เซียนพระดังน้ำตาตกใน หลังอดีตเมียหอบ 16 ล้านหนี ล่าสุด ขอแบ่งสมบัติเป็น 3 ส่วน

เซียนพระดังถึงกับน้ำตาตกในบอกแอบร้องไห้เป็นครั้งแรก หลังอดีตภรรยาหอบ 16.3 ล้านหนี แถมยังจะมาขอแบ่งทรัพย์สินเพิ่มเป็น 3 ส่วน เชื่อมีมือที่ 3 เป็นชนวนเหตุ ก่อนเตรียมให้ฝ่ายเจ้าหน้าที่บ้านเมืองเดินหน้าดำเนินคดีพิสูจน์สิทธิ์กันไปตามกระบวนการทางกฎหมาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (20 มิ.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. น.ส.ฐิติรัชช อายุ 42 ปี อดีตภรรยาของ "ตั้มแปดริ้ว" เซียนพระชื่อดังในวงการอนุรักษ์พระเครื่องไทย พร้อมทนายความและผู้ติดตามรวม 7-8 คน ได้เดินทางมาเข้าพบ ร.ต.อ.สุริยันต์ แก้วพิฑูลย์ รองสารวัตรเวรสอบสวน สภ.พนมสารคาม พนักงานสอบสวนเจ้าของคดีตามหมายเรียกแล้ววันนี้

หลังจากถูกนายกิตติ พจนานุภาพ อายุ 38 ปี หรือ "ตั้มแปดริ้ว" นายกสมาคมจิตรางค์คนางค์อนุรักษ์พระเครื่องไทย และทายาทเจ้าของกิจการปั๊มน้ำมันชื่อดังย่าน อ.พนมสารคาม (ชวาลกิต) รวมถึงธุรกิจรถบรรทุกขนส่งสินค้า เข้าแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีในข้อหา "ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะในการหลบหนี" พร้อมกับแม่ยาย เมื่อวันที่ 28 พ.ค.62 ที่ผ่านมา

หลังจากอดีตภรรยาได้หลบหนีหายออกจากบ้านไป เมื่อคืนวันที่ 27 พ.ค.62 พร้อมพระเครื่องเนื้อพิเศษและเนื้อทองคำมูลค่าหลายสิบล้านบาท ที่เก็บอยู่ภายในตู้เซฟในห้องนอนชั้น 2 ของบ้าน ตั้งอยู่ที่ ม.1 ต.พนมสารคาม อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา รวมถึงเงินสดจากบัญชีธนาคาร 4 บัญชี จำนวน 11 ล้านบาท ถูกทยอยกดออกจากตู้เงินด่วนสูญหายไปจากบัญชีเกือบหมดตามที่ได้มีการนำเสนอข่าวไปแล้วก่อนหน้านี้

>> "ตั้ม แปดริ้ว" ทายาทเศรษฐี-เซียนพระชื่อดัง ถูกอดีตเมียยกเค้าตู้เซฟ 16.3 ล้าน

จากนั้นในเวลา 10.40 น. นายกิตติ หรือ เซียนตั้มแปดริ้ว จึงได้เดินทางเข้ามายังที่ สภ.พนมสารคาม โดยพนักงานสอบสวนได้เชิญตัวเข้าไปทำการพูดคุยยังภายในห้องทำงานของ พ.ต.ท.สมคราม ปั้นเอี่ยม รอง ผกก.สอบสวน สภ.พนมสารคาม ก่อนที่จะเชิญทางฝ่ายอดีตภรรยาพร้อมด้วยบุตรชายวัย 11 ปี เข้าไปร่วมพูดคุยด้วย เพื่อให้ทำการเจรจาไกล่เกลี่ยตกลงกันก่อน หลังการเจรจาผ่านไปนานกว่า 1 ชม. ทั้งสองฝ่ายกลับไม่สามารถที่จะตกลงกันได้

โดยนายกิตติ กล่าวว่า ถึงตอนนี้ทราบแล้วว่ามีเพียงเรื่องเดียวเท่านั้นที่ทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งเปลี่ยนแปลงและคิดจะตีจากผู้ชายไปได้ถึงขนาดนี้ ทั้งที่ตนไม่เคยรู้ระแคะระคายมาก่อนเลย โดยตนมุ่งแต่ทำงานและเมื่อได้เงินมาก็มีแต่ส่งให้ทางฝ่ายภรรยา ไม่เคยเก็บไว้เองเลยเพราะความไว้ใจ จนมาถึงตอนนี้เขาได้ทำให้ตนที่ไม่เคยร้องไห้ให้ใครเห็นเลย ต้องมานอนร้องไห้เป็นครั้งแรกในชีวิต

โดยในการเจรจา ทางฝ่ายอดีตภรรยายังจะมาขอแบ่งทรัพย์สินที่มีอยู่ออกเป็นสามกองเท่าๆ กัน โดยกองหนึ่งให้เป็นของฝ่ายอดีตภรรยา กองหนึ่งแบ่งให้ลูก และอีกกองหนึ่งแบ่งให้ตน ซึ่งตนยอมไม่ได้ เนื่องจากผิดไปจากคำพูดเดิมที่อดีตภรรยาเคยบอกไว้ว่าไม่เคยต้องการอะไรเลย แต่พอมาถึงตอนนี้กลับจะมาเอาจะมาขอแบ่ง จึงจำเป็นที่จะต้องให้ทางฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีไปตามกฎหมายต่อไป

สำหรับบุตรชายนั้นเขาบอกว่าเขาจะเลี้ยงดูลูกเอง และเมื่อบุตรชายเขารักแม่มาก เขาเลือกที่จะไปอยู่กับทางฝ่ายผู้เป็นมารดา ก็ต้องปล่อยให้เขาไป แต่ตนก็ยังภูมิใจที่ลูกยังเชื่อฟังในคำสั่งสอนที่เคยบอกไว้ว่าหากตนเป็นอะไรไปก็ขอให้ดูแลแม่ให้ดี ให้เป็นคนดีอย่าไปทำอะไรให้ใครเดือดร้อน ถึงใครจะว่าเราเป็นคนไม่ดีก็อย่าไปทำให้ใครเดือดร้อน

นายกิตติ กล่าวต่อว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับตน เชื่อว่ามีการทำกันเป็นขบวนการ ที่อาจมีคนต้องการพระเครื่องที่มีมูลค่าสูงที่ตนมีไว้ในครอบครองอยู่เป็นจำนวนมาก เพราะผู้หญิงคนเดียวไม่น่าเชื่อว่าเขาจะทำอะไรได้มากมายขนาดนี้ เพราะหลังจากที่ภรรยาหลบหนีไปมีอะไรเกิดขึ้นแปลกๆ กับตนมากมาย รวมถึงยังมีการหลบซ่อนปิดบังแม้แต่ทางโรงเรียนเก่าของลูก ก็ยังไม่ยอมบอกว่าภรรยานำบุตรชายไปไว้ที่ไหน ย้ายไปเรียนที่ไหน

ส่วนมูลค่าทรัพย์สินที่อดีตภรรยานำไป มีมูลค่าสูงมากเกินไปกว่า 16.3 ล้านบาท เพราะเงินถูกทยอยนำออกไปจากหลายทิศทาง เขากระจายเอาออกไปเกือบทั้งหมด ทั้งในส่วนที่เราเอาฝากเก็บไว้ให้ลูกด้วยก็ยังถูกเอาไป ขณะที่มือที่สามนั้นตนไม่ทราบว่าเป็นใคร และจะไม่ขอปรักปรำอดีตภรรยา เพราะที่ผ่านมาเราได้พยายามที่จะให้มันออกมาดูดีโดยตลอด แต่สิ่งที่สามารถทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งเปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนี้ หรือยอมทิ้งไปจากผู้ชายสักคนมันจะมีเรื่องอะไรได้ ก็มีอยู่เพียงเรื่องเดียวเท่านั้นที่เป็นต้นตอสาเหตุ

ด้าน ร.ต.อ.สุริยันต์ กล่าวว่า หลังทั้งสองฝ่ายไม่สามารถที่จะเจรจาตกลงกันได้ ทางพนักงานสอบสวนก็จะทำการสอบสวนดำเนินคดีไปตามกฎหมายต่อไป โดยในวันนี้จะมีการแจ้งข้อหาเพิ่มต่อผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดรวม 3 คน ร.ต.อ.สุริยันต์ กล่าว