สรุป แถลงข่าวส่ง "ทีมหมูป่า" กลับบ้าน ยันร่างกาย-ใจพร้อม ยึดความฝันนักบอลอาชีพ

สรุป แถลงข่าวส่ง "ทีมหมูป่า" กลับบ้าน ยันร่างกาย-ใจพร้อม ยึดความฝันนักบอลอาชีพ

สรุป แถลงข่าวส่ง "ทีมหมูป่า" กลับบ้าน ยันร่างกาย-ใจพร้อม ยึดความฝันนักบอลอาชีพ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นักฟุตบอลทีมเยาวชน และโค้ช ทีมหมูป่าอะคาเดมี่ ได้ร่วมงานแถลงข่าว "ส่งหมูป่ากลับบ้าน" ซึ่งจัดขึ้นในห้องประชุมคชสาร ที่ทำการองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เมื่อช่วงค่ำวันนี้ (18 ก.ค.) โดยสมาชิกทีมหมูป่าได้ปรากฏตัว ด้วยการเตะฟุตบอลโชว์สื่อมวลชน ในชุดทีม เพื่อแสดงความพร้อมของร่างกายก่อนกลับบ้าน

สภาพร่างกายพร้อมกลับบ้าน

พ.ท.นพ.ภาคย์ โลหารชุน ผู้บังคับกองพันเสนารักษ์ที่ 3 กล่าวว่า สภาพร่างกายของน้องๆ ทีมหมูป่าพร้อมตั้งแต่ก่อนออกจากถ้ำหลวง อ.แม่สาย จ.เชียงราย แล้ว เนื่องจากหลังจากได้รับประทานอาหาร 3-4 มื้อ สภาพร่างกายเริ่มกลับมาเป็นปกติ โดยดูได้จากการพูดคุยกันในกลุ่มที่เพิ่มมากขึ้น หลายคนบอกว่า อยากหาอาหารอร่อยๆ ทานนอกถ้ำ

พญ.พัชนีวรรณ อินต๊ะ จิตแพทย์ หัวหน้ากลุ่มงานจิตเวช ยืนยันว่า สมาชิกทีมหมูป่ามีความพร้อมทั้งสภาพจิตใจและร่างกาย ออกไปใช้ชีวิตตามปกติได้

คุณอัปษรศรี ธนไพศาล นักจิตวิทยาคลินิกชำนาญการพิเศษ รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ บอกว่า ไม่พบว่ามีอาการทางจิตใจที่ไม่ดีเลย แต่กลายเป็นว่า ทีมแพทย์ได้รับปัจจัยบวกจากทีมหมูป่ากลับมาด้วยซ้ำ ทั้งยังพบว่าน้องๆ ทีมหมูป่า มีวิธีที่จะรับมือกับสิ่งที่จะเจอหลังจากนี้พอสมควรแล้ว

น้องอดุลย์คุยโต้ตอบกับนักดำน้ำชาวอังกฤษ

ด.ช. อดุลย์ สามออน (น้องดุลย์) หนึ่งในสมาชิกทีมหมูป่าอะคาเดมี่ เล่าประสบการณ์ก่อนและหลังจากพบกับนักดำน้ำชาวอังกฤษ ว่า ทุกคนกำลังนั่งขุดผนังถ้ำเพื่อหาทางออก แต่หลังจากนั้นโค้ชเอกได้ยินเสียงคนคุยกัน จึงบอกให้ทุกคนเงียบ จากนั้นตัวเองได้เดินเข้าไปใกล้ๆ และได้ยินเสียงคนพูดว่า "Hello (สวัสดี)" จึงทักทายกลับ รู้สึกดีใจมาก แต่ก็คิดนานมากเช่นกัน เพราะเหนื่อยล้า

น้องดุลย์ เล่าต่อไปว่า หลังจากนั้น นักดำน้ำชาวอังกฤษได้ถามกลับมาว่า "How are you? (สบายดีไหม)" และได้ตอบไปว่า "Yes, I am okay. (ผมสบายดี)" ทั้งยังถามนักดำน้ำอีกว่า "Can I help you? (ให้ผมช่วยไหม)" อีกด้วย  แต่นักดำน้ำบอกว่าไม่เป็นไร และให้ตัวเองขึ้นไปอยู่ยังที่สูง

สมาชิกทีมหมูป่ารายนี้บอกอีกว่า ได้ยินนักดำน้ำถามว่า "How many of you? (มีกี่คน)" จึงตอบไปว่า "We have thirteen. (เรามี 13 คน)"

ส่วนโค้ชเอกเล่าตัวเองไม่ค่อยรู้ภาษาอังกฤษ จึงเร่งให้น้องดุลย์แปล

นายพรชัย คำหลวง (น้องตี๋) กล่าวว่า ทุกคนดีใจมากที่ได้ยินเสียงนักดำน้ำ เป็นความหวังครั้งแรกในรอบ 10 วันที่ติดอยู่ในถ้ำ

ทีมหมูป่าเชียร์ฟุตบอลโลกในโรงพยาบาล

โค้ชเอก ให้สัมภาษณ์ว่า ทุกคนได้ชมการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบชิงชนะเลิศในโรงพยาบาล ส่วนตัวเชียร์ทีมชาติฝรั่งเศส และคนที่ออกเสียงเชียร์ดังที่สุดคือ ด.ช.มงคล บุญเปี่ยม (มาร์ค) ซึ่งน้องมาร์ค ก็เชียร์ทีมฝรั่งเศสเช่นกัน เนื่องจากมีนักฟุตบอลที่ชอบอยู่ในทีมนี้ คือ อองตวน กรีซมันน์

นอกจากนี้ โค้ชเอกเล่าว่า คืนนั้นที่โรงพยาบาลอนุญาตให้เชียร์ได้อย่างเต็มที่ ซึ่งทีมแพทย์เองก็เชียร์ไปพร้อมๆ กัน โดยแพทย์ผู้ชายเชียร์ทีมฝรั่งเศส ขณะที่แพทย์ผู้หญิงเชียร์ทีมชาติโครเอเชีย 

สาเหตุเข้าไปเที่ยวถ้ำหลวง

โค้ชเอก เผยว่า หลังจากซ้อมฟุตบอลเสร็จ ได้พากันไปเที่ยวถ้ำหลวง เนื่องจากบางคนยังไม่เคยเข้าไป แต่ตัวเองเคยเข้าไปแล้ว ซึ่งพบว่า ครั้งนี้มีน้ำท่วมที่สามแยกเหมือนครั้งก่อน จึงไม่ได้ผิดสังเกต ทั้งยังถามความสมัครใจของน้องๆ และเตือนว่าเข้าไปได้แค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้น 

อย่างไรก็ตาม โค้ชเอกปฏิเสธว่า ไม่ได้เข้าไปถ้ำหลวงเพื่อฉลองวันเกิด นายพีรพัฒน์ สมเพียงใจ (น้องไนท์) เนื่องจากที่ครอบครัวน้องไนท์เตรียมฉลองให้ที่บ้านอยู่แล้ว 

โค้ชเอกยืนยันทีมหมูป่าว่ายน้ำเป็น

โค้ชเอก ยืนยันว่า ทีมหมูป่าทุกคนว่ายน้ำได้ เนื่องจากทุกเสาร์อาทิตย์ได้พาน้องๆ ในทีมไปฝึกว่ายน้ำ แต่ยอมรับว่า บางคนอาจจะว่ายน้ำไม่แข็งนัก

เผยวิธีเอาตัวรอดขณะติดถ้ำ

โค้ชเอกเล่าอีกว่า ขณะอยู่ที่เมืองลับแล ซึ่งเป็นส่วนที่อยู่ถัดจากเนินนมสาว ได้ลองว่ายน้ำเข้าไปสำรวจ พบว่า น้ำลึกไปต่อไม่ได้ ทุกคนจึงตกลงกลับออกจากถ้ำ แต่ระหว่างทางพบว่ามีน้ำท่วมบริเวณ 3 แยก ทำให้ออกมาไม่ได้ จึงกลับเข้าไปในถ้ำและรอคอยให้น้ำลด

อย่างไรก็ตาม เมื่อน้ำยังคงเพิ่มสูงขึ้น ทุกคนจึงตัดสินใจถอยเข้าไปห่างจากสามแยกประมาณ 200 เมตร เพื่อค้างคืนในถ้ำ โดยอาศัยน้ำที่หยดลงมาจากหินเพื่อประทังชีวิต แต่โค้ชเอกมองว่า วันรุ่งขึ้นน้ำน่าจะลด ขณะที่ทุกคนก็ยังมีความหวังว่าจะออกไปได้

น้องตี๋ เล่าว่า ตัวเองพาสมาชิกคนอื่นหาทางออก และคอยดูเวลา รวมถึงหาแหล่งน้ำจากหินย้อยดื่ม แต่ยอมรับว่า เมื่อเวลาผ่านไป 2 วันแล้วน้ำยังไม่ลด จึงรู้สึกกลัวขึ้นมาว่าอาจจะออกไปไม่ได้ เหตุนี้ทำให้โค้ชเอกบอกให้ทุกคนอยู่นิ่งๆ เพื่อให้ใช้กำลังน้อยที่สุด ทั้งยังให้ใช้ไฟฉายทีละกระบอก โดยใช้ไฟฉายที่มีความสว่างน้อยก่อน

ร่างกายอ่อนแรง-หิว

น้องตี๋ พูดต่อไปว่า หลังจากติดถ้ำได้หลายวัน ทุกคนเริ่มหิวและอ่อนแรง จากนั้น ด.ช.ชนินทร์ วิบูลย์รุ่งเรือง (ไตตั้น) อายุ 11 ปี ที่อายุน้อยที่สุดในกลุ่ม ยอมรับว่า หน้ามืดบางครั้ง และหิว จึงพยายามไม่คิดถึงอาหาร ส่วนอาหารที่ตัวเองอยากทานคือ ข้าวผัด น้ำพริกอ่อง

ด.ช.ประจักษ์ สุธรรม (โน้ต) เผยว่า ได้แต่กินน้ำให้อิ่มท้อง ส่วนเวลาว่างก็ไปขุดผนังถ้ำเพื่อหาทางออก ด้วยก้อนหิน และขุดได้ถึง 3-4 เมตร 

ขึ้นเนินนมสาวหนีน้ำที่เพิ่มระดับเรื่อยๆ

โค้ชเอก เล่าวิธีการหาทางออกว่า น้องๆ ในทีมที่เคยมาเข้าค่ายที่ถ้ำหลวง บอกตัวเองว่า มีทางออกอยู่ที่ปลายถ้ำ แต่ขณะที่กำลังตัดสินใจไปที่ปลายถ้ำ ตัวเองได้ยินเสียงน้ำไหล จึงบอกให้ทุกคนเงียบ และส่องไฟฉายไปในทิศที่ได้ยินเสียงน้ำ พบว่า มีน้ำไหลเข้ามา และน้ำที่ท่วมอยู่ก็เพิ่มระดับสูงขึ้น จึงบอกให้ทุกคนขึ้นที่สูงไปอยู่ที่เนินนมสาว และรอคอยความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่

หมอภาคย์เผยวิธีพาทีมหมูป่าออกจากถ้ำหลวง

พ.ท.นพ.ภาคย์ โลหารชุน ผู้บังคับกองพันเสนารักษ์ที่ 3 เผยว่า ตอนแรกตัวเองก็คิดไม่คิดว่า จะพาทีมหมูป่าออกมาตามทางปกติ ที่มีน้ำท่วมสูงได้ แถมทีมช่วยเหลือชาวต่างชาติ ก็บอกว่ามี 2 ทางเลือก คือ ให้รอไปจนกว่าน้ำจะลด หรือใช้หน้ากากดำน้ำ (Full Face Mask) สวมศีรษะทีมหมูป่า และดำน้ำออกมา แต่ต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจจากคนข้างนอกถ้ำ แต่ส่วนตัวคิดว่าดำน้ำไม่น่าจะไหว

ความผูกพันของหน่วยซีลและทีมหมูป่า

พี่ใบเตย เล่าว่า หลังจากพบตัวทีมหมูป่าแล้ว ก็เริ่มทดสอบกำลังใจของทุกคนเป็นอันดับแรก โดยถามว่า "หมูป่า สู้ไหม" ซึ่งตอนแรกๆ ก็ยังเสียงเบา แต่ได้ถามย้ำ ทุกคนจึงตอบดังขึ้น 

ด.ช.สมพงษ์ ใจวงค์ (พง) เล่าประสบการณ์ขำๆ ให้ฟังว่า พี่ใบเตย หนึ่งในสมาชิกหน่วยซีล มักจะใส่แต่กางเกงใน และนำฟอยล์มาห่อตัวขณะอยู่ในถ้ำ เนื่องจากชุดเปียก และไม่ได้เตรียมกางเกงเข้าไปเปลี่ยน ส่วนตัวรู้สึกว่าโป๊ แต่ก็ตลก

สมาชิกหน่วยซีลคนนี้ บอกว่า สาเหตุที่ต้องถอดเสื้อผ้าออก เนื่องจากด้านในได้ยัดเจลให้พลังงาน แผ่นฟอยล์ ยารักษาโรค ไฟฉาย และถ่ายไฟฉาย ส่วนแผ่นฟอยล์ที่นำเข้าไปให้น้องๆ ชุดแรกไม่เพียงพอ เพราะต้องนำไปปูพื้นสำหรับนอน ตัวเองจึงนำแผ่นฟอยล์ให้ทีมหมูป่าก่อน และนำเศษที่เหลือมาทำเป็นชุดเกาะอกและกระโปรง

หมอภาคย์ กล่าวเสริมว่า "ผมรับประกันเลย เซ็กซี่ที่สุดแล้ว"

ด.ช.เอกรัตน์ วงศ์สุขจันทร์ (บิว) เล่าว่า ระหว่างอยู่ในถ้ำทีมหมูป่าและหน่วยซีลได้เล่นหมากฮอร์ส โดยมีพี่ใบเตยเป็นแชมป์ถ้ำ หรือ King of Cave จึงพยายามจดจำแผนการเล่นของพี่ใบเตย

โค้ชเอก บอกว่า รู้สึกผูกพันกับหน่วยซีล คล้ายกับเป็นครอบครัวเดียวกัน เพราะกินนอนด้วยกันในถ้ำ

ส่วนน้องมาร์ก เสริมว่า รู้สึกกับพี่ใบเตยและหน่วยซีลเหมือนเป็นพ่อ ขณะที่พี่ใบเตยเองก็เรียกตัวเองว่าลูก

นอกจากนี้ น้องพง ให้สัมภาษณ์ว่า รู้สึกดีใจ เพราะพี่ๆ ทุกคนหากิจกรรมให้ทำ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่สนุกด้วย

หมอภาคย์ บอกว่า ทุกคนสนิทสนมกัน ระยะเวลา 9 วันเป็นช่วงที่ต้องแบ่งปันซึ่งกันและกัน และหาวิธีดูแลทุกคนอยู่อย่างปลอดภัย ส่วนตัวก็มีลูกชาย จึงมองเด็กๆ อายุรุ่นราวคราวเดียวกันว่าเป็นลูกชายด้วย แถมรู้สึกเอ็นดู เหมือนคนในครอบครัว

เขียนคำอาลัยถึงจ่าแซม

โค้ชเอก กล่าวว่า ทุกคนช็อกว่า มัน(เกิดขึ้น)จริงเหรอ และเสียใจมาก รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นต้นเหตุให้นาวาตรี สมาน กุนัน หรือจ่าแซม และครอบครัว ต้องเดือดร้อน ตอนที่แพทย์ รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ บอกว่า "มีรูปของจ่าแซมจะทำยังไง" ทุกคนในทีมจึงบอกว่า อยากเขียนข้อความส่งถึงครอบครัวจ่าแซม เพราะคิดว่าถ้ามีโอกาสก็จะส่งไปให้ครอบครัวของจ่าแซม

หลังจากนั้นน้องไตตั้น ก็ได้เป็นตัวแทนของทีมหมูป่า ออกมาอ่านข้อความที่ทั้ง 13 คนเขียนลงบนภาพวาดของ จ่าแซม โดยระบุว่า

"ขอแสดงความเสียใจ ขอให้ท่านสู่สุขคติ ขอขอบพระคุณท่านที่ได้เสียสละ ทั้งกายและใจ ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวคุณจ่าอย่างสุดใจ ขอให้คุณจ่าหลับให้สบาย ขอขอบพระคุณจากใจจริง"

ตั้งใจเป็นคนดี-ยึดความฝันนักฟุตบอลอาชีพ

น้องตี๋ กล่าวว่า หลังจากนี้ตัวเองจะเป็นคนดีของสังคม ด้านน้องดุลย์มองว่า ความประมาทมักจะเกิดขึ้นอย่างไม่ได้คาดคิด แต่ประสบการณ์ครั้งนี้ทำให้ทุกคนรู้ว่า หากไม่คิดก่อนทำจะส่งผลตามมา ทั้งดีและไม่ดี กับตัวเอง หลังจากกลับบ้าน จะใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาท และใช้ชีวิตให้คุ้มค่าที่สุด

ส่วนสมาชิกทีมหมูป่าคนอื่นๆ ก็ยืนยันว่าความฝันของตัวเอง ที่จะยังเป็นนักฟุตบอลอาชีพจะไม่เปลี่ยนไป ขณะที่หลายคนบอกว่า นอกจากจะเป็นนักฟุตบอลอาชีพหรือนักฟุตบอลทีมชาติให้ได้แล้ว ยังอยากจะเรียกจบให้สูงๆ และเป็นหน่วยซีลด้วย

นายสุทธิชัย ผู้ดำเนินรายการถามว่า ถ้ามีคนชวนกลับไปถ้ำ จะกลับไหม โค้ชเอกตอบด้วยอารมณ์ขันว่า ส่วนตัวแล้วถ้ามีคนชวนคงไม่ไป แต่ถ้าหากมีหน่วยงานไหนขอร้องให้เป็นมัคคุเทศก์ ก็ทำได้ แต่จะอยู่แค่ปากทางเข้าถ้ำเท่านั้น

ผู้ว่าฯ เผยแผนฟื้นฟูทีมหมูป่าขั้นต่อไป

นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย กล่าวว่า หลังจากนี้จะมีทีมสหวิชาชีพดูแลน้องๆ ทีมหมูป่า ไม่ว่าจะเป็นทีมจากกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พ.ม.) ที่จะประกบดูแลน้องๆ ที่บ้านเป็นระยะ หรือเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น  ตำรวจ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และหน่วยงานอื่นๆ โดยมีนายอำเภอเป็นผู้นำ และจะเป็นผู้รายงานสู่ระดับจังหวัด จนกว่าทุกคนจะคืนสู่สภาพปกติ

หมอภาคย์เล่าวิธีพา 13 ชีวิตออกจากถ้ำ

พ.ท.นพ.ภาคย์ เล่าว่า ตามแผนการเดิม ทีมกู้ภัยจะพาออกมาในวันแรกถึง 6 คน ซึ่งในนั้นคือน้องมาร์ค แต่อุปกรณ์มีจำกัด และไม่มีหน้ากากขนาดเล็ก จึงทำให้ออกมาได้แค่ 4 คน ส่วนวันที่ 2 ดร.แฮร์ริสบอกว่า ยังไม่มีหน้ากากขนาดเล็ก ทำให้น้องมาร์คต้องรอไปอีก 1 วัน จนได้ออกมาในวันสุดท้าย แต่คืนก่อนวันสุดท้ายได้ละเมอว่า "อยากกินโจ๊ก"

โค้ชเอกเลือกคนบ้านไกลออกถ้ำก่อน

โค้ชเอก เผยว่า ได้ปรึกษากับหน่วยซีลถึงลำดับการนำตัวออกจากถ้ำหลวง ซึ่งหน่วยซีลและน้องๆ ในทีม ให้โค้ชเอกเป็นผู้เลือกได้ตามความเหมาะสม ทำให้ตัวเองตัดสินใจให้น้องๆ ที่อยู่บ้านเวียงหอม หรือบ้านไกลที่สุด ออกจากถ้ำก่อน เพื่อให้น้องๆ กลุ่มนี้ปั่นจักรยานกลับบ้าน และกลับไปบอกให้ที่บ้านเตรียมอาหารรอทุกคน โดยที่ไม่ทราบเลยว่าต้องไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลก่อน

อย่างไรก็ตาม โค้ชเอกปฏิเสธข่าวที่มีการรายงานก่อนหน้านี้ว่า ไม่ได้เลือกลำดับคนที่ออกจากถ้ำ ตามความแข็งแรงหรืออ่อนแอเลย แต่เป็นความสมัครใจของน้องๆ 

ด้าน ด.ช.ดวงเพชร พรหมเทพ (ดอม) เผยว่า ตัวเองออกมาเป็นชุดที่ 2 ส่วน ด.ช.เอกรัตน์ วงศ์สุขจันทร์ (บิว) ก็บอกว่า ออกมาเป็นชุดที่ 2 เช่นกัน ส่วน ด.ช.ณัฐวุฒิ ทาคำทรง (เติ้ล) บอกว่าตัวเองบ้านไกลที่สุด จึงได้ออกมาเป็นชุดแรก

ส่วนสมาชิกหน่วยซีล ยืนยันว่า เลือกเด็กๆ ออกก่อนหลังตามความสมัครใจ

หมอภาคย์ เสริมว่า ตัวเองได้ปรึกษา ดร.แฮร์ริส นักดำน้ำชาวออสเตรเลีย ว่า ทุกคนมีสุขภาพในระดับเดียวกัน แข็งแรงดี ไม่มีโรค ไม่มีภาวะแทรกซ้อน  ซึ่ง ดร.แฮร์ริส ยืนยันว่า ใครออกก่อนก็ได้ ไม่ว่าจะตัวเล็กหรือตัวใหญ่ จึงให้โค้ชเอกเป็นผู้ตัดสินใจ

น้องๆ ขอโทษพ่อแม่เพราะไม่ได้บอกว่าไปเที่ยวถ้ำ

น้องไตตั้น กล่าวขอโทษพ่อแม่ที่ไม่ได้บอกเพียงว่า ไปซ้อมฟุตบอล แต่ไม่ได้บอกว่าจะไปเที่ยวถ้ำหลวง ตอนที่รู้ตัวว่าติดอยู่ในถ้ำ ก็คิดว่า ถ้าออกไปได้ โดนพ่อ "ถล่ม" แน่นอน 

ส่วนสมาชิกทีมหมูป่าอะคาเดมี่คนอื่นๆ ขอโทษพ่อแม่เช่นกัน 

หลังจากนั้นโค้ชเอก เล่าให้ฟังว่าตอนที่ติดอยู่ในถ้ำ ทุกคนคิดเหมือนกันว่า พ่อแม่ต้องตำหนิแน่ๆ และมีน้องคนหนึ่งเล่าว่า แค่เข้าบ้านดึกก็โดนพ่อดุแล้ว ถ้าหากออกไปได้หลังจากติดถ้ำหลายวัน อาจจะได้นอนหน้าบ้าน

บวชอุทิศให้จ่าแซม

โค้ชเอกเผยว่า ผู้ปกครองของน้องๆ หลายคน อาจจะให้บุตรของตัวเองบวช เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้จ่าแซม ซึ่งน้องๆ ในทีม บอกว่า บวชนานกี่วันก็ได้เท่าที่โค้ชเอกบวช และจะบวชหมู่พร้อมกันทีเดียว

>>  "11 หมูป่า" เตรียมบวช 24 ก.ค. คาดนาน 10 วัน โค้ชเอก 1 พรรษา

จิตแพทย์แนะใช้ชีวิตตามเดิม งดมอบสิทธิพิเศษ

พญ.พัชนีวรรณ จิตแพทย์จากโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ มองว่า อยากเห็นน้องๆ ทุกคนกลับไปใช้ชีวิตตามเดิมให้เร็วที่สุด ทั้งอยู่ที่บ้าน หรือที่โรงเรียน ส่วนคนภายนอกไม่ควรมอบสิทธิพิเศษใดๆ จนทำให้น้องๆ รู้สึกลำบากใจ และควรให้พื้นที่ส่วนตัวกับทุกคนได้ใช้เวลากับครอบครัว ได้ทำกิจกรรมกับที่โรงเรียน หรือได้ทำกิจกรรมที่รักตามเดิม 

นอกจากนี้ พญ.พัชนีวรรณ ก็ย้ำว่า ไม่ควรถามคำถามที่ทำให้รู้สึกลำบากใจ อย่างเช่นการรื้อฟื้นเหตุการณ์เดิม ควรให้น้องๆ ได้เตรียมตัวหรือได้ปฏิเสธ

ด้านคุณอัปษรศรี บอกว่า น้องๆ ทีมหมูป่า เป็นเด็กดี ตั้งใจเรียนและเล่นกีฬา ทุกคนมีเป้าหมายในชีวิตตั้งแต่ยังอายุน้อย ส่วนคุณหมออีกคนหนึ่งที่ดูแลน้องๆ อย่างใกล้ชิด บอกกับตัวเองว่า "คุ้มค่าที่เราช่วยเหลือเขา คุ้มค่ากับสิ่งที่ได้ลงทุนไป" 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook