สาวสุพรรณฯ กุมขมับ ทำหมันแล้วแต่ดันป่อง ต้องอุ้มท้องลูกคนที่ 6

สาวสุพรรณฯ กุมขมับ ทำหมันแล้วแต่ดันป่อง ต้องอุ้มท้องลูกคนที่ 6

สาวสุพรรณฯ กุมขมับ ทำหมันแล้วแต่ดันป่อง ต้องอุ้มท้องลูกคนที่ 6
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สาวสุพรรณฯ ช็อกหลังผ่าท้องคลอดลูก-ทำหมัน แต่ดันตั้งท้อง 2 เดือน ลูกคนที่ 6 โร่ร้องศูนย์ดำรงธรรม จี้หมอ-โรงพยาบาลรับผิดชอบ พร้อมแจ้งความดำเนินคดี

(20 มี.ค.) นายจักรกิจ และ น.ส.กัณจนา สามีภรรยาชาว จ.สุพรรณบุรี ได้เข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับ นายธีระ โรจนประดิษฐ์ ผอ.ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอสองพี่น้อง และ นายศุภโชค วณิชชาพลอย ปลัดฝ่ายความมั่นคงอำเภอสองพี่น้อง เนื่องจาก น.ส.กัณจนา ได้ทำการฝากท้องพิเศษและทำหมันกับสูตินรีเวชกรรมโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง แต่ปรากฏพบว่าตั้งครรภ์ได้ 2 เดือน จึงสงสัยในการทำงานของแพทย์ เหตุใดทำหมันแล้วจึงตั้งครรภ์ได้อีก แทนที่หมอจะแสดงความรับผิดชอบ แต่กลับแนะนำให้เพียง 2 ทาง คือ อุ้มท้องต่อไปหรือทำแท้ง

น.ส.กัณจนา เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 17 มีนาคมที่ผ่านมา ตนรู้ว่าไม่ค่อยสบายและมีอาการวิงเวียนศีรษะอยู่บ่อยครั้ง ประกอบกับประจำเดือนขาดไป 2 เดือนแล้ว รวมทั้งรู้สึกว่าหน้าอกและท้องโตขึ้นมา มีอาการเหมือนกับตั้งท้อง จึงได้ไปพบที่คลินิกในเขตเทศบาลเมืองสองพี่น้อง ซึ่งเป็นคลินิกที่ใช้บริการฝากครรภ์พิเศษทุกครั้ง

เมื่อหมอตรวจเบื้องต้นก็พบว่า ตนกำลังตั้งครรภ์ลูกคนที่ 6 จึงรู้สึกตกใจมากเพราะไม่คิดว่าจะตั้งครรภ์อีกแล้ว โดยก่อนหน้านี้ประมาณปีเศษ ตนเพิ่งคลอดบุตรคนที่ 5 ซึ่งทำการผ่าคลอด และหลังจากนั้นได้ตัดสินใจทำหมันไปเรียบร้อย จากสูตินรีเวชกรรมที่โรงพยาบาล ตนจึงรู้สึกสงสัยในการทำงานของแพทย์ว่า เหตุใดจึงทำให้หมันถึงหลุดได้

ประกอบกับตนมีลูกแล้ว 5 คน เสียชีวิตไปแล้ว 3 คน ตอนนี้เหลือลูกเพียง 2 คน ส่วนสามีก็เพิ่งตกงาน ทำให้ตนต้องหาเลี้ยงครอบครัวเพียงคนเดียว รายได้ต่อเดือนประมาณ 6,000 บาท มีหนี้สินจากการกู้ยืมด้วย และเป็นหนี้นอกระบบ และต้องมีภาระดูแลลูก 2 คน ทั้งค่าเล่าเรียน ค่านมผง ค่าใช้จ่ายในครอบครัว ประสบภาวะยากลำบาก รับจ้างขายข้าวมันไก่ ค่าแรงรายวัน 300 บาท

หากวันไหนไม่สบาย หรือหยุดงาน ก็จะไม่มีรายได้ ต้องแบกรับภาระครอบครัว แต่กลับต้องมาตั้งครรภ์อีก และสุขภาพร่างกายก็ไม่แข็งแรง ทำให้เสียโอกาสในทำงานได้ แทนที่หมอจะแสดงความรับผิดชอบ กลับให้คำแนะนำให้เพียง 2 วิธี คือ อุ้มท้องต่อไปจนคลอด หรือทำแท้งเอาเด็กออก

หลังจากสอบถามได้ทราบรายละเอียดและได้ข้อมูลเบื้องต้น นายธีระ โรจนประดิษฐ์ ผอ.ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอสองพี่น้อง นายศุภโชค วณิชชาพลอย ปลัดอำเภอสองพี่น้อง ได้พาผู้เสียหายไปพบกับ นพ.ศุภฤทธิ์ เฮงคราวิทย์ ผอ.รพ.สมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 17 และ น.พ.สุเทพ สุทัศนทรวง สูตินรีเวชกรรม เพื่อขอทราบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น แต่แพทย์ทั้ง 2 คน ติดราชการด่วน มีเพียงเจ้าหน้าที่ชุดเจรจาไกล่เกลี่ยเข้ามาพบ พร้อมรับเรื่องไว้แทน โดยรับปากว่าจะทำเรื่องเสนอการเยียวยา จากสำนักงาน สป.สช.ให้เท่านั้น ซึ่งใช้เวลาตามระบบประมาณ 120 วัน

จากนั้นผู้เสียหายได้เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ พ.ต.อ.กฤศ จันทร์สว่าง ผกก.สภ.สองพี่น้อง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook