สาวโพสต์ "กรรเชียงปูนึ่ง" ร้านอาหารชื่อดังหัวหินราคาโหด ปู 6 ซีกจานละ 650 บาท

สาวโพสต์ภาพกรรเชียงปูนึ่งร้านอาหารชื่อดังหัวหิน ไม่ได้อย่างที่คิด แถมราคาสุดแพง จานละ 650 บาท เทศบาลเมืองหัวหินพร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมตรวจสอบ

วันที่ 16 ตุลาคม 2561 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในโลกออนไลน์ได้มีการเผยแพร่ข้อความและรูปภาพของผู้ใช้เฟซบุ๊ก Natthan Boonpitak ซึ่งระบุข้อมูลว่า ร้านอาหารซีฟู้ดแห่งหนึ่งริมถนนเพชรเกษม อ.หัวหิน จำหน่ายกรรเชียงปูม้านึ่ง ซึ่งในจานมีเพียง 6 ชิ้นเล็กๆ ราคา 650 บาท อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบ

โดยหลังจากภาพ และข้อความดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป พบว่ามีการแชร์ต่อไปกันอย่างกว้างขวาง พร้อมทั้งเข้ามาโพสต์แสดงความคิดเห็นกันเป็นจำนวนมาก เมื่อตรวจสอบแล้วพบว่า นางสาวณัฐธัญ เจ้าของโพสต์ดังกล่าวได้ไปใช้บริการที่ร้านอาหารดัง เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 14 ตุลาคม 2561 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันหยุด โดยได้เดินทางไปกับเพื่อน เพื่อรับประทานอาหารและคุยงาน

โดยได้สั่งอาหารมา 3-4 รายการ ประกอบด้วย ทะเลลวก กรรเชียงปูม้า หอยนางรมทรงเครื่อง และหมูสะเต๊ะ เมื่ออาหารมาเสิร์ฟพบว่ากรรเชียงปูม้าที่นำมาเสิร์ฟ ไม่เหมือนกับที่คิดไว้ มีลักษณะเป็นปูตัดครึ่ง และมีขนาดตัวปูที่เล็ก ส่วนกรรเชียงปูที่เคยเห็นจะเป็นเนื้อปูก้ามกินง่าย โดยในจานมีปูแบ่งซีกจำนวน 6 ชิ้น

เมื่อรับประทานอาหารเสร็จได้เรียกเก็บเงิน พบว่ากรรเชียงปูนึ่งที่เห็นราคาสูงถึงจานละ 650 บาท ถึงกับตกใจ และนึกว่าคิดราคาผิดเพราะราคาแพงไป จึงเรียกพนักงานมาสอบถาม แต่ทางร้านยืนยันว่ารายการอาหารที่สั่งคือกรรเชียงปูที่ทางร้านขาย โดยอ้างว่าในจานมีทั้งหมด 8 ชิ้น แม้จะไม่พอใจแต่ไม่อยากจะทะเลาะหรือโต้เถียงจึงยินยอมจ่ายเงินค่าอาหารไปทั้งหมด

เมื่อกลับมาแล้วจึงได้โพสต์ภาพกรรเชียงปูที่ถ่ายไว้พร้อมกับบิลค่าอาหารที่จ่ายไปขึ้นสื่อออนไลน์ เพราะมองว่าไม่ถูกต้อง และต้องการให้หน่วยงานเข้าไปตรวจสอบเพื่อไม่ให้เกิดกรณีดังกล่าวขึ้นอีกและมองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกระทบต่อความเป็นเมืองท่องเที่ยวอย่างมาก

ด้านนายจีรวัฒน์ พราหมณี ปลัดเทศบาลเมืองหัวหิน เปิดเผยว่า รับทราบเรื่องดังกล่าวซึ่งมีการแชร์ในโลกออนไลน์แล้ว จึงได้แจ้งให้ทราบงานที่เกี่ยวข้องทราบ และเตรียมตรวจสอบหาข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น โดยในช่วงเย็นวันนี้จะมีการประชุมร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีผู้แทนระดับจังหวัดร่วมหารือด้วย

จากนั้นจะลงพื้นที่ร้านอาหารดังกล่าว เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าอาหารที่จำหน่ายมีปริมาณและราคาเหมาะสมหรือไม่ รวมถึงเรื่องของการปิดป้ายแสดงราคาอาหาร คุณภาพความสดใหม่ของอาหารที่จำหน่าย รวมทั้งหามาตรการป้องกันปัญหาในระยะยาวต่อไปด้วย