เคอิโงะกราบแม่บอกเจอพ่อแล้ว

เคอิโงะกราบแม่บอกเจอพ่อแล้ว

เคอิโงะกราบแม่บอกเจอพ่อแล้ว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เคอิโงะ ได้กำลังใจดี วิ่งรวดเดียว 50 รอบ แก้บนหลวงพ่อเพชรวัดท่าหลวง หลังได้คุยกับพ่อบังเกิดเกล้า กลับถึงบ้านก้มกราบรูปแม่บอก เจอพ่อแล้ว ไม่ต้องห่วง เผยอยากเป็นดารา แต่ขอเล่นหนังเศร้าเหมือนชีวิตจริง บ่นอุบด้วยความไร้เดียงสาไป กทม.เสียดายรายได้จากการขายอาหารปลา ส่วนเด็กตามหาพ่อที่ ชม.ยังมีความหวัง

จากชีวิตที่เหมือนละครของ ด.ช.เคอิโงะ ซาโต อายุ 9 ขวบ ที่ถือภาพถ่ายของนายคัทซูมิ ซาโต บิดาบังเกิดเกล้า ชาวอาทิตย์อุทัยที่พลัดพรากจากกัน โดยหนูน้อยเคอิโงะ ได้ใช้ความเพียรพยายามถามหาเบาะแสบิดาจากนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปกราบไหว้ หลวงพ่อเพชร ที่วัดท่าหลวง พระอารามหลวง จ.พิจิตร กระทั่งได้รับการช่วยเหลือจากสถานทูตญี่ปุ่นและสถานทูตไทย ประสานงานสานฝันให้สองพ่อลูกได้พูดได้คุยกัน โดยนายคัทซูมิยืนยันว่ายังไม่มีครอบครัวใหม่ และจะมาเยี่ยมบุตรชายอย่างแน่นอน ทำให้หนูน้อยเคอิโงะยิ้มกริ่มด้วยความดีใจ พร้อมกล่าวกับรูปถ่ายของแม่ที่ล่วงลับไปแล้วว่า "แม่จ๋าหนูเจอพ่อแล้ว พ่อบอกว่า พ่อจะมาหาเราที่พิจิตรและจะมาทำบุญให้แม่ แม่ไม่ต้องเป็นห่วงหนูแล้ว" ตามข่าวที่นำเสนอไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 24 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ช่วงเช้า ด.ช.เคอิโงะ ได้ตื่นนอนแต่เช้าเพื่อจัดเตรียมอาหารปลาออกไปขายให้กับนักท่องเที่ยวที่วัด ท่าหลวง พระอารามหลวง พร้อมนำเครื่องเซ่นไหว้ไปแก้บนกับหลวงพ่อเพชร พระคู่บ้านคู่เมืองของชาวพิจิตร โดย ด.ช.เคอิโงะ ได้แต่งกายในชุดกีฬา ไม่สวมรองเท้า ได้วิ่งแก้บนรอบพระอุโบสถที่วัดท่าหลวงพระอารามหลวง 50 รอบ ท่ามกลางชาวบ้านที่ทราบข่าวต่างมายืนปรบมือให้กำลังใจนับร้อยคน ซึ่งในครั้งแรก ด.ช.เคอิโงะ ตั้งใจจะวิ่งแบบผ่อนส่งคือวิ่งวันละ 20 รอบ 3 วัน แต่พอมีแรงใจจากประชาชนนับร้อย ทำให้ตัดสินใจวิ่งจนครบ 50 รอบ รวมระยะทาง 2,500 เมตร หรือ 2.5 กม. จากนั้น ด.ช.เคอิโงะ ได้เข้าไปด้านในพระอุโบสถก้มกราบหลวงพ่อเพชรพร้อมพูดว่า "หนูเจอพ่อแล้ว ขอขอบคุณหลวงพ่อเพชรที่ช่วยหนู วันนี้หนูได้มาวิ่งครบ 50 รอบตามที่สัญญาแล้วครับ"

ด.ช.เคอิโงะ กล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า หลังจากที่ตนต้องเดินทางเข้ากรุงเทพฯ รู้สึกเสียดายรายได้จากการขายของ เช้าวันเดียวกันนี้จึงได้รีบลุกขึ้นมาเตรียมของ และวิ่งแก้บนให้หลวงพ่อเพชร ส่วนเรื่องที่มีผู้สนใจติดต่อให้เป็นดารานั้น ตนอยากเป็นมากแต่ต้องเป็นหนังประเภทชีวิตเศร้า ๆ ที่ตรงกับชีวิตจริงของตน และต้องถ่ายทำที่ จ.พิจิตร ถ้าหากไปที่อื่นต้องมีป้าไปด้วย เพราะเป็นห่วงป้า กลัวไม่มีใครช่วยขายของ



ส่วนกรณี น.ส.นารูมิ ฮามาดะ อายุ 18 ปี ลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น นักเรียนชั้น ปวช.ปี 2 วิทยาลัยอาชีวศึกษา จ.เชียงใหม่ ร้องเรียนผู้สื่อข่าวให้ช่วยตามหานายเรียวอิชิ ฮามาดะ ชาว เมืองฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น พนักงานขับรถ บริษัทโตโยต้าที่กรุงโตเกียว บิดาบังเกิดเกล้าที่พลัดพรากจากกันนานกว่า 13 ปี และ ด.ช. ยามาโตะ นิอึมือระ หรือน้อง "แต่แต๊" อายุ 10 ขวบ เด็กนักเรียนชั้น ป.4 รร.เทศบาลวัดพวกช้าง อ.เมืองเชียงใหม่ ที่ออกตามหาพ่อชาวญี่ปุ่นที่ชื่อนายมาซาโตะ นิอึมือระ อายุประมาณ 30 ปี ซึ่งทอดทิ้งลูกไปตั้งแต่อายุได้เพียง 2 เดือนนั้น

ความคืบหน้าวันเดียวกันนี้ น.ส.นารูมิ มาเปิดเผยว่า รู้สึกมีความหวังมากขึ้นกว่าเดิมมาก ตนดูน้องเคอิโงะ เป็นแบบอย่าง เขาลำบากมาหลายปีกว่าจะสำเร็จ แต่เราก็เพิ่งเริ่มต้นก็ต้องรอต่อไป ตนหวังว่าจะได้คุยได้พบกับพ่อเหมือนน้องเขาบ้างเท่านั้น ความช่วยเหลืออื่น ๆ ที่ทางจังหวัดและทางโรงเรียนดำเนินการให้กับตนนั้น ขอขอบคุณทุกคนมาก แต่เป้าหมายอยู่ที่การได้เจอพ่อเท่านั้น

ส่วนนางปิยะฉัตร อาหมัด อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 31/2 ถนนเวียงพิงค์ ต.ช้างคลาน ที่อุปการะ ด.ช.ยามาโตะ เปิดเผยว่า ตนยังให้การเลี้ยงดูอุปการะน้องยามาโตะต่อไป ระหว่างรอผลที่ทางสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดพิจิตร ได้ประสานงานติดต่อหาเบาะแสบิดาของ ด.ช.ยามาโตะ.

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook