ปชป.ร้าวหนัก! ส.ส.ตะวันออกประกาศจองเก้าอี้ รมต.ถ้ามีปรับ ครม.

ปชป.ร้าวหนัก! ส.ส.ตะวันออกประกาศจองเก้าอี้ รมต.ถ้ามีปรับ ครม.

ปชป.ร้าวหนัก! ส.ส.ตะวันออกประกาศจองเก้าอี้ รมต.ถ้ามีปรับ ครม.
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นายกฯ อ้าง"เฉลิมชัย"แค่หยอกล้อในพรรคเคลียร์กันแล้ว ส่งซิกรอบนี้แค่ตั้งแทน"ชาติชาย"ไม่คิดปรับใหญ่ มุ้งตะวันออกฮึ่ม! ปรับครั้งต่อไป คนที่จะขึ้นมาเป็น รมต.แทน ต้องเป็น"เฉลิมชัย" ซัดอีกบางคนทำตัวเหมือน ส.ส.พรรคไม่อยู่ในสายตา ดูแลแต่คนใกล้ตัว "เพื่อไทย"อ้างมีขบวนการทำลายล้างจ้างเป็นสมาชิกพรรคหวังให้ถูกยุบ

"มาร์ค"ชี้ปมชาติชายจบบ่าย26นี้

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวระหว่างให้สัมภาษณ์เมื่อบ่ายวันที่ 24 พฤษภาคม ที่รัฐสภา ว่าได้พูดคุยกับนายชาติชาย พุคยาภรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) มีมติให้พ้นจากตำแหน่งแล้ว โดยนายชาติชายบอกว่าจะแถลงข่าว พูดเรื่องทั้งหมดเองในวันที่ 26 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวถามว่า จะทำให้ทุกอย่างชัดเจนใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ทุกอย่างจะชัดเจนในบ่ายวันที่ 26 พฤษภาคม นายชาติชายบอกว่าจะทำให้ทุกอย่างเดินหน้าต่อไปได้ อย่างไรก็ตามขณะนี้ภท.ยังไม่ได้ติดต่อเข้ามาเรื่องการเสนอชื่อบุคคลที่จะมารับตำแหน่ง

ผู้สื่อข่าวถามว่า การปรับครม.จะจบที่ตำแหน่งของนายชาติชายตำแหน่งเดียวใช่หรือไม่ นายกฯกล่าวว่าขณะนี้ก็ไม่มีเรื่องอื่น เมื่อถามว่า ภท.ยังไม่พอใจอะไรอีกหรือไม่ เพราะนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะ ส.ส.สัดส่วน ภท. ออกมาให้สัมภาษณ์ในลักษณะขู่ว่าหากไม่เป็นไปตามที่พรรคเสนอ อาจมีการถอนตัวออกจากพรรคร่วมรัฐบาล นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ยังไม่ทราบว่ามีปัญหาอะไร แต่ถ้ามีก็มาพูดคุยกัน ไม่มีอะไร

เผยเคลียร์มุ้ง"เฉลิมชัย"แล้ว

สำหรับปัญหาภายในพรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะกรณี ส.ส.กลุ่มนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ ที่พลาดหวังเก้าอี้รัฐมนตรี ออกมาส่งสัญญาณระหว่างการสัมมนาส.ส.พรรคที่เกาะสมุย จ.สุราษฏร์ธานี ในทำนองน้อยอกน้อยใจนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ว่า ได้สอบถามกับคนที่ได้เดินทางกลับมาจากการสัมมนาแล้ว ยืนยันว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี ไม่มีอะไร เมื่อถามว่า การที่นายเฉลิมชัย ขึ้นพูดหยอกบนเวทีสัมนาพรรคว่ามีส.ส.ในกลุ่มมากกว่า 40 คน มีนัยยะอะไรหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ยิ้มก่อนกล่าวว่า "ไม่มีอะไรหรอกครับ ไม่มีอะไร ก็แค่หยอกล้อกันไป" เมื่อถามย้ำว่า เป็นการหยอกที่แรงเกินไปหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ธรรมดา "ผมกับนายเฉลิมชัยคุ้นเคยกันมานาน และมีความเข้าใจ และตอนนี้ในพรรคก็มีการพูดคุยกันแล้ว ทุกอย่างคงจะเรียบร้อย" นายอภิสิทธิ์กล่าว

ส่งซิกรอบนี้แค่ตั้งแทน"ชาติชาย"

เมื่อถามถึงกรณีระบุในรายการ "เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์" จะให้รัฐบาลทำงานไปค่อนปีก่อน จากนั้น จึงประเมินผู้ทำงาน นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า อย่างที่บอกว่า เมื่อทำงานไป ก็ต้องมีการประเมินตลอดเวลา ถ้ามีปัญหาอุปสรรค และเห็นว่าทำได้ดีกว่านี้ ต้องมีการปรับปรุงเป็นเรื่องธรรมดา แต่ในขณะนี้รอบนี้ เป็นเรื่องปัญหาเฉพาะของนายชาติชายกับ ภท. ซึ่งต้องอยู่เท่านั้นก่อน เมื่อถามว่า เหมือนเป็นการส่งสัญญานว่าใครที่กำลังหวังตำแหน่งก็ต้องรอไปก่อน จะได้ไม่ต้องมาสร้างปัญหาใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่ใช่ แต่จริงๆแล้วนักการเมืองทุกคนคงต้องตระหนักว่า ต้องประคับประคองเพื่อแก้ปัญหาสถานการณ์ แก้ปัญหาให้ประชาชนซึ่งกำลังเดือดร้อนอยู่เป็นอันดับแรก ถ้าตรงไหนยังมีปัญหาข้อบกพร่อง ก็เสนอแนะได้พร้อมปรับปรุง แต่ต้องให้โอกาสคนได้ทำงาน

"ผมเห็นใจรัฐมนตรีเกือบทุกคน เพราะช่วงที่ผ่านมามีภาระที่ต้องเร่งรัด และต้องทำเรื่องใหม่ๆเยอะ อีกทั้งภาระงานสภาก็มาก แต่ช่วง 1-2 เดือนจากนี้ไป คิดว่าจะมีโอกาสได้ทำอะไรได้มากขึ้น การทำงานต่างๆจะได้รับโอกาสมากขึ้น ดังนั้น ตรงนี้ก็ต้องเร่งงานออกมา" นายกฯกล่าว

ชี้กับ"ภท."ไม่มีอะไรที่ต้องต่อรอง

เมื่อถามว่า ภท.กำลังจะมีปัญหาต่อรองอะไรบางอย่างหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า "ไม่มีอะไรที่ต้องต่อรอง ผมว่าตอนนี้ทุกคนมีงานที่จะต้องทำ งานสำคัญๆ ทั้งนั้น ที่จะต้องเร่งเดินหน้าผลักดันไป" เมื่อถามว่า สุดท้ายแล้วโครงการต่างๆ จะกลายเป็นตัวชี้วัดว่า พรรคร่วมมีปัญหาในอนาคตหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า มั่นใจว่าตอนนี้เป้าหมายการทำงานตรงกันมีความเข้าใจวิธีการทำงานที่ดีขึ้น เป็นเรื่องธรรมดาพอเริ่มทำงานด้วยกันแต่ละพรรคอาจจะมีวิธีการ ความคุ้นเคยในการทำงานที่ไม่เหมือนกันเมื่อเป็นรัฐบาลผสมก็ต้องมาปรับดูว่าทำอย่างไรให้ประสานกันได้ราบรื่น ซึ่งทุกอย่างก็ดีขึ้นตามลำดับ

ผู้สื่อข่าวถามถึง กรณี ภท.จะพา ส.ส.ไปสัมมนาที่ยุโรป จะขัดกับมติ ครม. ที่ขอความร่วมมือไม่ให้เดินทางไปต่างประเทศในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจนี้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ยังไม่ทราบแต่จะสอบถามให้ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ขอความร่วมมือทั้งในสภาและหน่วยราชการไปหมดแล้ว ขอให้ดูความจำเป็นในการเดินทางไปต่างประเทศ

ยังไม่คิดถึงปรับใหญ่การทำงาน

ก่อนหน้านี้ในช่วงเช้านายกฯกล่าวในรายการ "เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์" ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ถึงการทำงานเข้าขากันของทีมเศรษฐกิจรัฐบาลว่า คิดว่าการทำงานเป็นหมู่คณะและเป็นงานในภาครัฐต้องมีข้ามกรม ข้ามกระทรวง รับผิดชอบร่วมกัน ตนไม่เคยคาดหวังว่าจะต้องราบรื่น 100 เปอร์เซ็นต์ แต่สิ่งสำคัญคือขอให้ทุกคนมีเป้าหมายเดียว ตรงกันคือทำสิ่งที่ดีที่สุดให้ประเทศชาติบ้านเมือง ส่วนความคิดเห็นที่แตกต่างกันก็มาพูดคุยกันด้วยเหตุด้วยผล ขณะนี้ยังยึดในแนวทางนี้อยู่ มีบ้างที่เจ้ากระทรวงอาจจะเห็นไม่เหมือนตน คิดจะไปทำในสิ่งที่คิดว่า ถ้าเป็นตนอาจจะทำแตกต่างกันไป มาว่ากันด้วยเหตุด้วยผล คงจะปรับเข้ากันได้ไม่เป็นปัญหา คุยกันได้ คุยกันตลอด

เมื่อถามว่า คงไม่มีปรับใหญ่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่คิดไปถึงตรงนั้น กำลังคิดในส่วนของการให้งานเดินไปอีกระยะหนึ่ง แต่ในที่สุดต้องประเมินดูว่าสามารถจะทำได้ดีกว่านี้หรือไม่ เพราะต้องมีหน้าที่ที่จะทำให้ดีที่สุดสำหรับประชาชน

ผ่านสักครึ่งค่อนปีค่อยมาปรับ

นายกฯกล่าวตอบคำถาม นาทีนี้ ครม.เศรษฐกิจ โดยเฉพาะเฉพาะรัฐมนตรีเศรษฐกิจในฝันที่นายกฯ อยากได้มีลักษณะอย่างไรว่า "อยู่กับความเป็นจริงดีกว่า ถ้าฝัน ฝันได้กันทั้งนั้น แต่ว่าอยู่กับความเป็นจริงว่า ได้ทำงานกับรัฐมนตรีเศรษฐกิจชุดนี้มา 4-5 เดือน บางเรื่องเห็นตรงกันบ้าง เห็นไม่ตรงกันบ้าง บางทีดูขลุกขลักบ้าง แต่ขณะนี้มีความเข้าใจดีว่า ผม และรัฐบาลต้องการอะไร สำคัญกว่านั้น ตราบเท่าที่เข้าใจว่า ประชาชนต้องการอะไรและทำงานเพื่อส่วนรวมจริงๆ ผมยังยืนยันว่าการทำงาน ขณะนี้ก็ทำงานต่อไปได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น พอเวลาผ่านไปอีกระยะ สมมติสักครึ่งค่อนปีแล้ว แล้วเห็นว่าสามารถที่จะปรับปรุงอะไรได้ นั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ในชั้นนี้ ผมคิดว่าอยากจะให้ได้มีโอกาสที่จะเดินหน้าทำงานกัน เพราะสัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์แรกที่เพิ่งปิดสมัยประชุมสภา ฉะนั้น ภาระงานด้านนิติบัญญัติก็ลดลง มีเวลาในการที่จะมาสะสาง เร่งงานอะไรมากขึ้น"

ภท.อ้างเสนอ"ศุภชัย"แล้ว-อย่ายื้อ

นายชาติชาย พุคยาภรณ์ กล่าวว่า โทรศัพท์ คุยกับนายกฯเพื่อรายงานว่า จะตัดสินใจอย่างไแล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่ขอเปิดเผย ให้รอวันที่ 26 พฤษภาคมก่อน

รายงานข่าวจากแกนนำกลุ่มเพื่อนเนวิน ภท.แจ้งว่า ได้เสนอชื่อนายศุภชัย โพธิ์สุ ส.ส.นครพนม เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ต่อนายกฯไปแล้ว หากนายกฯยังประวิงเวลาให้นายชาติชายอยู่ในตำแหน่งต่อไป แกนนำพรรคจะต้องขอให้นายกฯใช้โควตาของพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อให้นายชาติชายอยู่ในโควตาของพรรคประชาธิปัตย์แทน เพราะถือว่าภท.แสดงความจำนงแล้วว่ าต้องการปรับนายชาติชายออกจากตำแหน่ง

ปชป.สรุปสัมมนาผู้แทน3แนวทาง

นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงที่พรรคประชาธิปัตย์ สรุปผลการสัมมนาส.ส.ที่เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ว่า ที่ประชุมพรรคมีข้อสรุปคือ 1.ให้สมาชิกพรรคที่เป็น ส.ส. ลงพื้นที่รวบรวมความคิดเห็นของประชาชนมานำเสนอต่อรัฐบาล และรวบรวมโครงการใหม่ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนต่อรัฐบาล เพื่อประมวลเป็นโครงการใหม่ๆ ที่รัฐบาลจะสนองตอบต่อประชาชนให้ได้ทันท่วงที 2.ให้ ส.ส.ได้นำข้อมูลจากประชาชนในพื้นที่มาเป็นข้อมูลในการอภิปรายสนับสนุน และแนะนำในการประชุมสภาสมัยวิสามัญที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 15-19 มิถุนายน เพื่อพิจารณางบประมาณปี 2553 3.ให้มีการลงพื้นที่พบประชาชนเพื่อประชาสัมพันธ์โครงการของรัฐบาลที่ได้ทำให้ห้วงเวลาที่ผ่านมา รวมถึงให้สมาชิกพรรคที่เป็น ส.ส.ได้ลงพื้นที่เพื่อขยายฐานสมาชิกของพรรค เพื่อให้พรรคมีฐานสมาชิกที่กว้างขวางและเข้มแข็งมากขึ้น โดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีและเลขาธิการพรรคได้กำชับให้สมาชิกต้องมีผลงานที่เป็นรูปธรรม มีข้อมูลที่ชัดเจนเพื่อนำมาเป็นข้อสรุปให้สมาชิกที่เป็น ส.ส. ก่อนที่จะมีการเปิดประชุมสมัยสามัญนิติบัญญัติสภาผู้แทนราษฎรต่อไป

ส.ส.เพชรฯฮึ่มรอบหน้าต้องเฉลิมชัย

นายอภิชาติ สุภาแพ่ง ส.ส.เพชรบุรี พรรคประชาธิปัตย์ สมาชิกกลุ่มนายเฉลิมชัย กล่าวว่า การสัมมนาส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ที่เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานีที่ผ่านมา นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีและเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ได้ย้ำกับสมาชิกพรรคว่าครั้งนี้จะปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพียง 1 ตำแหน่งคือสัดส่วนของภท.เท่านั้น ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์จะไม่มีปรับเปลี่ยนร้อยเปอร์เซ็นต์ หลักใหญ่ของการจัดสัมมนาครั้งนี้คือเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกพรรคกับรัฐมนตรี เพราะที่ผ่านมารัฐมนตรีบางคนชอบทำตัวเหมือนว่าส.ส.พรรคตัวเองไม่อยู่ในสายตา และมักจะดูแลคนใกล้ตัวก่อน การที่มีข่าวเรื่องกลุ่ม 40 ส.ส.ออกไปจึงเป็นการกระตุ้นเพื่อให้รัฐมนตรีเหล่านี้ เอาใจใส่ส.ส.มากขึ้นเท่านั้น ไม่ใช่การเรียกร้องตำแหน่งแต่อย่างใด

"ขอยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่มีการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ไม่มีการแบ่งกลุ่ม แต่การจัดโผครม.ทุกครั้ง จะยึดตามโควต้าภาค ดังนั้น หากครั้งต่อไปมีการปรับ ครม. โดยเฉพาะมีการปรับนายธีระ สลักเพชร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม และนายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งอยู่ในโควต้าภาคกลางบวกภาคตะวันออก คนที่จะขึ้นเป็นรัฐมนตรีแทนจะต้องเป็นนายเฉลิมชัย นอกจากนี้ยังมีผม และนายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง ที่มีความอาวุโสเท่าเทียมกัน ถ้าพิจารณาตามจำนวน ส.ส.ภาคกลางและภาคตะวันออก มีมากถึง 36 คน จากที่การเลือกตั้งสมัยที่แล้วได้เพียง 9 คน ดังนั้น เห็นว่าโควต้ารัฐมนตรีภาคกลางควรจะเพิ่มจาก 2 คน เป็น 3 คน" นายอภิชาติกล่าว

"สาธิต"โวยพท.ยุแยงปม"กอร์ปศักดิ์"

นายสาธิต ปิตุเตชะ กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ แถลงที่พรรคประชาธิปัตย์ ว่า กระแสข่าวนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี จะย้ายไปร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย มีความชัดเจนแล้วว่าเป็นข่าวปล่อย โดยที่นายกอร์ปศักดิ์ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย ดังนั้น จึงเห็นว่ามีกระบวนการจากคนกลุ่มเดิมที่ใช้หลักวิชาการในการดำเนินการ เป้าหมายสูงสุดคือการล้มล้างรัฐบาล คนกลุ่มนี้ก็ต้องการสร้างความสงสัยและความหวาดระแวงกันเองในพรรคประชาธิปัตย์

นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เท่าที่ได้มีโอกาสพูดคุยกับนายกอร์ปศักดิ์ คิดว่าเป็นยุทธการยุแยงตะแคงรั่วของพรรคเพื่อไทย เนื่องจากมีกระแสข่าวว่าพรรคร่วมรัฐบาลกดดันให้ปรับนายกอร์ปศักดิ์ออกจากตำแหน่งรองนายกฯ จึงใช้โอกาสนี้ยุแยง เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ยังคิดด้วยซ้ำว่าการปล่อยข่าวดังกล่าว เป็นการกลบกระแส พรรคเพื่อไทยหาหัวหน้าพรรคไม่ได้

พท.อ้างมีขบวนการทำยุบพรรค

ขณะที่นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) แถลง ณ ที่ทำการพรรค ถนนพระราม 4 ว่า ทางพรรคมีข้อมูลว่ามีกลุ่มบุคคลที่ไม่หวังดีต่อ ดำเนินการเพื่อที่จะให้พรรคถูกยุบ โดยมีการแสดงพฤติกรรมแอบอ้างกับประชาชนในพื้นที่กทม. นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ เชิญชวนให้ประชาชนสมัครเป็นสมาชิกพรรค โดยมีการจ่ายค่าหัวรายละ 200-300 บาท ทั้งที่พรรคไม่เคยมีนโยบายและคำสั่งใดๆ ให้จ่ายเงินค่าสมัครเป็นสมาชิกพรรค เนื่องจากรู้ว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย และไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่ต้องกระทำการในลักษณะดังกล่าว ทั้งนี้ พรรคได้มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำการดังกล่าวที่ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค เพราะถือเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมือง โดยปราศจากมูลความจริง มีโทษจำคุก ตั้งแต่ 2 ปี ถึง 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 40,000 บาท ถึง 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากผู้กระทำการดังกล่าวเป็นพรรคการเมืองมีโทษถึงถูกยุบพรรค ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 104 โดยในวันที่ 25 พฤษภาคม จะมีการแจ้งความเพื่อเป็นหลักฐาน และจะส่งข้อมูลทั้งหมดให้กับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่าการเป็นการกระทำของกลุ่มบุคคลที่ไม่มีเจตนาดีกับพรรค

เสียงแตกตั้งหน.ใหม่-ใช้คนเก่า

นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า ในวันที่ 31 พฤษภาคม จะมีการประชุมใหญ่พรรคเพื่อขอมติที่ประชุมว่าจะให้มีการเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรคคนใหม่หรือไม่ เพราะขณะนี้ถือว่านายยงยุทธ วิชัยดิษฐ ยังไม่ได้ลาออกจากหัวหน้าพรรค จึงต้องฟังความเห็นจาก ส.ส.พรรค เพราะมีการแบ่งออกเป็นสองกลุ่มคือ กลุ่มหนึ่งต้องการให้มีหัวหน้าที่เป็น ส.ส. เพื่อที่จะได้ทำหน้าที่ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรได้ ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งเห็นว่า ยังไม่จำเป็นที่จะต้องมีผู้นำฝ่ายค้าน เพราะสามารถที่จะรอไปก่อนได้ ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมี ส.ส.จากพรรคอื่นมาร่วมกับ พท.หรือไม่ นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า มี ส.ส.หลายพรรคที่อึดอัดกับการบริหารงานของรัฐบาล มีการต่อสายมายังผู้ใหญ่ของพรรค เพื่อจะมาร่วมเป็นสมาชิกพรรคหากมีการยุบสภา ส่วนใหญ่จะเป็น ส.ส.ภาคเหนือและภาคอีสาน และภาคกลางบางส่วน แต่ไม่มี ส.ส.ในพื้นที่กท.และภาคใต้ "ผมไม่ขอเปิดเผยว่าเป็นใครบ้าง แต่นับว่ามีจำนวนมาก และพรรคพวกจากพรรคพลังประชาชนเดิมบางส่วนที่ย้ายไปอยู่พรรคอื่น ก็จะกลับมาด้วย" นายพร้อมพงศ์กล่าว

ข้องใจข่าว"ชาติชาย"จ่ายค่าเก้าอี้

นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พท. กล่าวว่า มีกระแสข่าวว่านายชาติชาย พุคยาภรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ เสียเงินก้อนโต เพื่อให้ได้ตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ แต่ถูกบางคนใน ภท.อมเงินก้อนดังกล่าวไป จนเป็นที่มาของการถูกปรับออกจากตำแหน่งในครั้งนี้ ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร และเป็นจริงหรือไม่ ตอนนี้ไม่มีใครทราบ อยากให้นายชาติชายชี้แจงก่อนที่จะออกจากตำแหน่ง หากชี้แจงเรื่องนี้หลังหลุดจากตำแหน่งไปแล้ว จะไม่เกิดประโยชน์ต่อการปฏิรูปการเมือง ดังนั้น นายชาติชายต้องกล้าที่จะเปิดเผยข้อเท็จจริง เพื่อให้เกิดการปฏิรูปการเมืองอย่างแท้จริงในประเทศไทย

ตั้งฉายา4รมต."กรณ์กู้ทุกทาง"

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ คณะทำงานโฆษกพท. กล่าวว่า จากการทำงานของรัฐบาลตลอดระยะเวลา 5 เดือนที่ผ่านมา มีประชาชนส่งข้อความ แนวคิด พร้อมมีการตั้งฉายาของรัฐมนตรีเข้ามายังพรรคจำนวนมาก โดย
1.นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มีฉายาว่า "กรณ์กู้ทุกทาง" เพราะมีการเอาเงินใส่กระเป๋าซ้ายของประชาชน และเอาออกทางกระเป๋าขวา โดยการขึ้นภาษีต่างๆ และมีการออก พ.ร.บ. และ พ.ร.ก.กู้เงิน ถึง 8 แสนล้านบาท
2.นายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงทรวงพาณิชย์ มีฉายาว่า "มือปราบเฉพาะกิจ ผิดเวลา" หลังจากที่มีการบุกจับ ซีดีเถื่อนที่พัฒพงษ์ จนเกิดการปะทะกับพ่อค่าแม่ค้าในตลาด
3.นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี มีฉายาว่า "เจ้าคุณละเอียด" เพราะหลายโครงการของพรรคร่วมรัฐบาล นายกอร์ปศักดิ์จะออกมาค้าน จนทำให้พรรคร่วมไม่พอใจ และพยายามแซะออกจากเก้าอี้ และ
4.นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มีฉายาว่า "พรทิวา หนูทนได้" เพราะถือว่ามีความอดทน เพราะถูกกดดันทั้งจากนายกฯ ที่นางพรทิวาระบุว่า 2 มาตรฐาน และถูกกดดันจากในพรรคภูมิใจไทย

ปชป.โต้ไม่สร้างสรรค์-มุ่งให้ร้าย

นายสาธิต ปิตุเตชะ กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า การตั้งฉายา เป็นการค้านแบบไม่สร้างสรรค์ ล้อเลียน และมุ่งให้ร้ายรัฐบาลเท่านั้น ไม่ได้คิดในเชิงวิชาการว่าการจัดทำนโยบายแต่ละเรื่องมีผลกระทบเชิงลบหรือเชิงบวกต่อประชาชนอย่างไรบ้างตัวอย่างเช่น นายอลงกรณ์ ที่นำกลุ่มบุคคลเข้าไปจับสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ ถือเป็นกระบวนการในการต่อรองผลประโยชน์กับนานาชาติในการละเมิดลิขสิทธิ์ เป็นการกระทำที่ถูกต้องเพราะเป็นการจับกุมผู้กระทำผิด ส่วนวิธีการจะเป็นปัญหาบ้างก็ขั้นอยู่กับวิธีการของผู้ปฎิบัติ นายกรณ์ก็เป็นเรื่องของการกู้เงิน ซึ่งทั้งนายกรัฐมนตรี และนายกรณ์ ก็ได้อธิบายถึงสาเหตุความจำเป็นของการกู้เงินมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะขณะนี้ปัญหาเศรษฐกิจกระทบเกือบทั่วโลก นายกอร์ปศักดิ์ก็ถือว่ามีความละเอียดในเรื่องการใช้เงินงบประมาณของประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะหากไม่มีการตรวจสอบการใช้เงินให้ละเอียดชื่อว่ารัฐบาลหรือองค์กรใดๆ ก็คงจะเจ๊ง จึงถือเป็นเรื่องดี ส่วนที่ระบุว่ารัฐบาล 2 มาตรฐานนั้น สังคมจะจับตาดูการดำเนินการของนายอภิสิทธิ์ ว่าได้ดำเนินการ 2 มาตรฐานจริงหรือไม่ และสังคมไทยจะเห็นว่า นายกฯ ปฏิบัติกับประชาชนคนไทยอย่างเท่าเทียมกัน

นายคณวัฒน์ วศินสังวร รองหัวหน้าพรรค พท. กล่าวว่า ขณะนี้ถ้าดูจากข้อมูลความต้องการของ ส.ส.ที่รวบรวมได้จากแบบสอบถาม สส.ส่วนใหญ่ประสงค์จะช่วยงานพรรคในส่วนคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองมากกว่า โดยแทบไม่มีผู้เสนอตัวมาเป็นกรรมการบริหารพรรค โดยขอดูความชัดเจนในส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยเฉพาะอย่างยิ่งมาตรา 237 ก่อน เนื่องจากเกรงว่าอาจจะต้องถูกเว้นวรรค โดย สส.ส่วนใหญ่เห็นว่า ยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องปรับเปลี่ยนคณะกรรมการบริหารพรรคในขณะนี้ อีกทั้งก็ยังไม่ชัดเจนว่าจะมี ส.ส.อาวุโสที่ได้รับการยอมรับ ถูกเสนอชื่อหรือไม่

"ถ้าดูเหตุผลของส.ส.ส่วนใหญ่แล้วก็ยังไม่จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรคและคณะกรรมการบริหารในขณะนี้" นายคณวัฒน์กล่าว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook