หนุ่มขายประกันเครียดโรครุมเร้า ตัดสินใจกระโดดตึกจบชีวิต

หนุ่มขายประกันเครียดโรครุมเร้า ตัดสินใจกระโดดตึกจบชีวิต

หนุ่มขายประกันเครียดโรครุมเร้า ตัดสินใจกระโดดตึกจบชีวิต
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

17 มิถุนายน 2562 เวลา 04.30 น. เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยสว่างเมตตานครราชสีมา ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่ามีคนกระโดดตึกเสียชีวิต บริเวณถนนหนองบัวรอง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา จึงได้ประสาน ร.ต.อ.ศุภณัฐ สิงห์สุวรรณ ร้อยเวร สภ.เมืองนครราชสีมารุดไปที่เกิดเหตุพร้อมด้วยหน่วยแพทย์ฉุกเฉิน โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา

ในที่เกิดเหตุเป็นอพาร์ทเม้นท์ 5 ชั้น พบศพชายไทยวัยกลางคน สวมกางเกงขาสั้น ไม่สวมเสื้อ นอนเสียชีวิตอยู่ข้างอพาร์ทเม้นท์ จากการตรวจสอบพบร่องรอยที่บริเวณศีรษะมีแผลฉกรรจ์จากการกระแทกกับพื้นปูนซีเมนต์

เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจค้นภายในห้องที่ผู้ตายเช่าพักอาศัย ไม่พบร่องรอยการต่อสู้ใดๆ พบแต่เพียงรอยเท้าบริเวณดาดฟ้า คาดว่าเป็นรอยเท้าผู้ตายปีนมากระโดดลงไปชั้นล่าง เจ้าหน้าที่จึงได้นำศพส่งไปชันสูตรที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา

สอบถามนางสาวศิริพร พี่สาวผู้ตาย เปิดเผยว่า ผู้ตายชื่อนายพรเทพ อายุ 59 ปี ทำงานอยู่ที่บริษัทประกันภัยแห่งหนึ่ง มีสำนักงานอยู่ในพื้นที่ อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา ซึ่งได้มาเช่าอพาร์ทเม้นท์พักมานานหลายปีแล้ว โดยพักอาศัยอยู่คนเดียวเนื่องจากไม่มีภรรยาและลูก

ก่อนหน้านั้นน้องชายของตนเองมีโรคประจำตัวอย่างเช่น โรคไต ความดันโลหิตสูง และหัวใจรั่ว เป็นต้น ต้องไปหาแพทย์ที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาเป็นประจำ หลายครั้งเคยบ่นว่ารู้สึกท้อแท้กับชีวิต และไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกแล้ว ซึ่งตนเองก็ได้แต่ปลอบใจและแวะเวียนมาหา เพื่อให้กำลังใจอย่างสม่ำเสมอ

ต่อมาวันนี้ตนเองกำลังจะเดินทางมารับน้องชาย เพื่อไปพบแพทย์ตามนัด ปรากฏว่าเห็นเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยและเจ้าหน้าที่ตำรวจมาที่อพาร์ทเม้นท์จำนวนมาก เมื่อวิ่งไปดูจึงพบว่าน้องชายได้ตัดสินใจกระโดดตึกฆ่าตัวตายเสียแล้ว สร้างความเศร้าโศกเสียใจเป็นอย่างมาก

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่า ผู้ตายคงจะเป็นโรคซึมเศร้า จากการป่วยเป็นหลายโรค ประกอบกับอยู่คนเดียวจนเกิดอาการเครียด และตัดสินใจกระโดดตึกฆ่าตัวตายในที่สุด ถึงอย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จะได้ทำการสอบสวนผู้ดูแลอพาร์ทเม้นท์ เพื่อนข้างห้อง และญาติ เพื่อหาสาเหตุของการเสียชีวิตที่แท้จริงในครั้งนี้ต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook