“เบนซ์ ปะทะ อัลพาร์ด” ตำรวจรวบแก๊งมังกรจีนกร่าง-ควบรถหรูไล่ล่าตะลุมบอนกลางเมืองพัทยา

(17 ม.ค. 62)  พ.ต.ท.ศรัณยพงศ์ ไหมทองกุลธร สวป.สภ.เมืองพัทยา พ.ต.ท.เนติธร รัตนสุชานันท์ สวป.สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี นำกำลังเจ้าหน้าที่ไล่สกัดจับรถยนต์หรูที่หนุ่มชาวจีนเป็นคนขับ หลังได้รับแจ้งว่า ได้ก่อเหตุทะเลาะวิวาทและทำร้ายร่างกายชาวจีนด้วยกัน จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดบริเวณถนนหลังโลตัสพัทยาเหนือ หน้า 69 โชว์ แล้วซิ่งหลบหนีไปทางถนนพัทยาเหนือ

ต่อมากำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถสกัดจับรถยนต์หรูไว้ได้ 2 คัน เป็นรถยนต์เก๋งเบ็นซ์ SLK200 สีขาว ทะเบียน ชอ-33กทม. รถยนต์ตู้ VIP. โตโยต้า อัลพาร์ด สีดำ ทะเบียน 2 กพ-9030 กทม. โดยสามารถสกัดจับได้ที่ บริเวณไฟแดงปากทางพัทยาเหนือก่อนออกสุขุมวิท

ซึ่งพบ MR.ZHANG HONGXING อายุ 28 ปี สัญชาติจีน เป็นคนขับรถยนต์ตู้ VIP.โตโยต้า อัลพาร์ด สีดำ ทะเบียน 2 กพ-9030 กทม.สภาพมีแผลถลอกตามแขนเสื้อผ้าเปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่นทราย และ MR.CAO LEI อายุ 33 ปี สัญชาติจีน เป็นคนขับ รถยนต์เก๋งเบนซ์ SLK200 สีขาว ทะเบียน ชอ-33กทม.เจ้าหน้าที่จึงได้ขอเข้าทำการตรวจค้นภายในรถยนต์หรูทั้ง 2 คัน

>>ระทึกกลางเมืองพัทยา แก๊งมาเฟียจีนปิดถนนซิ่งรถหรู เปิดศึกยกพวกตีกันเจ็บ<<

เบื้องต้นพบอาวุธมีดปลายแหลม  1 เล่ม และกระบอกยาง 1 อัน ภายใน รถยนต์ตู้ VIP.โตโยต้า อัลพาร์ด เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน   ก่อนทำการควบคุมตัวทั้ง 2 มาทำการสอบสวนยัง สภ.เมืองพัทยา

ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นชาวจีนจำนวน  2 ราย ทราบชื่อ 1 รายคือ MR.HUANG  WANYOU อายุ 19 ปี ถูกนำส่งรักษาตัวที่ รพ.พัทยาเมโมเรียล

จากการสอบสวนในที่เกิดเหตุซึ่งมีพลเมืองดีได้ถ่ายคลิปขณะเกิดเหตุไว้ได้ โดยในภาพสามารถบันทึกกลุ่มชาวจีนที่ไล่ตีกัน อีกฝ่ายอยู่บนถนนใช้อาวุธไม้หลายชนิด และอีกฝ่ายใช้รถยนต์ขับไล่ชนฝ่ายคู่กรณี จนเหตุการณ์ชุลมุน

โดยพลเมืองดีและชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์เล่าว่า เห็นกลุ่มชาวจีนทั้งหมดมีปากเสียงกันเหมือนมีการเจรจากันไม่ลงตัว จากนั้นกลุ่มหนึ่งพากันวิ่งหนี อีกฝ่ายก็ขับรถยนต์ไล่ชนก่อนตีกันกระจาย จนมีผู้บาดเจ็บและได้พากันซิ่งรถหลบหนีไป ก่อนที่จะแจ้งหน้าที่ตำรวจมาช่วยเหลือดังกล่าว

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัว MR.ZHANG HONGXING และ MR.CAO LEI ไว้ทำการสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้งถึงสาเหตุการทำร้ายร่างกายกันว่า มาจากเหตุใดเกี่ยวข้องกับธุรกิจผิดกฎหมายของแก๊งใดหรือไม่ ซึ่งการก่อเหตุนั้นอุกอาจไม่เกรงกลัวกฎหมายเมืองไทย