ป้าช้วนกอดคอเพื่อนบ้านนับร้อยชีวิตร้องไห้ โดนติดป้ายไล่ที่อีกรอบ ทั้งที่ได้รับพระกรุณาฯ

ป้าช้วนกอดคอเพื่อนบ้านนับร้อยชีวิตร้องไห้ โดนติดป้ายไล่ที่อีกรอบ ทั้งที่ได้รับพระกรุณาฯ

ป้าช้วนกอดคอเพื่อนบ้านนับร้อยชีวิตร้องไห้ โดนติดป้ายไล่ที่อีกรอบ ทั้งที่ได้รับพระกรุณาฯ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

น้ำตานองหน้าป้าช้วนและเพื่อนบ้านกว่า 100 ชีวิต หลังกรมชลประทานปิดประกาศไล่ที่ เดิมใช้ชีวิตอยู่ตรงนี้มากว่า 30 ปี จนได้รับพระกรุณาจากทูลกระหม่อมหญิงฯ แต่สุดท้ายเรื่องพลิกผันอีกรอบ

ป้ายประกาศของโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาผักไห่ ได้นำมาติดตั้งบริเวณริมคลองชลประทาน หมู่ที่ 4 ต.ป่าโมก อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง สร้างความตกใจให้กับ คุณยายช้วน อายุ 72 ปี และชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณดังกล่าว ทั้ง 33 ครอบครัวกว่า 160 คน หลังโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาผักไห่ มีหนังสือส่งมาให้รื้อถอนบ้านออกภายใน 3 เดือน เนื่องจากบุกรุกที่สาธารณะ ทั้งที่ทั้งหมดอยู่อาศัยกันมากว่า 30 ปี และพื้นที่ดังกล่าวทางชลประทานไม่ได้ดำเนินการใช้งานแต่อย่างใด

นางสาวอรสา หนึ่งในชาวบ้านที่พักอาศัยอยู่บริเวณดังกล่าว เปิดเผยว่า ชาวบ้านทั้งหมดอาศัยอยู่บริเวณนี้มานานแล้ว มีปัญหาเรื่องถูกไล่ที่มาหลายครั้ง จนกระทั่งเมื่อปี 2559 ดร.มนัส โนนุช กรรมการและผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน มูลนิธิมิราเคิล ออฟไลฟ์ฯ ในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ เป็นผู้แทนพระองค์ นำสิ่งของพระราชทานมายังครอบครัวของคุณยายช้วน และบอกว่าให้ทั้งหมดอาศัยอยู่บริเวณนี้โดยจะไม่มีการไล่ที่ไปตลอดชีวิต

โดยในวันนั้นมีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่หลายคนมาด้วย โดยท่านได้บอกว่าอยากให้ทั้งหมดซึ่งเป็นผู้ด้อยโอกาสให้มีที่อยู่ไม่ต้องไปเร่ร่อน โดยให้ทางชลประทานคืนพื้นที่นี้ให้ราชพัสดุและจัดแบ่งให้กับทั้งหมดอยู่อาศัย แต่ปรากฏว่าเมื่อหลายวันก่อนก็มีคนบอกว่าเป็นเจ้าหน้าที่ชลประทานเดินทางมาเรียกให้มาเซ็นรับหนังสือ ซึ่งส่วนใหญ่ชาวบ้านอ่านหนังสือแทบไม่ออกอยู่แล้ว จึงได้เซ็นชื่อรับกันมา

จนกระทั่งช่วงเย็น ลูกหลานที่อ่านหนังสือได้กลับมาบ้าน แล้วอ่านให้ทั้งหมดฟัง ทำให้ทุกคนต่างรู้สึกตกใจและไม่รู้ว่าทำไมถึงถูกไล่ที่อีกแล้ว

เช่นเดียวกับ นางสาวน้ำอ้อย อายุ 45 ปี บอกว่า พวกตนอาศัยอยู่ที่นี่มากว่า 30 ปีแล้ว เมื่อเดือนที่แล้วชลประทานก็เพิ่งมาวัดที่บอกว่าจะดำเนินการจัดแบ่งและเก็บค่าเช่า ไม่คิดว่าจะมาเกิดการไล่ที่อีก พอทราบเรื่องก็กินไม่ได้นอนไม่หลับไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร เพราะไม่มีที่ไปแล้ว ไม่รู้จะไล่เราไปถึงไหน ทั้งที่พวกเราก็ไม่มีทีไป ตอนนี้ขอยอมตายกันอยู่ที่นี่ จะฆ่าจะแกงเราก็มาเลยเราจะไม่หนีไปไหน

นางวันทนา อายุ 37 ปี ชาวบ้านอีกคนหนึ่งซึ่งอาศัยอยู่บริเวณดังกล่าวบอกว่าหลังทราบเรื่องได้เดินทางไปพบปลัดเทศบาลตำบลป่าโมกและ นางเบญจวรรณ ฟักแก้ว นายอำเภอป่าโมก เพื่อขอความช่วยเหลือ โดยทั้งหมดบอกให้รอคำสั่งจากชลประทานเพีนงอย่างเดียวเท่านั้น ทำให้ชาวบ้านต่างหวดผวาว่าจะถูกไล่ที่จึงอยากให้มีคนมาช่วยเหลือ

ขณะที่ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยัง นายจำนงค์ ธรรมสอน ผอ.โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาผักไห่ ถึงกรณีดังกล่าว พร้อมกับเปิดเผยว่า ได้นำหนังสือไปแจ้งให้ชาวบ้านทั้งหมดรื้อถอนออกจากพื้นที่ชลประทานจริง เนื่องจากมีหนังสือสั่งการจากจังหวัดอ่างทองว่ามีผู้มาร้องเรียนถึงพื้นที่ดังกล่าวมีการบุกรุกพื้นที่ชลประทานและมีการสร้างความเดือดร้อน

ทั้งนี้ ตนก็ต้องทำตามกฎหมาย ส่วนกรณีที่เคยมีข้อสั่งการจากอธิบดีกรมชลประทานคนก่อน ถึงการให้ดำเนินการคืนพื้นที่บริเวณนี้ให้กรมธนารักษ์นำไปดำเนินการจัดที่อยู่อาศัยให้กับประชาชนทั้ง 33 ครอบครัวนั้น ตนทราบดี แต่หลังจากปี 2559 มามีการดำเนินการประชุมทั้งผู้แทนจากกรมธนารักษ์ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และชลประทานแต่เรื่องก็ยังไม่ไปถึงไหน ประกอบกับมีคำสั่งจากทางจังหวัดให้ดำเนินการตามข้อร้องเรียน ตนจึงจำเป็นต้องดำเนินการ

news19-1

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามเรื่องดังกล่าวไปยัง นางเบญจวรรณ ฟักแก้ว นายอำเภอป่าโมก ซึ่งนายอำเภอป่าโมกแจ้งว่าขอดูรายละเอียดในเรื่องดังกล่าวก่อน โดยปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว

สำหรับชุมชนริมคลองชลประทานดังกล่าวนั้น เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2559 ที่ผ่านมา ดร.มนัส โนนุช กรรมการและผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน มูลนิธิมิราเคิล ออฟไลฟ์ฯ ในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ เป็นผู้แทนพระองค์ นำสิ่งของพระราชทานมายังครอบครัวของคุณยายช้วน โดยมี นายปริญญา เขมะชิต นายอำเภอป่าโมก จ.อ่างทอง ในขณะนั้น เจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดอ่างทอง ผอ.ศูนย์คุ้มครองไร้ที่พึ่ง บ้านพักเด็กและครอบครัว เจ้าหน้าที่ชลประทานและเจ้าหน้าที่จากสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เดินทางมาร่วมด้วยและได้พูดคุยกับชาวบ้า

โดยระบุว่า ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงมีความห่วงใยจึงได้พระราชทานสิ่งของมาให้ยายช้วน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและทรงให้มูลนิธิข้อมูลเพื่อนำไปหาทางช่วยเหลือต่อไป ซึ่งคุณยายช้วนถือว่าเป็นผู้ริเริ่มจุดประกายให้ชุมชนของยายช้วนที่อาศัยอยู่ในที่ของชลประทานจำนวน 25 ครัวเรือน จะได้มีที่อยู่ที่ทำกิน โดยสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จะไปประชุมหาแนวทางหาที่อยู่บ้านตามโครงการบ้านมั่นคงให้กับ 25 ครอบครัวตรงนี้ได้มีชีวิตที่ดีขึ้น

ซึ่งหลังจากผู้แทนพระองค์เดินทางกลับไป มีการประชุมวางแนวทางกันจนถึงชั้นรังวัดพื้นที่เพื่อคืนให้กับกรมธนารักษ์และนำไปจัดสรรให้กับทั้งหมดตามพระประสงค์ของทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญาฯ แล้ว แต่ปรากฏว่าในวันนี้โดนไล่ให้ออกจากพื้นที่อีกครั้ง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook