สงกรานต์ข้าวสาร ลากยาวถึง17เม.ย.

สงกรานต์ข้าวสาร ลากยาวถึง17เม.ย.

สงกรานต์ข้าวสาร ลากยาวถึง17เม.ย.
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ศปถ. ระบุยอด 5 วันอันตราย ตายแล้ว 272 ราย บาดเจ็บ3,375 ราย เชียงใหม่ ตายมากสุด 12 ราย ส่วน เชียงราย เกิดเหตุมากสุด 128 ครั้ง ยโสธร ยังไม่มีอุบัติเหตุ สั่งจับตาโชเฟอร์รถสาธารณะช่วงขากลับ บ.ข.ส.คาดคลี่คลายได้บ้างหลังรัฐบาลประกาศหยุดเพิ่มอีก 2 วัน ด้านผู้ประกอบการถ.ข้าวสารยืดเวลาออกไปอีกจนถึง 17 เม.ย. ขณะที่ภาคอีสานทั้งบุรีรัมย์ ศรีสะเกษ ขอนแก่น โคราช กาฬสินธุ์ คนเริ่มแห่กลับเข้ากรุง เพราะซื้อตั๋วแล้ว และโรงงานไม่หยุดต่อ ถ.มิตรภาพเริ่มหนาแน่น ที่เกาะช้างเรือเฟอร์รี่เร่งระบายรถออกทั้งคืนจนถึง 3 ทุ่ม

-5 วันตาย 272-เจ็บ 3,375ราย

เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 15 เม.ย. ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ป.ภ.) นายเฉลียว อยู่สีมารักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา แถลงข่าวสถิติอุบัติเหตุช่วง 7 วันอันตราย ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ วันที่ 10-16 เม.ย.ว่า ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน (ศปถ.) รวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนน วันที่ 14 เม.ย. หรือวันที่ 5 ของช่วง 7 วันระวังอันตราย เกิดอุบัติเหตุ 638 ครั้ง มากกว่าปี 2551 จำนวน 50 ครั้ง เสียชีวิต 52 ราย มากกว่าปี 2551 จำนวน 5 ราย บาดเจ็บ 717 ราย มากกว่าปี 2551 จำนวน 40 ราย

นายเฉลียวกล่าวว่า สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุคือ เมาสุรา รองลงมาขับรถเร็วเกินกำหนด ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุดคือ รถจักรยานยนต์ ส่วนใหญ่เกิดในเส้นทางตรง บนถนนอบต.-หมู่บ้าน รองลงมาคือ ทางหลวงแผ่นดิน ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ กลางคืน ช่วงเวลา 16.01-20.00 น. ผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ อายุ 20-49 ปี จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ 28 ครั้ง

เลขาธิการ กอศ.กล่าวต่อว่า จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุดได้แก่ เชียงใหม่ 5 ราย จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต 41 จังหวัด จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุดคือ เชียงราย 32 ราย จังหวัดที่ไม่มีผู้บาดเจ็บคือ นนทบุรี สกลนคร อำนาจเจริญ และยโสธร จังหวัดที่ไม่เกิดอุบัติเหตุมี 4 จังหวัดคือ นนทบุรี สกลนคร อำนาจเจริญ และยโสธร โดยมีจุดตรวจหลัก 3,036 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 80,126 คน เรียกตรวจ 829,624 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดี 65,820 ราย ส่วนใหญ่ไม่สวมหมวกนิรภัย 22,753 ราย รองลงมา ไม่มีใบขับขี่ 21,966 ราย

นาย เฉลียวกล่าวต่อว่า ส่วนอุบัติเหตุทางถนนสะสม 5 วัน (วันที่ 10-14 เม.ย.) เกิดอุบัติเหตุรวม 3,106 ครั้ง ลดลงจากปีที่ผ่านมา 431 ครั้ง เสียชีวิตรวม 272 ราย ลดลง 4 ราย บาดเจ็บรวม 3,375 ราย ลดลง 617 ราย จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงราย 128 ครั้ง จังหวัดที่ยังไม่เกิดอุบัติเหตุ ได้แก่ ยโสธร จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุดคือ เชียงใหม่ 12 ราย จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต 10 จังหวัดคือ ตราด ฉะเชิงเทรา ยโสธร อำนาจเจริญ สกลนคร มุกดาหาร น่าน ชุมพร ปัตตานี และยะลา จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุดคือ เชียงราย 141 ราย จังหวัดที่ยังไม่มีผู้บาดเจ็บคือ ยโสธร

-สั่งจับตาโชเฟอร์รถโดยสาร

นาย เฉลียวกล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามแม้ว่ารัฐบาลจะประกาศให้วันที่ 16-17 เม.ย. เป็นวันหยุดราชการ แต่ยังมีธนาคารและบริษัทเอกชนบางแห่ง ยังคงเปิดทำการปกติ คาดว่า ประชาชนเริ่มทยอยเดินทางกลับในช่วงบ่าย ดังนั้นศปถ.จึงประสานจังหวัดให้กำชับเจ้าหน้าที่ตามจุดตรวจ จุดสกัดในชุมชน ตำบล หมู่บ้าน บนถนนสายรอง ตักเตือนผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์และผู้ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ ให้ปฏิบัติตามกฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด เน้นตรวจสอบรถโดยสารสาธารณะ ทั้งที่เป็นรถโดยสารประจำทางและรถเสริม กวดขันการใช้ความเร็ว รวมถึงการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์อย่างจริงจัง เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุจากรถโดยสารขนาดใหญ่ รวมทั้งเฝ้าระวังถนนสายรองในเขตชุมชน หมู่บ้าน เนื่องจากในบางพื้นที่ยังมีการสาดน้ำ

ส่วนประชาชนที่ใช้บริการรถ โดยสารสาธารณะให้ร่วมเฝ้าระวังพนักงานขับรถ หากพบอาการผิดปกติให้แจ้งเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจ ตลอดจนระมัดระวังมิจฉาชีพในรูปแบบต่างๆ หากพบการขายตั๋วเกินราคา โทร.แจ้งได้ที่ศูนย์คุ้มครองผู้โดยสาร 1584 หรือศูนย์ปลอดภัยคมนาคม 1356

-คาดเลื่อนเข้ากรุงเพียบ

นาย วุฒิชาติ กัลยาณมิตร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บ.ข.ส.) กล่าวว่า บ.ข.ส.ได้ประเมินการเดินทางกลับของประชาชนหลังจากรัฐบาลประกาศให้วันที่ 16-17 เม.ย.เป็นวันหยุดราชการว่า น่าจะมีประชาชน 30 % เลื่อนวันการเดินทางกลับจากช่วงเย็นวันที่ 15 เม.ย.ออกไปอีก จากเดิมที่คาดว่าจะมีคนเดินทางในช่วงเย็นวันที่ 15 เม.ย.ถึงกรุงเทพฯ เช้าวันที่ 16 เม.ย.ราว 200,000 คน ซึ่งจะทำให้การปัญหาจราจรไม่แออัด อย่างไรก็ตามบ.ข.ส.ได้เตรียมรถไว้รองรับอย่างเพียงพอแน่นอน โดยให้รถของบ.ข.ส.ทุกคันจอดรอที่ปลายทางอยู่แล้ว พร้อมเปิดให้ประชาชนเลื่อนการเดินทางได้ หากแจ้งเลื่อนวันเดินทางล่วงหน้า 1 วันจะไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ

-ม็อบทำรถไฟสูญ 6 ล้าน

นาย ยุทธนา ทัพเจริญ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) กล่าวว่า เหตุการณ์ความรุนแรงทำให้ประชาชนเดินทางโดยรถไฟในช่วงสงกรานต์ไม่ถึงเป้า หมายที่ตั้งไว้คือ 150,000 คน หลังจากรัฐบาลประกาศให้วันที่ 16-17 เม.ย.เป็นวันหยุดราชการต่อไปอีก ทำให้มีประชาชนกระจายการเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ ทำให้บรรยากาศที่สถานีรถไฟไม่คึกคักมากนัก และประชาชนส่วนใหญ่จะทยอยเดินทางกลับ ดังนั้นในวันที่ 18-19 เม.ย. ร.ฟ.ท.จะเพิ่มขบวนพิเศษอีก 6 ขบวน เพื่อรองรับการเดินทางกลับ

อย่าง ไรก็ตามหลังเกิดความวุ่นวาย จนต้องเปลี่ยนจากหัวลำโพงมาเป็นบางซื่อ ต้องงดการเดินรถ 75 ขบวน ระหว่างวันที่ 12-15 เม.ย.ที่ผ่านมา ทำให้การรถไฟฯเสียหายวันละ 6 ล้านบาท และในวันนี้ยังงดเดินรถอีก 4 ขบวน เส้นทางกรุงเทพฯ-สุไหงโก-ลก หลังมีเหตุยิงเจ้าหน้าที่ แต่จะเปิดทุกเส้นทางวันที่ 20 เม.ย.นี้

-"ข้าวสาร"เล่นน้ำต่อถึง 17 เม.ย.

ผู้ สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่ถ.ข้าวสาร มีประชาชนเข้ามาเล่นสงกรานต์กันอย่างคึกคัก ส่วนใหญ่เป็นคนไทย ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติบางตามีเพียงส่วนน้อยเท่านั้น นายสุรัตน์ วงศ์ชาญศิลป์ นายกสมาคมผู้ประกอบการค้าถนนข้าวสาร กล่าวว่า หลังจากรัฐบาลประกาศให้หยุดเพิ่มอีก 2 วัน สมาคมจึงประชุมร่วมกันจะเปิดให้ประชาชนเล่นสงกรานต์ไปจนถึงวันที่ 17 เม.ย. เนื่องจากที่ผ่านมาการค้าบนถนนข้าวสารประสบปัญหาทางการเมือง ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติพากันหนีหาย ยอดจองห้องพักลดน้อยอย่างมากเหลือ 20 เปอร์เซ็นต์ และเพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ จึงเปิดให้ประชาชนเข้ามาเล่นสงกรานต์ได้จนถึงวันที่ 17 เม.ย. โดยทางสมาคมประสานกับพ.ต.อ.ขิง แขวงวิเศษชัยชาญ ผกก.สน.ชนะสงคราม ขอความร่วมมือดูแลเรื่องความปลอดภัยให้กับประชาชนที่จะเข้ามาเล่นสงกรานต์ โดยทางตำรวจได้ขอร้องไม่ให้มีการเล่นแป้งหรือตั้งโต๊ะแผงลอยขายของบนพื้นผิว ถนนและทางเท้า และอย่าเปิดเพลงเสียงดัง

ด้านพ.ต.อ.ขิงกล่าวว่า หลังจากสมาคมขอความร่วมมือที่จะเปิดเล่นสงกรานต์ไปถึงวันที่ 17 เม.ย.ทางสน.ชนะสงคราม ก็ไม่ได้ขัดข้องอะไร แต่ขอความร่วมมือว่าไม่ให้ตั้งร้านค้าหรือแผงลอยบนถนน ให้เล่นสงกรานต์สาดน้ำกันได้ตามประเพณี ส่วนร้านค้าที่เปิดเพลงเสียงดังให้งด เจ้าหน้าที่จะจัดกำลังตำรวจดูแลเรื่องของความปลอดภัยและทรัพย์สินให้

-ชาวเชียงใหม่ออกไปทำบุญ

สำหรับ บรรยากาศเทศกาลสงกรานต์ของจ.เชียงใหม่ ซึ่งถือเป็นวันเริ่มต้นปีใหม่ล้านนา หรือเรียกว่า "วันพญาวัน" ประชาชนพากันไปทำบุญตามวัดต่างๆ เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว โดยตั้งแต่ช่วงเช้าชาวเชียงใหม่ นำอาหารคาวหวานไปถวายพระ เช่น ที่วัดโลกโมฬี ถ.มณีนพรัตน์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ มีประชาชนทำบุญจำนวนมาก หลังนำอาหารคาวหวานไปถวายพระในกุฏิและวิหารแล้ว ก็นำน้ำขมิ้นส้มมาสรงน้ำพระธาตุ สรงน้ำพระพุทธรูปประจำวันเกิดที่ทางวัดจัดไว้ นำผ้าหลายสีมาผูกที่ไม้ค้ำสหลี ฯลฯ

ส่วนรอบคูเมืองเชียงใหม่ พ่อค้าแม่ค้าเริ่มมาเปิดร้านจัดเตรียมสินค้าเพื่อจำหน่ายให้กับนักท่อง เที่ยว ที่จะออกมาเล่นน้ำสงกรานต์ในวันนี้ ซึ่งคาดว่าจะมีประชาชนมาเล่นน้ำมากขึ้น หลังจากสถานการณ์บ้านเมืองคลี่คลายลงไป

ส่วนที่บริเวณลานหน้ากาดสวน แก้ว ถ.ห้วยแก้ว ช่วงบ่ายมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศนับหมื่นคน แห่ไปเล่นน้ำและชมคอนเสิร์ตที่บริเวณดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรต้องปิดการจราจร และให้รถไปใช้เส้นทางเบี่ยงย่านสันติธรรม และหลังมหาวิทยาลัยแทน นับว่ามีคนออกมาเล่นน้ำสงกรานต์ส่งท้ายที่เชียงใหม่จำนวนมาก

-พิษณุโลกสนุกทั่วทั้งเมือง

ที่ จ.พิษณุโลก วัดราชบูรณะ อ.เมืองพิษณุ โลก จัดงานเทศกาลสงกรานต์ โดยมีเจ้าหน้าที่เทศบาลนครพิษณุโลก และประชาชน 52 ชุมชน ร่วมกันทำบุญถวายอาหารแด่พระภิกษุสงฆ์ ก่อเจดีย์ทราย สรงน้ำพระบรมสารีริกธาตุ ไถ่ชีวิตโคกระบือ และร่วมกันลงชื่อบนผ้าแพรผืนใหญ่ ยาว 24 เมตร ซึ่งทางวัดจะนำไปห่มเจดีย์ในช่วงเย็น และสวดแจงรวมญาติให้แก่ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว

ส่วน การเล่นสงกรานต์ในตัวเมืองพิษณุโลก ประชาชนส่วนใหญ่มาเล่นน้ำที่ถนนสายหลักเช่น ถ.บรมไตรโลกนารถ พระเอกาทศรถ นอกจากนี้มีการจัดซุ้มน้ำพุไว้หลายจุดด้วย และที่วงเวียนหน้าสถานีรถไฟ ทางเทศบาลได้จัดให้มีการเล่นโฟมปาร์ตี้ โดยทำฟองโฟมไหลลงมาให้ประชาชนเล่นกันอย่างสนุกสนาน

นอกจากนี้ที่ถ. พิษณุโลก-หล่มสัก น้ำตกแก่งซอง อ.วังทอง มีประชาชนจำนวนมากพากันไปเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน เนื่องจากสภาพอากาศในช่วงนี้ร้อนจัด ทำให้การจราจรเคลื่อนตัวช้า เนื่องจากที่จอดรถไม่พอเพียง ขณะที่น้ำตกสกุโณทยาน หรือน้ำตกวังนกแอ่น มีประชาชนและนักท่องเที่ยวเดินทางไปจำนวนมาก ทำให้ยางในรถยนต์ที่ให้เช่าเล่นน้ำไม่เพียงพอ

ขณะที่ชาวเมือง กำแพงเพชรร่วมบวงสรวง "ศาลพระอิศวร" เทวสถานสำคัญของเมืองกำแพงเพชร เพื่อขอพรให้ร่มเย็นเป็นสุข ซึ่งมีประชาชนหลั่งไหลมากราบไหว้บูชาจำนวนมากทุกๆปี ที่บริเวณวิหารเจ้าพ่อหลักเมืององค์เดิม นอกจากนี้ยังมีการสรงน้ำหลักเมืองที่สร้างขึ้นมาใหม่ด้วย ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก

-คนแห่กลับ-มิตรภาพเริ่มหนาแน่น

นาย วัลลภ เทพภักดี ผอ.ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 5 นครราชสีมา เปิดเผยว่า ช่วงสายวันนี้จะปรับเปลี่ยนการตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจฯจากฝั่งขาขึ้นมา เป็นขาล่อง มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ เน้นให้บริการและช่วยเหลือประชาชน เฝ้าระวัง และติดตามรวบรวมข้อมูลข่าวสารตลอด 24 ชั่วโมง หากประชาชนต้องการความช่วยเหลือ ติดต่อได้ที่โทร.0-4424-2967 หรือ 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการเดินทางกลับกรุงเทพฯ ในช่วงบ่ายวันนี้ ที่สถานีขนส่งนครราชสีมาแห่งที่ 2 เต็มไปด้วยประชาชนที่หอบกระเป๋าสัมภาระและของฝาก มาซื้อตั๋วขึ้นรถโดยสารกลับจำนวนมาก แม้รัฐบาลจะประกาศหยุดอีก 2 วัน เพราะประชาชนส่วนใหญ่ต้องการเดินทางกลับไปพักผ่อนก่อนถึงวันทำงาน และบางส่วนไม่ได้หยุดด้วย ทำให้ขนส่งจังหวัดนครราชสีมาต้องสั่งเพิ่มเที่ยวรถเป็นวันละกว่า 500 เที่ยว เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการ

ขณะที่การจราจรบนถ.มิตรภาพ มีปริมาณรถยนต์หนาแน่นเกือบตลอดทั้งสาย รถสามารถทำความเร็วได้ไม่เกิน 40 ก.ม.ต่อชั่วโมง ซึ่ง การจราจรจะมีติดขัดเป็นบางช่วง โดยเฉพาะในเขตชุมชนและทางขึ้นเขาแยกอ.พล จ.ขอนแก่น, แยกบ้านโพธิ์ อ.เมืองนครราชสีมา, ถ.มิตรภาพ เขตตัวเมืองนครราชสีมา และทางขึ้นเขา ต.กลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ไปจนถึงอ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี โดยเฉพาะ ถ.มิตรภาพจากจ.ขอนแก่น มุ่งสู่ตัวเมืองนครราชสีมา รถขาเข้าต้องแย่งกันวิ่งทำให้การจราจรเพิ่มขึ้นเป็น 3 ช่องทาง ซึ่งตำรวจภูธรนครราชสีมาต้องเปิดช่องทางพิเศษบางช่วงเพื่อเร่งระบายรถอย่าง เร่งด่วนแล้ว

-ศรีสะเกษรถไฟ-ทัวร์เต็มทุกเที่ยว

ผู้สื่อข่าว รายงานว่า ที่สถานีรถไฟศรีสะเกษ ประชาชนจำนวนมากพากันมารอรถไฟเพื่อเดินทางกลับกรุงเทพฯ และจังหวัดต่างๆจำนวนมาก ส่วนใหญ่ จะนำข้าวสารอาหารแห้งและสัมภาระส่วนตัวติดตัวไปด้วย เมื่อรถไฟเข้าจอดที่ชานชาลา ต่างแบกกระสอบข้าวสารและสัมภาระส่วนตัวแย่งขึ้นรถไฟกันอย่างโกลาหล บางส่วนที่ขึ้นไม่ได้ก็ต้องรอรถไฟขบวนต่อไป ขณะเดียวกันบริษัทรถทัวร์ทุกแห่งใน จ.ศรีสะเกษ มีการเพิ่มเที่ยววิ่ง เพื่อรับผู้โดยสารจากศรีสะเกษไปยังกรุงเทพฯ เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการ

-กาฬสินธุ์เริ่มกลับกรุงเทพฯ

ส่วน บรรยากาศที่จ.กาฬสินธุ์ การเล่นสงกรานต์คึกคักมาก โดยที่ถ.อนรรฆนาค กว่า 5 ก.ม. ที่เทศบาลเมืองกาฬสินธุ์จัดให้เล่นสงกรานต์เหมือนทุกปี คึกคักกันตั้งแต่ช่วงเช้าซุ้มต่างๆ ที่ประดับประดาอย่างสวยงามริมฝั่งถนน หนาแน่นไปด้วยฝูงชนที่ออกมาเล่นน้ำ ขณะที่บนท้องถนนเนืองแน่นไปด้วยประชาชนและรถบรรทุกน้ำสาดน้ำกันอย่างสนุก สนาน

ที่สถานีขนส่ง ประชาชนส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้ใช้แรงงาน เริ่มเดินทางกลับกรุงเทพฯ ทำให้ที่สถานีขนส่งคึกคัก ทั้งนี้ นายพิภพ พ่วงสมบัติ นายสถานีขนส่งจ.กาฬสินธุ์ ยังคุมเข้มผู้ขับรถทุกบริษัท ด้วยการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ

ที่ บุรีรัมย์ ที่สถานีขนส่งและสถานีรถไฟบุรีรัมย์ มีประชาชนและนักท่องเที่ยวมารอขึ้นรถเดินทางกลับไปทำงานหนาแน่นแล้ว โดยเฉพาะที่สถานีขนส่งผู้โดยสารคาดตลอดทั้งวันนี้ จะมีผู้เดินทางกลับร่วมหมื่นคน จากที่คาดการณ์ไว้ว่า จะมีผู้เดินทางกลับในวันนี้ 3,000-4,000 คน นอกจากนี้ยังได้มีการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ และสารเสพติดในร่างกายพนักงานขับรถทุกคัน ก่อนออกเดินทาง เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ และมีพนักงานขับรถดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขณะขับรถถูกสั่งพักแล้ว 1 ราย ขณะที่ตั๋วรถไฟและรถโดยสารเต็มตั้งแต่วันที่ 14-19 เม.ย.

-ประสานงาชนดับ 1 เจ็บ 3

วัน เดียวกัน เวลา 10.00 น. พ.ต.ท.วิชิต ปานพรหม สารวัตรเวรสภ.บางซ้าย จ.พระนคร ศรีอยุธยา รับแจ้งมีรถชนที่ถนนสายอยุธยา-สุพรรณบุรี ต.แก้วฟ้า อ.บางซ้าย จึงรุดไปตรวจสอบ พบรถยนต์กระบะอีซูซุแค็บ สีน้ำเงิน ทะเบียน บฉ 3744 พระนครศรีอยุธยา บรรทุกปุ๋ย ในรถพบศพนางพนมวรรณ โยงใย อายุ 50 ปี ส่วนคนขับได้รับบาดเจ็บคือ นายภาณุ ยวงใย อายุ 24 ปี ลูกชายนางพนมวรรณ เจ้าหน้าที่รีบนำส่งร.พ.เสนา

ส่วนรถอีกคันที่ชนประสานงาขวางอยู่กลาง ถนน เป็นรถยนต์กระบะโตโยต้าดีโฟร์ดี สีน้ำเงิน ทะเบียน บฉ 2607 พระนครศรีอยุธยา บรรทุกน้ำอัดลมและน้ำแข็ง ในรถที่ด้านคนขับพบนายมนัส เกตุยศ อายุ 31 ปี ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ด้านข้างคนขับพบนางพัชรี สกุลศร อายุ 31 ปี ภรรยานายมนัสถูกอัดติดอยู่ในรถ เจ้าหน้าที่ต้องงัดเอาร่างออกมานำส่งร.พ.เสนา สอบสวนนายมนัสทราบว่า กำลังขับรถบรรทุกเอาน้ำแข็งไปส่งให้กับลูกค้าที่ตลาดบางซ้าย เพื่อขายให้กับประชาชนเล่นสงกรานต์ เมื่อถึงที่เกิดเหตุเห็นรถยนต์กระบะอีซูซุขับส่ายไปมา ตนพยายามหักหลบแล้วแต่ไม่พ้น จึงพุ่งชนประสานงากันจนมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตดังกล่าว

- "เกาะช้าง"ทะลักเฟอร์รี่แน่น

นาย วิรัช ศกุณะสิงห์ หัวหน้ากองเรือท่าเรือเซ็นเตอร์พอยท์เฟอร์รี่ จ.ตราด เปิดเผยว่า ในช่วง 3-4 วันนี้มีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลมาเป็นจำนวนมาก มีรถวันละ 1,000 คัน ปกติมีเรือออกวันละ 26 เที่ยว แต่ช่วงวันหยุดเพิ่มขึ้นเป็นวันละ 32 เที่ยว โดยท่าเรือจะจัดส่งนักท่องเที่ยวกลับจนหมด จะไม่ให้เหลือตกค้างที่เกาะช้างอย่างแน่นอน และเมื่อคืนที่วันที่ 14 เม.ย.ได้จัดเที่ยวเรือส่งนักท่องเที่ยวกลับจนถึงเวลา 21.00 น.

ด้าน จ.อ่างทอง ที่บริเวณถนนคันคลองชลประทานสายชันสูตร-ผักไห่ หรือถนนข้าวสุก ต.ศาลเจ้าโรงทอง อ.วิเศษชัยชาญ เทศบาลตำบลศาลเจ้าโรงทอง ปิดถนนให้ประชาชนเล่นน้ำ โดยมีวัยรุ่นในจ.อ่างทอง สุพรรณบุรี และพระนครศรีอยุธยา หลายพันคนเดินทางด้วยรถกระบะ เปิดเครื่องเสียงดังกระหึ่ม มาจอดเล่นสาดน้ำและเต้นรำกันอย่างสนุกสนาน โดยมีตำรวจ อปพร.กว่า 100 ราย ดูแลความเรียบร้อย

-โดดน้ำเขื่อนป่าสักดับ 3 ศพ

ที่ จ.ลพบุรี วันเดียวกัน เวลา 13.30 น. พ.ต.ท.ชัยวัฒน์ ขุราษี สารวัตรเวรสภ.พัฒนา นิคม รับแจ้งมีคนจมน้ำที่ประตูระบายน้ำท้ายเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ต.หนองบัว จึงรุดไปตรวจสอบ คนที่เล่นสงกรานต์บริเวณดังกล่าวเปิดเผยว่า บริเวณบานประตูระบายน้ำท้ายเขื่อน 7 บาน มีน้ำไหล และมีคนกระโดดลงไปเล่นน้ำ และจมหายไปต่อหน้าต่อตา 3 คน หลังจากนั้นมีพลเมืองดีกระโดดลงไปงมหาและช่วยชีวิตมาได้ 1 คน แต่ยังจมอีก 2 คน คราวนี้คนช่วยจมหายไปอีกคน มูลนิธิร่วมกตัญญูจึงช่วยกันลงไปงมหาใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง พบศพ นายวรพงศ์ ลอรักษา อายุ 39 ปี ด.ญ.นฤมล ศรีคร้าม อายุ 13 ปี ด.ญ.ชลธิชา ศรีคร้าม อายุ 12 ปี จึงนำศพมาที่ร.พ.พัฒนานิคม ส่วนผู้ที่รอดชีวิตคือ ด.ช.อัษฎาวุธ นุ้ยจำนรร อายุ 12 ปี

-เพชรเกษมเริ่มคับคั่ง

ที่จ.พระนครศรี อยุธยา มีประชาชนออกมาสาดน้ำกัน โดยใช้รถบรรทุกหกล้อและกลุ่มวัยรุ่นขี่รถจักรยานยนต์ไปตามถ.โรจนะ ตั้งแต่วงเวียนเจดีย์วัดสามปลื้ม ทางเข้าตัวเกาะเมือง ไปจนถึงด้านหน้าศาลากลางจังหวัดหลังเก่า และอีกจุดคือบนถ.อู่ทอง ในเขตเกาะเมืองพระนคร ศรีอยุธยา ซึ่งเปิดเล่นน้ำไปจนถึงเวลา 20.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ระบายรถให้เดินรถวิ่งทางเดียวทำให้การจราจรไม่ติดขัดมาก หนัก

ส่วนที่คลองชลประทานหน้าสำนักงานชลประทานบางบาล ต.บ้านป้อม อ.พระนคร ศรีอยุธยา ริมถนนสายอยุธยา-บางบาลมีประชาชนลงไปเล่นน้ำคลายร้อนกว่าพันคน โดยทางชลประทานระบายน้ำให้ไหลเวียนอยู่ตลอดเวลา

วันเดียวกัน เวลา 16.30 น.ผู้สื่อข่าวรายงานจากจ.ประจวบคีรีขันธ์ว่า ถ.เพชรเกษมจาก 14 จังหวัดภาคใต้ เข้ากรุงเทพฯโดยในช่วงผ่านจ.ประจวบฯ 222 ก.ม. เริ่มมีปริมาณหนาแน่น ซึ่งรถยนต์เข้าจอดพักตามปั๊มน้ำมันต่างๆ จนแน่นขนัด ขณะที่เจ้าของปั๊มน้ำมันยืนยันว่า ได้เตรียมน้ำมันไว้เพียงพอที่จะบริการในช่วงการเดินทางกลับ ส่วนรถขาล่องสู่ภาคใต้มีปริมาณน้อย

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook