อภิสิทธิ์ เผยคุย ชาติชาย แล้ว! ยันปัญหายุติ

อภิสิทธิ์ เผยคุย ชาติชาย แล้ว! ยันปัญหายุติ

อภิสิทธิ์ เผยคุย ชาติชาย แล้ว! ยันปัญหายุติ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"มาร์ค " เผยคุย " ชาติชาย " แล้ว เจ้าตัวพร้อมแถลง 26 พ.ค.นี้ เชื่อปัญหายุติ ยันไม่กระเทือนถึง ปชป. ระบุสัมมนาส.ส. ปชป.ชื่นมื่น ยิ้มสู้ ชี้ "เฉลิมชัย " จ้อโชว์พลัง ส.ส.บนเวทีสัมมนาแค่หยอกล้อ ยันจบปัญหาที่ภูมิใจไทยพรรคเดียวไม่ลาม โหร คมช.ฟันธงรัฐบาลฉลุยนั่งบริหารยาวพ้นปี52 พธม.ยึด2บทบาทพรรคการเมือง-ม็อบนอกสภา

เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 24 พ.ค. ที่รัฐสภา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการพูดคุยกับนายชาติชาย พุคยาภรณ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ จากพรรคภูมิใจไทย ว่า ได้คุยกันแล้ว ซึ่งนายชาติชายบอกว่า จะแถลงข่าวในวันที่ 26 พ.ค.นี้ โดยจะเป็นผู้พูดเรื่องทั้งหมดเอง

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะทำให้ทุกอย่างชัดเจนใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ทุกอย่างจะชัดเจนในบ่ายวันที่ 26 พ.ค.นี้ เมื่อถามว่า พรรคภูมิใจไทยมีการเสนอบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งแทนนายชาติชายหรือยัง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่มีการติดต่อมา มีแค่ที่ตนได้ติดต่อกับนายชาติชาย ซึ่งเดิมจะมีการนัดพบกัน แต่นายชาติชายบอกว่าคงไม่ต้องแล้ว เพราะเตรียมการที่จะชี้แจงทุกอย่างในวันที่ 26 พ.ค.นี้ และบอกว่าจะทำให้ทุกอย่างเดินหน้าต่อไปได้

เมื่อถามว่า การปรับครม.จะจบที่ตำแหน่งของนายชาติชายตำแหน่งเดียวใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในขณะนี้ก็ไม่มีเรื่องอื่น

เมื่อถามว่า พรรคภูมิใจไทยยังไม่พอใจอะไรอีกหรือไม่ เพราะนายชัย ชิดชอบ ประธานสภา ในฐานะส.ส.สัดส่วน พรรคภูมิใจไทย ออกมาให้สัมภาษณ์ในลักษณะขู่ว่าหากไม่เป็นไปตามที่พรรคเสนอ อาจมีการถอนตัวออกจากพรรคร่วมรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนยังไม่ทราบว่ามีปัญหาอะไร แต่ถ้ามีก็มาพูดคุยกัน ไม่มีอะไร

เมื่อถามว่าปัญหาภายในของพรรคประชาธิปัตย์เกี่ยวกับ ส.ส.กลุ่มต่างๆ ในการสัมมนาส.ส.ที่ผ่านมาทุกอย่างเรียบร้อยดีหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็เห็นเรียบร้อยดี ตนก็ได้สอบถามกับคนที่ได้เดินทางกลับมาแล้ว ก็ยืนยันว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี ไม่มีอะไร

เมื่อถามถึงกรณีที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ พรรคประชาธิปัตย์ ขึ้นพูดหยอกบนเวทีสัมมนาพรรคว่ามีส.ส.ในกลุ่มเกิน 40 คน จะมีนัยยะอะไรหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ยิ้มก่อนกล่าวว่า "ไม่มีอะไรหรอกครับ ไม่มีอะไร ก็แค่หยอกล้อกันไป "

เมื่อถามย้ำว่าเป็นการหยอกที่แรงเกินไปหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ธรรมดา เมื่อถามว่า เป็นห่วงหรือไม่ว่าคำหยอกดังกล่าวจะกลายเป็นจริง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ห่วง ตนกับนายเฉลิมชัยก็คุ้นเคยกันมานาน และมีความเข้าใจ และตอนนี้ในพรรคก็มีการพูดคุยกันแล้ว ทุกอย่างคงจะเรียบร้อย

เมื่อถามถึงกรณีที่ระบุในรายการ " เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์ " ว่าจะให้รัฐบาลทำงานไปค่อนปีก่อนจะมีการประเมินผู้ทำงาน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อย่างที่บอกว่า เมื่อเราทำงานไป ก็ต้องมีการประเมินตลอดเวลา ถ้ามีปัญหาอุปสรรค และเราเห็นว่าทำได้ดีกว่านี้ ก็ต้องมีการปรับปรุง เป็นเรื่องธรรมดา แต่ในขณะนี้รอบนี้ เป็นเรื่องปัญหาเฉพาะของนายชาติชายกับพรรคภูมิใจไทย ซึ่งก็ต้องอยู่เท่านั้นก่อน

เมื่อถามว่า เหมือนเป็นการส่งสัญญาณว่าใครที่กำลังหวังตำแหน่งก็ต้องรอไปก่อน จะได้ไม่ต้องมาสร้างปัญหาใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ใช่ แต่จริงๆแล้วนักการเมืองทุกคนคงต้องตระหนักว่า ขณะนี้เราต้องประคับประคองเพื่อแก้ปัญหาสถานการณ์ แก้ปัญหาให้ประชาชนซึ่งกำลังเดือดร้อนอยู่เป็นอันดับแรก ถ้าตรงไหนยังมีปัญหาข้อบกพร่อง ก็เสนอแนะได้ เราพร้อมปรับปรุง แต่เราต้องให้โอกาสคนได้ทำงาน ซึ่งตนเห็นใจรัฐมนตรีเกือบทุกคน เพราะช่วงที่ผ่านมา ก็มีภาระที่ต้องเร่งรัด และต้องทำเรื่องใหม่ๆเยอะ อีกทั้งภาระงานสภาก็มาก แต่ช่วง 1-2 เดือนจากนี้ไป คิดว่าจะมีโอกาสได้ทำอะไรได้มากขึ้น การทำงานต่างๆจะได้รับโอกาสมากขึ้น ดังนั้นตรงนี้ก็ต้องเร่งงานออกมา

ผู้สื่อข่าวถามว่าพรรคภูมิใจไทยกำลังจะมีปัญหาเพื่อต้องการต่อรองอะไรบางอย่างหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มีอะไรที่ต้องต่อรองหรอก ตนว่าตอนนี้ทุกคนมีงานที่จะต้องทำ งานสำคัญๆทั้งนั้นที่จะต้องเร่งเดินหน้าผลักดันไป

เมื่อถามว่าแต่มีกรณีที่เกี่ยวข้องกับโครงการต่างๆที่ครม.ให้กลับไปทบทวน อย่างเช่น รถเมล์เอ็นจีวี 4พันคันของกระทรวงคมนาคมที่พรรคภูมิใจไทยดูแลอยู่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คือคนที่ทำงานโดยตรงโดยเฉพาะเจ้ากระทรวงทุกเรื่องเราคุยกัน อย่างนายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรถเมล์ รถไฟฟ้า เป็นเรื่องอะไรก็คุยกันด้วยความเข้าใจที่ดี และมีเป้าหมายที่ตรงกัน

เมื่อถามว่าแต่โครงการรถเมล์ 4 พันคันยังมีปัญหาสับสนค่อนข้างมากไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าเช่าหลายอย่าง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า รมว.คมนาคมบอกว่าเป็นสิ่งที่ท่านต้องหาคำตอบให้ได้ครบถ้วน เป็นที่ยอมรับทั้งหมด และก็เป็นเหตุผลที่ ครม.ให้ไปดูตัวเลขให้เป็นที่ชัดเจน และเป็นที่ยอมรับ

เมื่อถามอีกว่า แสดงว่านายกฯให้ความมั่นใจว่าเรื่องนี้จะต้องให้คำตอบกับสังคมได้ใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า " แน่นอนๆ ต้องตอบได้ ถึงจะเดินได้ ท่านรัฐมนตรีโสภณพูดประโยคนี้กับผมเอง "

เมื่อถามย้ำว่า ถ้าตอบไม่ได้ก็จะล้มโครงการไปเลยใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เราก็ต้องดูแผนการที่จะแก้ปัญหารถเมล์ เพราะโครงการนี้เป็นความพยายามที่ปรับเปลี่ยนรูปแบบของการให้บริการรถเมล์ ทั้งในแง่การนำเทคโนโลยีมาใช้และลดภาระของ ขสมก.ในการที่จะดูแลรถที่อาจจะเสื่อมสภาพ รวมทั้งเส้นทางที่จะวิ่งแม้กระทั่งเรื่องการลดค่าใช้จ่าย การลดค่าโดยสาร อย่างไรตรงนี้ก็ต้องทำ แต่ถ้าโครงการที่เสนอมามันมีปัญหาในเรื่องตัวเลขที่ไม่ลงตัว ก็เป็นอีกเรื่อง แต่อย่างไรต้องเดินหน้าหาทางแก้ปัญหาของ ขสมก.

ผู้สื่อข่าวถามว่า โครงการนี้อาจจะไปซ้ำซ้อนกับโครงการอื่นในแผนกระตุ้นเศรษฐกิจรอบสอง ที่รัฐบาลจะดำเนินการในเรื่องโลจิสติกส์ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มีปัญหาความซ้ำซ้อนอยู่แล้ว เรื่องระบบรถเมล์เป็นเรื่องสำคัญ ความจริงแล้วตัวขนส่งมวลชนระบบรางและเส้นทางบริการรถเมล์มันต้องเชื่อมโยงกันด้วยซ้ำ เราถึงจะสามารถใช้ขนส่งมวลชนได้คุ้มค่า

เมื่อถามว่า จะทำให้สังคมเข้าใจได้อย่างไรว่าสุดท้ายแล้วจะไม่ใช่เป็นแค่การประสานประโยชน์ของพรรคร่วมรัฐบาลเท่านั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เพราะตัวเลขทุกอย่างจะต้องมีคำตอบเพราะสิ่งที่เราเคยทักท้วงตอนที่เป็นฝ่ายค้าน ก็นำกลับเข้ามาพิจารณาทั้งหมด รวมถึงเงื่อนไขการประกอบรถในประเทศด้วย

เมื่อถามว่าสุดท้ายแล้วโครงการต่างๆจะกลายเป็นตัวชี้วัดว่าพรรคร่วมฯมีปัญหาในอนาคตหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนยังมั่นใจว่าตอนนี้เป้าหมายการทำงานตรงกันมีความเข้าใจวิธีการทำงานที่ดีขึ้น เป็นเรื่องธรรมดา พอเริ่มทำงานด้วยกันแต่ละพรรคอาจจะมีวิธีการ ความคุ้นเคยในการทำงานที่ไม่เหมือนกัน เมื่อเป็นรัฐบาลผสมก็ต้องมาปรับดูว่าทำอย่างไรให้ประสานกันได้ราบรื่น ซึ่งทุกอย่างก็ดีขึ้นตามลำดับ

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่พรรคภูมิใจไทยจะพา ส.ส.ไปสัมมนาที่ประเทศยุโรป จะเป็นการขัดกับมติ ครม.ที่ขอความร่วมมือไม่ให้หน่วยงานราชการต่างๆเดินทางไปต่างประเทศในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจนี้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนยังไม่ทราบแต่จะสอบถามให้ เมื่อถามอีกว่าหลักปฏิบัติของ ส.ส.ควรเป็นอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขอความร่วมมือกันไปหมดแล้ว เรื่องให้ดูความจำเป็นในการเดินทางไปต่างประเทศ ได้พูดทั้งในสภา และหน่วยงานราชการต่างๆ

"สาทิตย์"ให้ผอ.สทท.แจงสัญญาณขัดข้องลั่นต้องไม่เกิดอีก

นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่เกิดปัญหาสัญญาณการถ่ายทอดสดขัดข้องในขณะออกอากาศรายการ "เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์" ว่า ได้สอบถามเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิค ซึ่งเบื้องต้นได้รับคำชี้แจงว่า ระบบสำรองไฟยูพีเอสบนรถถ่ายทอดสดเสียก่อนหน้านี้ และตัวที่ใช้อยู่เป็นตัวที่บริษัทส่งมาเปลี่ยนแทน แต่เมื่อออกอากาศก็เกิดเสียกะทันหัน

ทั้งนี้ สถานีโทรทัศน์แห่งประเทศ(สทท.) มีรถถ่ายทอดสดลักษณะนี้ 2 คัน ส่วนอีกคันติดภารกิจที่ จ.นครราชสีมา จึงเรียกคันดังกล่าวกลับมาออกอากาศ ทำให้เกิดความล่าช้าในการออกอากาศ

"เท่าที่ฟัง ผมไม่คิดว่า ถูกวางยา แต่ได้ให้ผู้อำนวยการ สทท.ทำหนังสือชี้แจงอย่างเป็นทางการ และจะต้องมีการตรวจสอบอีกครั้ง โดยจะไม่ยอมให้มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก เราคงต้องตรวจสอบและต้องไม่ให้เกิดปัญหา นี่เป็นงานถ่ายทอดสดของนายกฯ เมื่อมีปัญหาก็ต้องไปกินเวลาคนอื่น แล้วถ้าไปถ่ายทอดพระราชพิธีสำคัญ ๆ แล้วเกิดปัญหาอย่างนี้จะทำอย่างไร ซึ่งผมจะรอดูรายละเอียดคำชี้แจงที่ทาง ผอ. ส่งมาอีกที " นายสาทิตย์ กล่าวและว่า เขาได้โทรศัพท์รายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบ ถึงปัญหาที่เกิดขึ้นแล้ว

โหรคมช.ฟันธงรัฐบาลฉลุยนั่งบริหารยาวพ้นปี52

นายวารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ หรือ "โหรคมช." แห่งวิหารหลวงปู่เกวาลัน สำนักสุขิโต อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เปิดเผยถึงสถานการณ์การเมืองภายหลังเป็นประธานประกอบพิธีลงเสาเอกสร้างศาลาบาตรภายในพุทธมณฑลล้านนา ที่บริเวณปากทางเข้าอ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่า อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ว่า ที่ตนเคยบอกว่าสถานการณ์บ้านเมืองช่วงวันที่ 12-13 เม.ย.ถือว่าเป็นเหตุการณ์ครั้งสุดท้าย ที่บ้านเมืองจะได้รับผลกระทบจากความรุนแรงมากที่สุด และหลังจากนั้นเหตุการณ์ทุกอย่างจะเริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดีซึ่งถือว่าเป็นไปตามที่ได้คาดการณ์ไว้

ต่อคำถามที่ว่า รัฐบาลจะอยู่ได้นานหรือไม่นั้น "โหรคมช." บอกว่า ยังจะทำงานในระยะยาว และเชื่อว่าจะพ้นผ่านปี 2552 นี้ไปก่อน จึงจะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ปัญหาทุกอย่างต้องหันหน้าเข้ามาพูดคุยกัน เพราะเรามีบทเรียน ที่ผ่านมาทำให้เราได้รับรู้แล้วว่า หากทำสิ่งใดทำเพื่อผลประโยชน์ตัวเองเป็นหลัก จะไม่เกิดผลดีสำหรับตัวเองและบ้านเมือง

นายวารินทร์ กล่าวว่า ต้องการให้ทุกคนหันหน้ามามองถึงประเทศชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เป็นสถาบันที่เราต้องยึดมั่นรักษาไว้ไม่ต้องแบ่งฝ่ายแบ่งสี หากทำได้เชื่อว่าอนาคตของประเทศไทยจะไปในทิศทางที่ดีขึ้น

พธม.ยึด2บทบาทพรรคการเมือง-ม็อบนอกสภา

เมื่อเวลา 16.00 น. นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานเครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า ดูแนวโน้มแล้วมีโอกาสที่พันธมิตรฯจะจัดตั้งพรรคการเมืองสูง แกนนำทุกคนเห็นตรงกันที่จะให้มีการจัดตั้งพรรค แต่ไม่อยากชี้นำ คงต้องฟังความเห็นประชาชนอีกครั้งหนึ่ง เพราะพันธมิตรฯถือเป็นองค์กรที่เคลื่อนไหวภาคประชาชน แต่สิ่งที่ท้าทายต่อไปคือ การตั้งพรรคการเมือง เพราะการแสวงหาอำนาจของพันธมิตรฯนั้นต้องเป็นไปเพื่อประชาชน อีกทั้งการตั้งพรรคนั้นคงต้องใช้เวลา อย่างน้อยน่าจะไม่น้อยกว่า 3 เดือนจึงจะได้ข้อสรุป จากนั้นจะมีการเดินสายไปตามจังหวัดต่างๆเพื่อขอความเห็นกับประชานทุกภาคส่วน อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าบทบาทนอกสภาของพันธมิตรฯนั้นจะยังมีอยู่ เพราะการตั้งพรรคไม่ใช่เป้าหมายสำคัญ เป็นเพียงวิธีการต่อสู้แบบใหม่เท่านั้น ไม่ใช่ตั้งพรรคแล้วจบหรือชนะ

พูดไม่ชัดหน.พรรคมาจากคนนอก

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีคนนอกมาเป็นหัวหน้าพรรคหรือไม่ นายสุริยะใส กล่าวว่า ยังไม่อยากตั้งธงว่าหัวหน้าพรรคจะเป็นใคร เพราะเรื่องคนไม่สำคัญเท่าที่มา เรื่องทั้งหมดต้องเป็นไปตามกระบวนการ ประชาชนรู้สึกเป็นเจ้าของพรรคอย่างแท้จริง ดังนั้นต้องค่อยเป็นค่อยไปเพื่อให้เกิดความสมบูรณ์ ส่วนหัวหน้าพรรคนั้นต้องเป็นคนที่เสียสละ สะอาด

ส่วนหากตั้งพรรคแล้วจะมีเรื่องทุนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยนั้น นายสุริยะใส กล่าวว่า ไม่ปฏิเสธที่จะต้องมีเรื่องทุนเข้ามา แต่ต้องเป็นทุนที่สะอาด ไม่มีเงื่อนไขมาแลกเปลี่ยน ไม่มาครอบงำพรรค เพราะไม่อย่างนั้นการเมืองใหม่ก็คงไม่เกิด

ปัด"อาทิตย์"เป็นนายทุนให้

เมื่อถามว่า แสดงว่ายังไม่ได้ปิดประตูตายที่แกนนำจะเป็นหัวหน้าพรรค นายสุริยะใส กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับความพร้อมของแกนนำ แต่ก็ยังไม่ปิดโอกาส แต่เท่าที่ดูแบบสอบถามนั้นส่วนใหญ่อยากให้นายสนธิเป็นหัวหน้าพรรค

สำหรับนายอาทิตย์ อุไรรัตน์ ถือเป็นแคนดิเดตหัวหน้าพรรค และเป็นนายทุนพรรคด้วยหรือไม่ นายสุริยะใส กล่าวว่า เรื่องทั้งหมดเป็นข่าวปล่อย นายอาทิตย์ไม่ใช่นายทุน เพียงแต่ให้ยืมสถานที่เท่านั้น เชื่อว่านายอาทิตย์ มีอุดมการณ์เพื่อประชาชน จึงไม่มีความคิดที่จะมาเป็นนายทุนให้พรรคการเมือง

ส่วนกรณีที่นายสนธิ เคยระบุว่าจะไม่เป็นหัวหน้าพรรคการเมืองนั้น นายสุริยะใส กล่าวว่า ต้องถามนายสนธิเอง ตนตอบแทนไม่ได้ แต่นายสนธิไม่เคยอยากเป็นหัวหน้าพรรค เรื่องนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของประชาชนดีกว่า

เชื่อได้ส.ส.สัดส่วน 10 -ส.ส.เขตจากภาคกลาง-กทม.-อีสานเหนือ

ส่วนการประเมินเก้าอี้ส.ส.ที่คาดว่าจะได้รับหากตั้งพรรคการเมืองนั้น นายสุริยะใส กล่าวว่า ส.ส.ระบบสัดส่วน น่าจะได้ประมาณ 10 ที่นั่ง ส่วนในระบบเขตเลือกตั้งนั้น น่าจะได้ส.ส.ในกทม. ภาคกลาง และอีสานเหนือ

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook