เด็กชายวัย 13 ปี ริเป็นโจร พบชีวิตสุดรันทด ติดเชื้อHIVจากพ่อแม่ โดนสังคมรังเกียจ

เด็กชายวัย 13 ปี ริเป็นโจร พบชีวิตสุดรันทด ติดเชื้อHIVจากพ่อแม่ โดนสังคมรังเกียจ

เด็กชายวัย 13 ปี ริเป็นโจร พบชีวิตสุดรันทด ติดเชื้อHIVจากพ่อแม่ โดนสังคมรังเกียจ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (19 มิ.ย.) เวลา 10.00 น. เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สภ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา ได้ทำการควบคุมตัวเด็กชายน้อยหน่า (นามสมมุติ) อายุ 13 ปี 8 เดือน เด็กชายวัยรุ่นร่างเล็กเท่ากับเด็กวัยประมาณ 9-10 ขวบ จากโรงเรียนแห่งหนึ่งย่านคลอง 18 ต.หมอนทอง อ.บางน้ำเปรี้ยว

หลังเด็กชายรายนี้ได้พยายามที่จะเข้าไปก่อเหตุลักทรัพย์ภายในบ้านพักของเจ้าหน้าที่นักการภารโรงในโรงเรียน ก่อนที่ทางโรงเรียนจะล้อมจับและโทรศัพท์แจ้งให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมาทำการควบคุมตัวมายังโรงพัก

หลังเจ้าหน้าที่ ซึ่งนำโดย พ.ต.อ.ธนวัฒน์ พูลสวัสดิ์ ผกก. สภ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา และ ร.ต.อ.ไกรนาถ แสงมณี รองสารวัตรสอบสวนเวร พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงประจำ สภ.บางน้ำเปรี้ยว ได้ทำการพูดคุยสอบถามข้อมูลจากเด็กชายน้อยหน่า จนทราบว่าเป็นเด็กที่ได้รับเชื้อโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง (HIV) มาแต่กำเนิดจากผู้เป็นบิดา-มารดา

โดยฝ่ายของบิดาได้เสียชีวิตไปแล้ว ยังคงเหลือแต่เพียงผู้เป็นมารดาที่ได้รับเชื้อ HIV อยู่ในร่างกายด้วย และยังมีสติที่ไม่ค่อยสมประกอบนัก แต่ยังสามารถพูดคุยรู้เรื่องประกอบอาชีพรับจ้าง และต้องออกไปทำงานตั้งแต่เช้าและจะเลิกงานในเวลา 17.00 น. จึงไม่มีเวลาคอยดูแลเอาใจใส่ โดยเด็กชายน้อยหน่าไม่ได้เข้าเรียนหนังสือตามปกติเหมือนเด็กทั่วไปอีกด้วย

ที่ผ่านมาเด็กชายน้อยหน่า ได้เคยถูกญาติส่งตัวไปทำการรักษาอาการยังที่วัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี มาเป็นเวลา 3 ปีเต็มและไม่เคยมีใครเข้าไปเยี่ยมเยือนดูแลเลย จึงได้หลบหนีออกมาอาศัยอยู่ย่านสนามบินสุวรรณภูมิ

ก่อนที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ จะให้รถแท็กซี่ขับนำพามาส่งยังที่บ้านตามภูมิลำเนาในบัตรประชาชน และได้มาก่อเหตุลักเล็กขโมยน้อยดังกล่าวในพื้นที่

ปัจจุบันเด็กชายน้อยหน่ายังคงได้รับยาต้านไวรัสอยู่อย่างต่อเนื่อง ตามร่างกายจึงไม่ปรากฏอาการให้เห็นอย่างเด่นชัด แต่ยังคงมีริ้วรอยแผลเป็นอยู่ตามลำตัวทั้งแขนและขา จึงถูกสังคมคนในหมู่บ้านรังเกียจไม่ยอมรับ

และพยายามผลักดันให้ออกไปจากพื้นที่ชุมชน จนกลายเป็นเด็กจรจัดมีปัญหาปั่นจักรยานตระเวนไปตามสถานที่ต่างๆ จนถูกชาวบ้านแจ้งให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปทำการควบคุมตัวมายังโรงพักอยู่บ่อยครั้ง

ทั้งนี้ เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจนำไปส่งถึงยังที่บ้านพัก กลับไม่พบว่ามีผู้ปกครองหรือผู้ที่คอยดูแลอยู่แต่อย่างใด เนื่องจากผู้เป็นมารดาต้องออกไปทำงานหาเลี้ยงชีพ และจะกลับเข้าบ้านในช่วงเย็นหรือพลบค่ำ

จึงอยากให้หน่วยงานภาครัฐที่มีหน้าที่รับผิดชอบต่อปัญหาดังกล่าว เข้ามาหาทางช่วยเหลือดูแล หรือนำเด็กชายน้อยหน่าไปทำการดูแลเยียวยาอย่างถูกวิธีในสถานที่เหมาะสมต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook