่ที่กรุงเทพฯ ในวันที่ 8 เม.ย. โดยเฉพาะใน จ.นครราชสีมา จะมีการจัดรถบัส 40 คัน ไว้รอให้บริการที่บริเวณอนุสาวรีย์ย่าโม

ต่อมาเวลา 10.00 น. ที่หลังเวทีปราศรัย นายก่อแก้ว พิกุลทอง แกนนำเสื้อแดง เปิดแถลงข่าวการจับกุมชายคนหนึ่งที่แฝงตัวเข้ามาแจกเอกสารหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ในบริเวณการชุมนุม โดยให้การ์ดควบคุมตัว นายวันชัย แซ่ตัน อายุ 50 ปี ชาว จ.เชียงใหม่ มาโชว์ให้สื่อมวลชนถ่ายภาพ แต่ปฏิเสธที่จะให้อ่านเอกสารดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่าจะเป็นการเผยแพร่ ก่อนจะแจ้งไปยัง สน.ดุสิต ให้นำตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมาย ชายคนนี้นำเอกสารปึกใหญ่มาแจกผู้ชุมนุม แต่การ์ดพบผิดสังเกตจึงนำมาตรวจสอบพบว่า มีข้อความเข้าข่ายหมิ่นสถาบันเบื้องสูง จึงต้องควบคุมตัวส่งตำรวจ ที่ต้องนำตัวมาแถลงยืนยันเพราะต้องการให้เห็นว่าเสื้อแดงไม่เห็นด้วย และที่ผ่านมาก็มีการพยายามใส่ร้ายว่า คนเสื้อแดงไม่จงรักภักดี มีทหารใส่เสื้อขาวมารวมตัว

นายก่อแก้ว กล่าวว่า วันนี้ได้มีการตรวจพบว่ามีการเกณฑ์ชายฉกรรจ์ใส่เสื้อขาวประมาณ 600-700 คน ให้มารวมตัวกันที่สนามหลวง เป็นการรวมตัวโดยไม่มีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน คนกลุ่มนี้เป็นทหารที่ถูกตามตัวมาจากหน่วยต่าง ๆ ส่วนใหญ่เป็นทหารบก บางคนเข้าไปรวมตัวแล้วยังไม่รู้ว่าให้มาทำอะไร เมื่อสงสัยและสอบถามไปยังผู้บังคับบัญชาก็ได้รับคำตอบ กลับว่าให้มาต่อต้านเสื้อแดง เมื่อคนเหล่านั้นเห็นว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องเหมาะสม จึงได้โทรศัพท์มาแจ้งให้ทราบ ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าการรวมตัวของคนกลุ่มนี้จะมีการทำอะไรกันบ้าง แต่ได้ให้ทีมงานติดตามดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะเตรียมรับมือกับกลุ่มคนเสื้อขาวอย่างไร นายก่อแก้วตอบว่า พบว่าคนกลุ่มนี้มีทั้งทหารบกและทหารอากาศ ได้รับคำสั่งว่าหลังออกเวรแล้วให้มารวมตัวที่สนามหลวง แต่พบว่าไม่มีการติดอาวุธ แค่มาแสดงตัวเพื่อต้านเสื้อแดงเท่านั้น ถ้าไม่มีการเคลื่อนตัวมาทำร้ายคนเสื้อแดงและไม่มาสร้างปัญหา ก็เป็นสิทธิที่จะแสดง ออกได้ แต่ขอฝากไปยังผู้บังคับบัญชาของทหารกลุ่มนี้ ไม่จำเป็นที่จะต้องเกณฑ์ลูกน้องมาแสดง ออกแบบนี้ ประชาชนทางบ้านมองออกว่าอะไรเป็นอะไร การสร้างภาพเป็นเรื่องที่ไม่สง่างาม แต่ก็มีทหารบางคนที่มาแล้วเห็นว่าไม่ถูกต้องจึงได้พากันกลับ ณัฐวุฒิเผย7-8มีวิดีโอลิงก์

ต่อมาเวลา 10.30 น. นายณัฐวุฒิ ใสย เกื้อ แกนนำกลุ่มเสื้อแดงเปิดแถลงหลังเวทีปราศรัยถึงการชุมนุมใหญ่ 8 เม.ย. ว่ามีความพร้อมแล้วทุกเรื่อง วันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ จะงดการวิดีโอลิงก์ เพราะอยู่ระหว่างการเด ินทาง แต่ในวันที่ 7-8 เม.ย. ยืนยันว่าจะมีการวิดีโอลิงก์เข้ามาที่เวทีปราศรัยอย่างแน่นอน สำหรับท่าทีของพวก อำมาตยาธิปไตยที่มีหลายคนออกมากล่าวหาว่า เสื้อแดงพยายามล้มสถาบันเบื้องสูงและล่าสุดมีท่าทีของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ที่ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า การกล่าวโจมตีบุคคลที่ทำงานใกล้ชิดสถาบันเป็นการบั่นทอน เป็นการกล่าวหาที่ร้ายแรงฉกาจฉกรรจ์มาก คนเสื้อแดงขอยืนยันว่า มีความเคารพศรัทธาเชื่อมั่นในชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ไม่คิดให้กระทบกระเทือนสถาบันเบื้องสูง ฝากไปยัง พล.อ.เปรม หรือใครก็ตามที่พยายามสร้างกระแสให้พิจารณาข้อเท็จจริง ตั้งคำถามกลับไปที่ ป๋าเปรม

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ถ้าแนวทางการเคลื่อนไหวคนเสื้อแดง ชี้ชัดว่ามีความพยายามโค่นล้มสถาบันเบื้องสูง คงไม่ยืนระยะการชุมนุมมาได้ถึงทุกวันนี้ จะเห็นว่ามีมวลชนเข้ามาร่วมมากขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะคนกรุงเทพฯ เข้ามาร่วมชุมนุม มากเป็นประวัติการณ์ในช่วง 18.00-24.00 น. ทุกวันจะมีคนเข้ามามาก จึงเป็นเครื่องมือในการยืนยันอย่างหนึ่ง จึงขอตั้งคำถามย้อนกลับการให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.เปรม ที่ว่าการโจมตีองค มนตรีเป็นการบั่นทอนสถาบันว่าคงไม่เป็นเช่นนั้น อยากถามว่าคนที่ปฏิบัติงานใกล้ชิดสถาบันต้อง ปฏิบัติตัวตามกฎหมายตามรัฐธรรมนูญอย่างเคร่งครัดใช่หรือไม่ ในฐานะองคมนตรีต้องไม่เข้ามาแทรกแซงทางการเมืองใช่หรือไม่ การอยู่เบื้องหลังการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ถือเป็นการแทรกแซงการเมืองหรือไม่ การแสดงการสนับสนุนรัฐบาลชุดนี้แต่ไม่สนับสนุนชุดนั้น เป็นการแทรก แซงหรือไม่ เป็นการแสดงในฐานะที่เหมาะสมหรือไม่ ถ้าการกระทำไม่เหมาะสม ควรเลิกใช้สถาบันเบื้องสูงมาเป็นเครื่องมือกล่าวหาคนเสื้อแดงไม่ จงรักภักดี ยืนยันจะล้มอำนาจอำมาตย์

แกนนำเสื้อแดง กล่าวว่า คนเสื้อแดงจะโค่นล้มอำนาจของอำมาตย์ที่ พล.อ.เปรม ยึดครองอยู่ จะถือว่าเป็นปลายทางสุดท้ายของการเคลื่อนไหว จะไม่สูงหรือต่ำกว่านี้ ส่วนการล้มรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เป็นเพียงหลักกิโลเมตรหนึ่งของเส้นทางการต่อสู้ เป้าใหญ่อยู่ที่อำมาตย์ และไม่ได้คิดว่าล้มแล้วจะไปยึดอำนาจไว้เอง หรือจะไปยกย่องสร้างฐานอำนาจของพ.ต.ท.ทักษิณ ขึ้นมา ใหม่ ถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ จะกลับมาก็จะต้องพิสูจน์ข้อกล่าวหาทุกเรื่องตามกระบวนการยุติธรรมไทย หรือหากจะหวนคืนกลับมาเล่นการเมืองอีก ก็จะต้องได้รับฉันทานุมัติจากประชาชนตามระบอบประชาธิปไตย ปชป.กลัวแม้เงาของทักษิณ

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ระบอบอำมาตยาธิปไตย จะใช้ผลประโยชน์ส่วนตัวเป็นที่ตั้ง เป็นในลักษณะงูกินหางให้ผลประโยชน์แก่กันและกันในการดำรงอำนาจ พล.อ.เปรม กล่าวอ้างว่าทำเพื่อประชาชนแต่จะเห็นว่าประชาชนไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย ไม่ว่าจะเป็นการยึดอำนาจหรืออะไรก็ตาม ขณะที่คนของพรรคประชาธิปัตย์ก็ออกมาตอบ โต้ว่าใครก็ตามที่วิพากษ์วิจารณ์ พล.อ.เปรม จะได้รับการตอบโต้อย่างรุนแรง และจะไม่ได้รับการยอมรับจากประชาธิปัตย์ ทำไมไม่ถามตัวเองว่า ทำไมที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์ถึงมีชื่อของ พล.ต.มนูญ กฤต รูปขจร ลงเป็นผู้สมัครผู้แทน ไม่รู้หรือว่าในอดีต พล.ต.มนูญกฤต พยายามยึดอำนาจ พล.อ. เปรม และพยายามลอบสังหารถึง 2 ครั้ง เรื่องนี้เป็นภาพสะท้อนว่าระบอบอำมาตยาธิปไตยอยู่กันอย่างไร เวลานี้พรรคประชาธิปัตย์กลัวแม้กระทั่งเงาของ พ.ต.ท.ทักษิณ เห็นได้จากทีมโฆษกของพรรค มีการออกมาแถลงกีดกัน นายพานทองแท้ ชินวัตร ที่เขียนไว้ในหนังสือว่า อาจเข้าสู่การเมือง ขณะที่คนเสื้อแดงไม่เคยวิพากษ์วิจารณ์ใครที่จะเข้าสู่การเมือง และไม่เคยวิพากษ์วิจารณ์ น้องปลื้ม ลูกของนายชวน หลีกภัย แทมมี่ปฏิเสธข่าวบริจาคเงิน

ทางด้าน แทมมารีน ธนสุกาญจน์ นักเทนนิสสาวมือ 1 ของไทย ได้ออกมาปฏิเสธข่าวการบริจาคเงิน 10,000 บาท ให้กับกลุ่ม นปช. หรือกลุ่มคนเสื้อแดง หลังจากเมื่อวันที่ 4 เม.ย.ที่ผ่านมา มีการประกาศบนเวทีว่าแทมมี่ได้ร่วมบริจาคเงินจำนวนดังกล่าว เพื่อน ๆ และญาติที่ทราบข่าว จึงได้โทรศัพท์มาสอบถามจำนวนมาก ได้ยินข่าวแล้ว แทมมี่ รู้สึกตกใจมาก เพราะไม่เคยบริจาคเงินให้กับคนกลุ่มใดทั้งสิ้น ตอนนี้ตระเวนทัวร์แข่งอยู่ต่างประเทศหลายสัปดาห์แล้ว และมุ่งมั่นกับการทำหน้าที่นักกีฬา ที่สำคัญไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมืองเลย แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีคนมาติดต่อให้เล่นการเมืองก็ตาม เพราะมีความสำนึกอยู่ตลอดเวลาว่าเราคือนักกีฬา ควรทำหน้าที่ของตัวเอง ณ ตรงนี้ให้ดีที่สุด ข่าวที่ออกมาน่าจะเป็นความเข้าใจผิดอะไรบางอย่าง ทนายทักษิณแจ้งความองคมนตรี

เมื่อเวลา 11.00 น. นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล ทนายความส่วนตัวของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.สุรพันธ์ สุวรรณประดิษฐ์ พนักงานสอบสวน (สบ2) สน.พระราชวัง เพื่อให้ดำเนินคดีกับ พล.อ.พิจิตร กุลละวณิชย์ องคมนตรี ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา พร้อมนำหลักฐานเป็นเอกสาร หนังสือพิมพ์หลายฉบับ และแผ่นวีซีดีที่บันทึกภาพ เสียง การให้สัมภาษณ์ของพล.อ.พิจิตร ที่ให้สัมภาษณ์ที่กระทรวงกลาโหม กล่าวหาว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการล้มล้างสถาบัน

นายวิชิต กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ให้มาแจ้งความดำเนินคดีกับ พล.อ. พิจิตร ที่ให้สัมภาษณ์ใส่ร้ายเรื่องล้มล้างสถาบัน ทำให้ได้รับความเสื่อมเสียชื่อเสียงเกียรติยศ เข้าข่ายหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา ทั้งยังกล่าวหาว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีเงินฝากอยู่ที่หมู่เกาะเคย์แมน เป็นแสนล้าน ทำให้เสียหายมาก คดีนี้ทางฝ่ายตนมีทั้งพยานเอกสาร เป็นหนังสือพิมพ์ที่ลงบทสัมภาษณ์ของ พล.อ.พิจิตร ท่านผู้หญิงวิระยายืนยันได้

ทนาย พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังมีพยานบุคคลที่ยืนยันได้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้คิดล้มล้างสถาบัน ซึ่งบุคคลผู้นั้นคือ ท่านผู้หญิงวิระยา ชวกุล ประธานคณะกรรมการและเลขาธิการมูลนิธิบำรุงขวัญทหาร ตำรวจ อาสาสมัครชายแดน ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ซึ่งเป็นบุคคลที่รับใช้ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาทสามารถยืนยันได้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นคนที่จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เช่นเดียวกับคนไทยอีก 60 ล้านคน อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ยังไม่ได้มีการพิจารณาฟ้องร้องทางแพ่ง คงต้องรอให้ดำเนินการทางคดีอาญาไปก่อน ซึ่งก็อยากจะให้กระบวนการยุติธรรมในชั้นนี้เร่งรัดดำเนินการไปอย่างรวดเร็ว เพราะหากในชั้นพนักงานสอบสวนดำเนินการล่าช้า ก็อาจจะยื่นฟ้องร้องทางอาญาเอง

ด้าน พ.ต.ท.สุรพันธ์ กล่าวว่า เบื้องต้นในส่วนของพนักงานสอบสวนจะรับคดี สอบปากคำผู้กล่าวหาไว้ หลังจากนี้จะดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานและเรียกผู้เกี่ยวข้องมาสอบปากคำ ซึ่งคงต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินการ นอกจาก นี้จะต้องรายงานผู้บังคับบชาเพื่อพิจารณาต่อไป กลุ่มสยามฯออกแถลงการณ์

เมื่อเวลา 14.00 น. กลุ่มสยามสามัคคี ประกอบด้วยข้าราชการบำนาญ, สมาชิกวุฒิสภา, นักวิชาการอิสระ, แนวร่วมแพทย์เพื่อประชาธิป ไตย และนักธุรกิจ 20 คน อาทิ พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม, พล.อ.ภาษิต สนธิขันธ์, พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์, นายคำนูณ สิทธิสมาน, นายสมชาย แสวงการ, นายไพบูลย์ นิติตะวัน, นายวรินทร์ เทียมจรัส, นางพรพรรณ บุญยรัตพันธุ์ ส.ว.สรรหา, นายสาย กังกเวคิน ส.ว.ระยอง, น.ส.สุมล สุตวิริยะวัฒน์ ส.ว.เพชรบุรี ฯลฯ ร่วมกันออกแถลงการณ์ฉบับที่ 1 เรื่องการล่วงละเมิดต่อสถาบันพระมหากษัตริย์โดยระบุการกระทำของพ.ต.ท.ทักษิณ และกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดง มีเจตนาจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง ทั้งในทางเปิดเผยและทางลับ จึงขอเรียกร้องให้ประชาชนลุกขึ้นต่อต้านการกระทำของคนเสื้อแดง ตั้งรางวัล1ล้านล่าทักษิณ

ด้านพล.อ.สมเจตน์ กล่าวว่า ช่วงเวลาที่ผ่านมามีสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นภัยร้ายแรงของประเทศพวกเรา จึงมาหาหนทางเรียกร้องให้คนไทยเข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้น โดยเสนอข้อเรียกร้องให้เกิดการแก้ไขปัญหาของประเทศชาติเพื่อไม่ให้ประเทศชาติไปสู่วิกฤติ ทั้งนี้เป็นที่แน่ชัดว่าพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นต้นเหตุของปัญหาทั้งหมด จึงขอตั้งรางวัล 1 ล้านบาท กับผู้ที่สามารถนำตัว พ.ต.ท.ทักษิณกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยได้ ผู้ที่พร้อมจะให้เงินรางวัลคือ กลุ่มนักธุรกิจที่เห็นว่าพ.ต.ท.ทักษิณเป็นภัยร้ายแรงของประเทศชาติ เป็นผู้นำภัยร้ายแรงมาสู่ประชาชนทุกหมู่เหล่า หากนำตัวพ.ต.ท.ทักษิณกลับมาดำเนินคดีได้เหตุการณ์ทุกอย่างจะยุติได้

ผู้สื่อข่าวถามว่าได้ประเมินสถานการณ์วันที่ 8 เม.ย.อย่างไร นายคำนูณ กล่าวว่า เชื่อว่าการชุมนุมไม่น่าจะยืดเยื้อเกิน 3 วัน เพราะประชาชนจะต้องเดินทางกลับภูมิลำเนาในวันที่ 10 เม.ย. โดยหากยังไม่ได้รับการตอบรับผู้ชุมนุมอาจประกาศชัยชนะระดับหนึ่งแล้วสลายการชุมนุมไปก่อน เพื่อกลับมาชุมนุมใหม่ในเดือนพฤษภาคมได้ อย่างไรก็ตาม บทเรียนจากการชุมนุมที่ผ่านมา ฝ่ายที่เริ่มใช้ความรุนแรงก่อน มักจะเป็นฝ่ายแพ้ นายกฯ ประชุมความมั่นคง

ที่กระทรวงกลาโหม เวลา 13.30 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง เพื่อประเมินสถานการณ์การประกาศชุมนุมใหญ่ของกลุ่มเสื้อแดงในวันที่ 8 เม.ย.นี้ โดยมี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม นายชวรัตน์ ชาญ วีรกูล รมว.มหาดไทย นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย นายโสภณ ซารัมย์ รมว. คมนาคม นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกฯ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. และผู้บัญชาการทั้ง 3 เหล่าทัพ เข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง นอกจากนี้ยังมี ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. นายวิชัย ศรีขวัญ ปลัด มท. และนายเผชิญ ขำโพธิ์ อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ เข้าร่วม โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ยืนยันจะไม่ใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

นายอภิสิทธิ์ เปิดเผยว่า เท่าที่ได้หารือกับทุกหน่วยงานมีความพร้อมในการรับมือกับสถานการณ์ และให้ความมั่นใจว่าจะดูแลสถาน การณ์ทุกอย่างให้เรียบร้อย เพื่อให้บ้านเมืองสามารถเดินต่อไปได้ โดยในเวลา 20.00 น. วันนี้ ตนจะไปบันทึกเทปที่สถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีเป็นข้อความสั้น ๆ ถึงประชาชน เพื่อให้ได้ทราบรายละเอียดอีกที เนื่องจากคิดว่ามีประชาชนจำนวนมากกังวล และสับสนบ้าง ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นในบ้านเมือง รวมทั้งอยากทราบจุดยืนของรัฐบาลว่าเป็นอย่างไร เมื่อถามว่าเท่าที่ประชุมกัน มีกฎหมายอะไรบ้างที่จะมาดูแลเหตุการณ์ในวันดังกล่าว นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้ยังจะใช้กฎหมายการบริหารราชการแผ่นดินตามปกติ และยังเชื่อ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook