แม่ค้าพัฒน์พงษ์ร้องสภาทนาย

แม่ค้าพัฒน์พงษ์ร้องสภาทนาย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 11 พ.ค. ที่สภาทนายความ นายสุภาพ ชัยแสง และนายพิษฏ์ คูเจริญพาณิช แกนนำกลุ่มผู้ค้าสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์และเครื่องหมายการค้าย่านพัฒน์พงษ์ ถนนพัฒน์พงษ์ นำพ่อค้าแม่ค้าจำนวน 200 คน เข้ายื่นหนังสือร้องทุกข์ กับนายเดชอุดม ไกรฤทธิ์ นายกสภาทนายความ กรณีเจ้าหน้าที่กรมทรัพย์สินทางปัญญา เข้าจับกุมเกินกว่าเหตุ มีการยิงปืนและใช้อำนาจเข้าจับกุมโดยผิดกฎหมาย และเข้าลักทรัพย์สินของกลุ่มผู้ค้า โดยหลังจากกลุ่มผู้ค้าเข้ายื่นหนังสือร้องทุกข์แล้ว ได้เข้าร่วมพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ของสภาทนายความ

นางอุไร จำปาทอง อายุ 28 ปี กล่าวว่า ตนขายเสื้อผ้าย่านพัฒน์พงษ์มากว่า 10 ปีแล้ว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้นเจ้าหน้าที่กระทำเหมือนโจรที่มาปล้นเอาทรัพย์สินไปทุกอย่าง สิ่งที่ไม่ควรเอาไปก็เอาไป ตนไม่สามารถปกป้องทรัพย์สินของตัวเองได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าหน้าที่เอาสมุดบัญชีพร้อมเงินสด 30,000 บาทไปหมด ยอมรับว่าสิ่งของที่เอาไปที่ถูกก็มีที่ผิดก็มี แต่เจ้าหน้าที่กลับเหมาเอาไปหมด แบบนี้จะเรียกว่าเจ้าหน้าที่หรือไม่ อยากจะร้องเรียนกับสภาทนายความ เพื่อหาคนผิดมาลงโทษเพราะไม่รู้ว่าจะไปพึ่งใคร

ด้านนายเดชอุดม ไกรฤทธิ์ นายกสภาทนายความ กล่าวว่า ในส่วนของสภาทนายความ จะดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริง เบื้องตนได้สอบไปบางส่วนแล้ว ถือว่าเจ้าหน้าที่ใช้อำนาจไม่ถูกต้อง และลุแก่อำนาจ และจะต้องดำเนินการเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ที่ละเมิดการปกครอง ที่เป็นคดีทางแพ่ง กลุ่มผู้ค้าสามารถฟ้องไปยังกระทรวงพาณิชย์ได้ แต่ถ้าได้รับการปฏิเสธก็สามารถไปฟ้องศาลปกครองได้ อีกทั้งคดีอาญาเกี่ยวกับเรื่องการลักทรัพย์สามารถฟ้องศาลอาญา รวมทั้งเรื่องที่มีการใช้อาวุธปืนยิงจะต้องสอบสวนว่ามีใครพกพาอาวุธปืนไปโดยผิดกฎหมายหรือไม่ ในระหว่างที่เข้าดำเนินการจับกุมต้องแสดงบัตรเจ้าหน้าที่ทุกครั้งในการตรวจค้น การละเมิดลิขสิทธิ์

แต่จากการสอบสวนพบว่าไม่ได้แจ้งข้อหา ใช้บุคคลที่สวมใส่เสื้อดำ และไม่ได้แสดงบัตร โดยเจ้าหน้าที่ที่เข้าจับกุมต้องเป็นเจ้าหน้าที่ได้รับการแต่งตั้งจากรมว.พาณิชย์ และต้องมีเจ้าหน้าที่กรมทรัพย์สินทางปัญญา และเจ้าหน้าที่ตำรวจไปร่วมตรวจสอบ หากสอบไปแล้วมีการเอาคนอื่นไปร่วมกระทำ ถือว่าไม่มีอำนาจทางกฎหมาย อย่างไรก็ตามการมาเอาของไปทั้งแผง และการยึดแล้วไปไหน จะต้องดำเนินคดี โดยอาจจะมีการเชิญผู้เกี่ยวข้องจากกระทรวงพานิชย์มาสอบสวนข้อเท็จจริง สภาทนายความอยากเห็นความปรองดองและความเข้าใจในการบังคับใช้กฎหมายอย่างที่เป็นแบบสังคมที่เจริญแล้ว และการละเมิดสิทธิ ของประชาชนไม่ว่าหน่วยงานรัฐหรือกลุ่มพลังใดๆ ที่ทำสิ่งที่เกินเลยกฎหมายกำหนด จะต้องมีมาตรการดำเนินการให้ถึงที่สุดอย่างต่อเนื่อง นายกสภาทนายความ กล่าว

ต่อมานายเจษฎา อนุจารี อุปนายกฝ่ายปฏิบัติการ ได้อ่านแถลงการณ์ของสภาทนายความ เรื่องการบังคับใช้กฎหมายให้ชอบด้วยหลักนิติธรรม ตามข้อเท็จจริงและสถานการณ์ที่เกิดขึ้น มีใจความว่า สภาทนายความไม่เห็นด้วยกับการละเมิดลิขสิทธิ์ แต่การบังคับใช้กฎหมายต้องเป็นไปตามขั้นตอนไม่ใช่ลุแก่อำนาจอย่างที่ปฏิบัติอยู่ แต่สภาทนายความเห็นว่า การบังคับใช้กฎหมายเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ ในโสตทัศนูปกรณ์และลิขสิทธิ์ในรูปงานสร้างสรรค์ต่างๆ ที่มีการจำหน่ายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์บริเวณถนนพัฒน์พงษ์ โดยกลุ่มคณะทำงานของกระทรวงพาณิชย์นั้น เป็นความผิดส่วนตัวไม่ใช่คดีอาญาร้ายแรง ถึงแม้จะมีโทษจำคุกและค่าปรับทางอาญาค่อนข้างสูง แต่ก็เป็นเรื่องที่สามารถตกลงยอมความและเลิกคดีกันได้ โดยกระบวนการใช้กฎหมาย แต่การใช้กลุ่มพลังที่ไม่เกี่ยวข้องกับพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ถูกต้องตามกฎหมายลิขสิทธิ์ และดำเนินงานโดยใช้ความรุนแรงบังคับใช้กฎหมายลิขสิทธิ์ ต้องมีการดำเนินการตามกฎหมายตามขั้นตอนของหลักนิติธรรมที่ถูกต้อง ทางออกที่ดี คือสร้างภาพบังคับกฎหมายภาษีสรรพสามิตของสินค้าลิขสิทธิ์ จะทำให้ควบคุมการจำหน่ายได้ดี และมีประสิทธิภาพ จะไม่มีการละเมิดกฎหมายลิขสิทธิ์ อย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

วันเดียวกัน ที่สน.บางรัก พ.ต.อ.เอกชัย บุญวิสุทธิ์ ผกก.สน.บางรัก กล่าวว่า หลังจากพล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง โดยมีพล.ต.ต.พงษ์สันต์ เจียมอ่อน รองผบช.น. เป็นประธานกรรมการ เรื่องนี้ตนไม่หนักใจ หรือมีความวิตกกังวลอะไร ในการปฏิบัติหน้าที่ยังคงทำงานเหมือนเดิม เพราะสามารถชี้แจงรายละเอียดทุกเรื่องต่อคณะกรรมการได้ ถือเป็นเรื่องที่ดีที่มีโอกาสชี้แจงข้อเท็จจริง และยอมรับเห็นใจทั้ง 2 ฝ่าย โดยจะให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย ให้ว่าไปตามพยานหลักฐานที่ปรากฏ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook