ฆ่าปาดคอเศรษฐีอสังหาฯทองหล่อพันล้าน

ฆ่าปาดคอเศรษฐีอสังหาฯทองหล่อพันล้าน

ฆ่าปาดคอเศรษฐีอสังหาฯทองหล่อพันล้าน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

พ่อค้าขายไม้หอมทวงเงิน 2 ล้านไม่ได้ ฆ่าปาดคอเศรษฐีเจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์หลายแห่งย่านทองหล่อดับ เจ้าหน้าที่จัดซื้อ-เสมียนบาดเจ็บ เสร็จกิจขอเข้าห้องน้ำ แม่บ้านเห็นมีพิรุธร้องให้ รปภ.จับ ตำรวจสามารถตามจับได้ขณะหนีเข้าไปซอยสุขุมวิท 13 รับสารภาพทำไปเพราะความโกรธเพียงคนเดียว แต่ตำรวจไม่เชื่อเพราะวงเงินว่าจ้างสูง

เมื่อเวลา 10.50 น. วันที่ 12 พฤษภาคม ร.ต.อ.นพพร ปราชญ์กระโทก พนักงานสอบสวน(สบ 1) สน.ลุมพินี รับแจ้งเหตุฆาตกรรมภายในห้อง 19/69 ชั้น 9 อาคารสุขุมวิทสวีท ซอยสุขุมวิท 13 แขวงคลองเตย เขตวัฒนา กทม. จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อม พ.ต.อ.สมประสงค์ เย็นท้วม ผกก.สน.ลุมพินี พ.ต.ท.ภิรมย์ จันทราภิรมย์ รองผกก.สส. พ.ต.ต.ปิโยรส กัณหะสิริ สว.สส.สน.ลุมพินี แพทย์นิติเวชโรงพยาบาลจุฬาฯ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) และเจ้าหน้าที่มูลนิร่วมกตัญญู

ที่เกิดเหตุพบศพนายอนันต์ สิงห์จิรกุล อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 213-213/1 สุขุมวิท 63 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา เจ้าของบริษัทซามิราโน พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด บริษัทอสังหาริมทรัพย์หลายแห่งย่านทองหล่อซอย 5,10,23 และสุขุมวิท 49 โครงการที่พักอาศัยระดับพันล้านบาท สภาพนอนหงายจมกองเลือด สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงสแล็คสีดำ มีบาดแผลถูกปาดด้วยของมีคมเข้าที่ลำคอจนหลอดลมขาด เส้นเลือดใหญ่ขาด เลือดกระจัดกระจายเต็มห้อง

ส่วนผู้บาดเจ็บเล็กน้อยทราบชื่อนางสาวสุชาดา มั่นใจ เจ้าหน้าที่จัดซื้อของบริษัท ถูกตีด้วยด้ามปืนเข้าที่ท้ายทอย และบริเวณหน้าผาก เจ้าหน้าที่นำตัวส่งโรงพยาบาลบำรุงราษฏร์ นอกจากนี้ยังมีนางสาวสุภาพร แก้วหนู อายุ 27 ปี เสมียนบริษัท ได้รับบาดเจ็บที่ข้อมือซ้ายถูกมีดบาด ส่งโรงพยาบาลสมิติเวช

ส่วนด้านล่างเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของอาคารที่เกิดเหตุพร้อม พลเมืองดีได้ช่วยกันควบคุมตัวนายวันชัย เจะเตะ อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 227/49 หมู่ 4 ตำบลบางริ้น อำเภอเมือง จังหวัดระนอง พ่อค้าขายไม้หอม ซึ่งคนร้ายใช้อาวุธมีดฆ่าปาดคอนาย อนันต์ โดยจับกุมได้ขณะหลบหนีอยู่บริเวณกลางซอยสุขุมวิท 13 ได้พร้อมอาวุธปืนขนาด .38 มม. จำนวน 1 กระบอก พร้อมกระสุนปืน 6 นัด และอาวุธมีดพับ 1 เล่ม ก่อนควบคุมตัวมาที่สน.ลุมพินี

จากการสอบสวนนางปิ่นแก้ว ประทาน อายุ 45 ปี ชาวสุโขทัย แม่บ้านของผู้ตายกล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุได้สังเกตเห็นผู้ต้องหาเดินอยู่บริเวณกลางชั้น 9 และทำทีเข้ามาสอบถามว่าห้องน้ำไปทางไหน ซึ่งไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน เพิ่งเห็นวันนี้เป็นวันแรก ตนก็เลยชี้บอกทางไปโดยไม่ได้สงสัยอะไร หลังจากนั้นก็กลับไปทำงานตามปกติ สักพักจะเดินไปยืนพักผ่อนที่บริเวณทางออกบริเวณบันไดหนีไฟ

สังเกตเห็นคนร้ายเดินมาทางตนบอกว่าขอทางหน่อย ท่าทางมีพิรุธ ตนก็หลบให้คนร้ายก็เดินลงบันไดไป ประจวบกับสามีตนเองซึ่งทำงานเป็นแมสเซนเจอร์บริษัท วิ่งขึ้นมาบอกว่าเห็นแมสเซนเจอร์ท่าทีมีพิรุธ เพราะเป็นคนร้ายทำร้ายเจ้านาย ตนก็เลยหันไปดู เห็นคนร้ายกำลังเดินลงบันไดหนีไฟไป จึงรีบตะโกนบอกรปภ.ให้ช่วยจับกุมตัวไว้ ก่อนเข้าไปเคาะห้องเกิดเหตุ ซึ่งล็อคประตูอยู่ นางสาวสุภาพร ซึ่งเป็นเสมียนบริษัทรีบออกมาเปิดประตู จึงเห็นว่าเจ้านายได้กลายเป็นศพไปแล้ว

เบื้องต้นนายวันชัย ให้การรับสารภาพ โดยบอกว่าที่ทำไปเพราะความโกรธแค้น และลงมือเพียงคนเดียว ไม่มีผู้จ้างวาน เนื่องจากคนตายได้ว่าจ้างให้ตนเองไปซื้อไม้หอมพวกไม้กฤษณามาให้ จากทางภาคเหนือ ภาคใต้ และพม่า โดยตนเองต้องไปกู้เงินจากนายทุนมาประมาณเกือบ 2 ล้านบาท แล้วใช้เงินสดไปซื้อมาแต่เมื่อนำสินค้ามานำส่งให้ผู้ตาย ผู้ตายกลับผลัดผ่อนไม่ยอมจ่ายเงิน โดยผลัดผ่อนมาเป็นระยะเวลากว่า 1 ปี ทำให้ตนเองต้องหลบๆซ่อนๆเจ้าหนี้โดยตลอด ก่อนเกิดเหตุตนเองได้ตัดสินใจมาทวงหนี้ผู้ตายอีกครั้ง โดยนำเอาอาวุธปืนที่ซื้อมาจากเพื่อนในราคา 30,000 บาท เป็นอาวุธปืนแบบลูกโม่ไทยประดิษฐ์ .38 มม. 1 กระบอก บรรจุกระสุนเต็มโม่ 6 นัด และอาวุธมีดพับ 1 เล่ม มาเพื่อข่มขู่

นายวันชัย กล่าวว่า ช่วงเกิดเหตุได้เข้าไปในห้อง แล้วใช้อาวุธข่มขู่ให้นางสาวสุชาดา และนางสาวสุภาพร ที่อยู่ในห้องด้วยหมอบลง ก่อนใช้อาวุธมีดพับเข้าจี้คอผู้ตาย ซึ่งผู้ตายต่อสู้ขัดขืน จึงใช้มีดพับปาดคอนาย อนันต์จนตาย และได้หลบหนีโดยทันที แต่ระหว่างนั้นแม่บ้านของบริษัทได้ตะโกนร้องให้รปภ.อาคารเข้าจับกุม ซึ่งตนเองก็ไม่มีความชำนาญในการใช้อาวุธปืนด้วย จึงทำได้เพียงใช้ข่มขู่ ก่อนถูกรปภ.แย่งปืนไป และถูกจับกุมได้ในที่สุด

ด้าน พ.ต.อ.สมประสงค์ กล่าวว่า เบื้องต้นจากคำให้การของผู้ต้องหา เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ ว่าคนร้ายจะลงมือก่อเหตุเพียงคนเดียว เนื่องจากด้วยเงินที่บอกว่านำไปซื้อไม้หอมนั้น เป็นเงินเกือบ 2 ล้านบาท และเป็นเงินสดด้วย จึงเชื่อว่าน่าจะมีคนบงการ โดยขณะที่ทำการสอบปากคำอยู่นั้น ก็ได้มีการส่งข้อความเข้ามือถือผู้ต้องหาว่า "ภารกิจเสร็จสิ้นไหม" ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่โทรกลับไป ปลายสายก็ได้ปิดเครื่องไปแล้ว โดยขณะนี้ได้ควบคุมตัวไปค้นที่บ้านพักย่านรามคำแหง ก่อนจะทำการขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการต่อไป

เบื้องต้นก็ได้แจ้งข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนด้วยวิธีทารุณโหดร้าย ทำร้ายร่างกายผู้อื่น มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนโดยไม่ได้รับอนุญาต พกพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต พกพาอาวุธมีดไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฏหมายต่อไป

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook