8 แกนนำเพื่อไทย รับข้อหาฝืน คสช. ปัดปลุกปั่น-คนแห่เชียร์

8 แกนนำเพื่อไทย รับข้อหาฝืน คสช. ปัดปลุกปั่น-คนแห่เชียร์

8 แกนนำเพื่อไทย รับข้อหาฝืน คสช. ปัดปลุกปั่น-คนแห่เชียร์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

แกนนำเพื่อไทย 8 คน เข้ารับข้อหาฝืนคสช. ปัด ปลุกปั่น ยัน ไม่เข้าข่ายยุบพรรค-คนแห่เชียร์ให้กำลังใจ

นายวัฒนา เมืองสุข , นายจาตุรนต์ ฉายแสง , นายชูศักดิ์ ศิรินิล , นายนพดล ปัทมะ , นายชัยเกษมนิติสิริ , นายภูมิธรรม เวชยชัย , พลตำรวจโทวิโรจน์ เปาอินทร์ และ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมหรือชุมนุมทางการเมือง ณ ที่ใด ที่มีจำนวนตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปโดยไม่ได้รับอนุญาตจากหัวหน้าคสช. หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย

หลังจาก ฝ่ายกฎหมาย คสช. มาแจ้งความดำเนินคดี กับ 8 แกนนำของพรรคเพื่อไทย กรณี แถลงข่าวโจมตีการทำงานของรัฐบาลและคสช.ในหัวข้อ 4 ปี ที่ล้มเหลวของรัฐบาลและคสช.นำไปสู่ความมืดมนและอันตราย ณ ที่ทำการพรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม ที่ผ่านมา

โดย นายชูศักดิ์ ศิรินิล กล่าวก่อน เข้าพบพนักงานสอบสวน ว่า วันนี้ ทั้ง 8 คน มารับทราบข้อกล่าวหา พร้อมทั้งอยากทราบว่ามีข้อเท็จจริงอะไรที่กล่าวหาว่า ว่าพวกเรากระทำความผิด และได้มีการตั้งข้อสังเกตในคดีนี้ เห็นว่ามีความเร่งรีบ รวบรัดเป็นพิเศษ โดยทหารมาแจ้งความ ช่วง 2 ทุ่ม ของวันที่ 17 พฤษภาคม มีการสอบปากคำกันทั้งคืน และท้ายที่สุดสามารถที่จะออกหมายเรียก แกนนำพรรคเพื่อไทยทั้ง 8 คนได้ ในวันต่อมา ก็แสดงให้เห็นว่าคดีนี้มีการสั่งการให้กระทำโดยเร็ว เร่งรีบ

ส่วนการตั้งข้อหา มองว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะมาตั้งข้อหาแบบนี้ เพราะการที่พวกเราแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ก็ดำเนินการมาหลายครั้งแล้ว เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ การแถลงข่าว ต่อสื่อมวลชนไม่ใช่เป็นการปลุกปั่น ประชาชน การตั้งข้อหาตาม ม.116 ต้องเป็นการกระทำนอกเหนือรัฐธรรมนูญ เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกฎหมายในบ้านเมือง โดยใช้กำลังให้ประชาชนลุกฮือ ก่อความไม่สงบเรียบร้อย แต่พวกตนเองแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ไม่ได้ปลุกปั่นให้ประชาชน ต่อต้านรัฐบาลแต่อย่างใด โดยสรุปแล้วไม่เข้าข้อกฎหมายใดๆ ทั้งสิ้น

พร้อมกันนี้ ได้ฝากถึงพนักงานสอบสวนว่า ไม่ใช่ใครมาแจ้งข้อหา ก็ดำเนินการตามที่แจ้ง ควรต้องสอบสวนทวนความว่าผิดจริงหรือไม่ เราคิดว่า การใช้มาตรา 116 แบบนี้ เป็นเครื่องมือที่จะสกัดยับยั้งผู้คนไม่ให้แสดงความคิดเห็น

ขณะที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย กล่าวว่า สิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น สะท้อนให้เห็นว่า มีความพยายามใช้กฎหมายอย่างไม่ยุติธรรม ไม่เสมอภาค เป็นประเด็นที่เราสงสัยและคลางแคลงใจว่า พรรคการเมืองได้ดำเนินการตามสิทธิพลเมือง ในฐานะที่เป็นผู้แทนของประชาชน วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล เป็นสิ่งที่ทำได้หรือไม่ สิ่งเกิดขึ้นในครั้งนี้ถือว่าเราไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องโดยตรง เราได้ทำในสิ่งที่ปฏิบัติกันมาตามปกติ

เมื่อได้เจรจากับตำรวจแล้วเห็นว่า เราได้ถามแล้วไม่มีคำตอบที่ชัดเจน พรรคไม่ได้แถลงใดๆทั้งสิ้น ก็เป็นเรื่องของสมาชิกพรรค 3 คนที่ดำเนินการ และใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญที่ให้ไว้ถือว่าสิ่งต่างๆเป็นเรื่องที่พลเมืองประเทศไทย ในการวิจารณ์การทำงานของรัฐบาล หน้าที่ในการดูแลผลประโยชน์ของประชาชน สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้คิดว่าเป็นการใช้กฎหมายที่กำจัดคนที่เห็นต่างอย่างไม่เป็นธรรม สิ่งนี้เป็นสิ่งสำคัญ

ขณะนี้ประเทศไทยมีเรื่องของความขัดแย้งในสังคมไทยที่รอการแก้ไข แต่ขณะนี้กระบวนการไม่ยุติธรรม สร้างปัญหาทำให้ความขัดแย้งยิ่งบานปลาย หาข้อยุติไม่ได้ ขอให้เป็นอุทาหรณ์ ว่า เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานทั้งหมดทั้งฝ่ายนโยบายและฝ่ายปฏิบัติ พึงจะทราบว่าการที่ท่านได้ใช้กฎหมายอย่างไม่ยุติธรรม ไม่เสมอภาค เป็นเครื่องมือทางการเมือง กับบุคคลที่ประชาชนล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ไม่ชอบธรรม ไม่ถูกต้อง และต้องรับผิดชอบ

ส่วนมีหลายฝ่ายมีความพยายาม จะโยงไปถึงเรื่องของการยุบพรรคเพื่อไทย นั้น นายภูมิธรรม ระบุว่า วันนี้ มานั่งดูทุกเรื่อง ก็ยังไม่เข้าข่าย การยุบพรรค เพราะมีสมาชิกเพียงแค่ 3 คน เท่านั้น สะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาลทำงานมา 4 ปี แล้ว มีปัญหาแล้วไม่ประสบความสำเร็จ แล้วจะกลายเป็นเรื่องล้มล้างก่อให้เกิดความวุ่นวาย แล้วยุบพรรคเพื่อไทยได้ ไม่คิดว่ารัฐบาลจะกล้าทำสิ่งนี้ เพราะทุกอย่างอยู่ในสายตาประชาชน

สำหรับบรรยากาศ ที่กองปราบปราม ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา มีแกนนำ นปช. และมวลชน จำนวนมาก เดินทางมารอให้กำลัง 8 แกนนำพรรคเพื่อไทย ขณะที่ การดูแลความเรียบร้อยบริเวณกองปราบปราม ตั้งแต่ทางเข้ามีกำลังตำรวจ ตรวจตรารถยนต์ที่จะเข้ามาในพื้นที่อย่างเข้มงวด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook