กฎเหล็กมหาเถร คุมพระอาบแดด

มหาเถรฯประชุมเตรียมทำหนังสือแจ้งเจ้าคณะกวดขันดูแลพระเณรในสังกัด ประ กาศกฎเหล็ก5 ข้อดูแลพระ-เณรทั่วประเทศ พร้อมประสานหน่วยราชการ องค์กรท้องถิ่นเป็นหูเป็นตา ถ้าพบเห็นเรื่องไม่เหมาะสมให้แจ้งพระผู้ใหญ่ไปนำตัวออกมาได้ทันที

จากกรณีที่ได้มีการฟอร์เวิร์ดเมล์ภาพพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของพระสงฆ์ เดินทางไปพักร้อนตากอากาศที่เกาะหวายปะการัง รีสอร์ต จ.ตราด โดยใช้ชีวิตสนุกสนานแบบฆราวาสทั่วไป เช่น เล่นน้ำ เตะฟุตบอลชายหาด พายเรือคายัค ทำให้ผู้พบเห็นทนดูไม่ได้ แอบถ่ายพฤติกรรมไม่ถูกต้องดังกล่าวมาทำเป็น ฟอร์เวิร์ดเมล์ส่งต่อๆ กันเพื่อประจาน ล่าสุดพบว่าเป็นพระวัดใหญ่ มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง ใน จ.ปทุมธานี ตามที่เสนอไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 29 พ.ค. ที่พุทธมณฑล จ.นครปฐม นายอำนาจ บัวศิริ ผอ. สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เปิดเผยว่าที่ประชุมมหาเถรสมาคมวันนี้ ได้รับทราบเรื่องกรณีกลุ่มพระที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมเดินทางไปพักร้อนตากอากาศที่รีสอร์ต จ.ตราด ตามที่เป็นข่าวนั้น โดยที่ประชุมมหาเถรฯ แสดงความเป็นห่วงต่อพฤติกรรมของพระสงฆ์กลุ่มดังกล่าว ซึ่งคาดว่าส่วนใหญ่จะเป็นพระภิกษุหรือสามเณรที่มีวุฒิภาวะทางโลกน้อย ทำให้มิได้มีความระมัดระวังต่อการวางตัวให้เหมาะสมกับสมณสารูป

นายอำนาจกล่าวอีกว่า ทั้งนี้ ที่ประชุมมหาเถรฯ มอบหมายสำนักพุทธฯ นำประกาศคณะสงฆ์ เรื่องห้ามพระภิกษุสามเณรพักแรมในสถานที่เป็นที่รังเกียจทางพระวินัย และทำหนังสือแจ้งไปที่เจ้าคณะจังหวัดทุกจังหวัด ให้นำประกาศคณะสงฆ์ดังกล่าว เน้นย้ำให้พระสังฆาธิการทั่วประเทศ ได้นำไปปฏิบัติและให้ช่วยกวดขันสอดส่องดูแลความประพฤติของพระภิกษุ-สามเณร ในสังกัด อีกทั้งยังขอให้เจ้าคณะจังหวัดทุกจังหวัด ประสานขอความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายปก ครองในท้องที่ แจ้งเตือนไปยังเจ้าของสถานที่พักโรงแรมหรือรีสอร์ต ในพื้นที่รับผิดชอบ ให้ช่วยกันสอดส่องดูแล หากมีพระสงฆ์เข้าพักสถานที่นั้นๆ ให้แจ้งไปที่เจ้าคณะชั้นผู้ใหญ่ในท้องถิ่นซึ่งอยู่ในเขตนั้น นำพาพระภิกษุเข้าไปจำวัดในวัดที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงทันที เพื่อความเหมาะสม

ประกาศของคณะสงฆ์ เรื่องห้ามพระภิกษุสามเณรพักแรมในสถานที่เป็นที่รังเกียจทางพระวินัย มีผลบังคับใช้มาตลอด แต่ในบางครั้ง พอไม่มีเหตุการณ์ความผิดเกิดขึ้น คำสั่งก็มักจะไม่ได้รับความสำคัญ ในแง่การปฏิบัติก็จะย่อหย่อนวินัยลงไปบ้าง ดังนั้น จำเป็นที่คำสั่งจะต้องได้รับการเน้นย้ำอยู่เป็นประจำ ส่วนในเรื่องกรณีพระเดินทางไปพักร้อนที่รีสอร์ต จ.ตราด นั้น พระผู้ใหญ่ในที่ประชุมมหาเถรฯ ท่านเห็นว่าพระที่มีความประพฤติไม่เหมาะสม น่าจะเป็นพระหรือสามเณรที่มีวุฒิภาวะน้อย อาจขาดความสำรวมไปบ้าง ตรงนี้ก็ขอให้เจ้าอาวาสทุกวัดช่วยดูแลสอดส่องกันด้วย ผอ.สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม กล่าว

สำหรับประกาศคณะสงฆ์ เรื่องห้ามพระภิกษุสามเณรพักแรมในสถานที่เป็นที่รังเกียจทางพระวินัย มีใจความว่า ด้วยปรากฏ พุทธศาสนิก ชนผู้เสื่อมใสในพระพุทธศาสนาได้ตำหนิติเตียนพระภิกษุสามเณรผู้พักแรมในโรงแรมซึ่งทางคณะสงฆ์ได้วางระเบียบห้ามไว้ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2486 หรือในสถานที่พักตากอากาศสาธารณะของคฤหัสถ์ชายหญิง เพราะสถานที่เช่นนั้นเป็นที่พักของคฤหัสถ์ชายหญิง ไม่สมควรที่พระภิกษุสามเณรจะเข้าไปพักแรมร่วมสถานที่เดียวกัน อันเป็นที่น่ารังเกียจทางพระวินัยพุทธบัญญัติ ดังนั้น มหาเถรสมาคม จึงมีมติให้ประกาศ ดังต่อไปนี้

1.ห้ามพระภิกษุสามเณรมิให้เข้าไปพักแรมในโรงแรม ซึ่งเป็นที่พักแรมของคฤหัสถ์ชายหญิงหรือในสถานที่พักตากอากาศสาธารณะของคฤหัสถ์ชายหญิง 2.ถ้าพระภิกษุสามเณรผู้เดินทางจำเป็นต้องพักแรมในระหว่างเดินทาง ก็ให้เข้าไปขออาศัยพักแรมในวัดใกล้เคียง หรือในสถานที่ซึ่งควรแก่สมณะ ที่จัดไว้สำหรับพระภิกษุสามเณรโดยเอกเทศ อันไม่เป็นที่รังเกียจทางพระวินัย 3.พระภิกษุสามเณรผู้เดินทาง ต้องปฏิบัติให้สมควรแก่ความเป็นพระภิกษุสามเณรที่ดี ตามทางพระวินัยให้สนใจเอื้อเฟื้อในคมิกวัตรและอาคันตุกวัตร เมื่อเข้าไปขออาศัยพักแรมในวัดใดๆ จงปฏิบัติให้ชอบด้วยกติกาของวัดนั้นๆ

4.ถ้าปรากฏว่าพระภิกษุสามเณรเข้าไปพักแรมในโรงแรมที่พักของคฤหัสถ์ชายหญิงก็ดี ในสถานที่พักตากอากาศสาธารณะของคฤหัสถ์ชายหญิงก็ดี ให้เจ้าอาวาสหรือเจ้าคณะท้องถิ่นซึ่งอยู่ในเขตนั้น จัดการให้พระภิกษุ-สามเณร ผู้ละเมิดประกาศนี้ ออกไปจากสถานที่เช่นนั้น

4.1) ถ้าพระภิกษุ-สามเณรนั้น ไม่เชื่อฟัง ให้เจ้าอาวาสหรือเจ้าคณะท้องถิ่นซึ่งอยู่ในเขตพื้นที่นั้นๆ ขออารักขาทางบ้านเมืองในฐานล่วงละเมิดประกาศคณะสงฆ์ และจัดการให้เป็นไปโดยชอบด้วยประกาศนี้

4.2) ถ้าพระภิกษุ-สามเณรนั้น ประพฤติเสียหายทางพระวินัย ให้เจ้าอาวาสหรือเจ้าคณะท้องถิ่นซึ่งอยู่ในเขตนั้น จัดการให้เป็นไปโดยชอบด้วยพระวินัยพุทธบัญญัติและอาณัติคณะสงฆ์ แล้วรายงานให้เจ้าคณะชั้นผู้ใหญ่ทราบตามลำดับ

5.ให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ขอความร่วมมือกระทรวงมหาดไทย แจ้งประกาศคณะสงฆ์นี้ ให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองท้องถิ่น และขอความร่วมมือกับผู้จัดการโรงแรมและผู้จัดการสถานที่พักตากอากาศสาธารณะ เพื่อให้ประกาศคณะสงฆ์ได้ธำรงไว้ซึ่งความเลื่อมใสจากพุทธศาสนิกชนสืบไป