วาโก้สู้มะเร็งเต้านม บริจาคเสื้อชั้นใน-เต้านมเทียม

ด้วยประสบการณ์ในการผลิตชุดชั้นในวาโก้ยาวนาน 38 ปี ทำให้เข้าใจสรีระและความต้องการของผู้หญิงเป็นอย่างดี โดยเฉพาะผู้หญิงที่ต้องสูญเสียเต้านมเนื่องจากโรคมะเร็ง ทำให้วาโก้มีการศึกษาและพัฒนาการผลิตชุดชั้นในและเต้านมเทียมสำหรับผู้สูญเสียเต้านมโดยเฉพาะ และพร้อมสานต่อกิจกรรมเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยมะเร็งเต้านมภายใต้ โครงการวาโก้โบว์ชมพู สู้มะเร็งเต้านม ผ่านกิจกรรม บาลานซ์ซิ่ง บราโดเนชั่น นายอำนวย บำรุงวงศ์ทอง กรรมการบริหาร บริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหา ชน) และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยวาโก้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงการสานต่อโครงการวาโก้โบว์ ชมพูฯ ที่ บริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ว่า โครงการวาโก้โบว์ชมพูฯ ตั้งใจทำ เพื่อรณรงค์ให้เห็นถึงอันตรายของมะเร็งเต้านม ให้ความรู้แก่ผู้หญิงในการตรวจหามะเร็งเต้านมด้วยตนเอง และคำนึงถึงผู้ที่ต้องสูญเสียเต้านมไปแล้ว ด้วยการออกแบบเสื้อชั้นในสำหรับคนกลุ่มนี้โดยเฉพาะ เพื่อให้พวกเขาคืนกลับสู่สังคมด้วยความมั่นใจ กรรมการผู้จัดบริษัท ไทยวาโก้ฯ กล่าวว่า วาโก้ทำกิจกรรมเพื่อช่วยเหลือคนกลุ่มนี้มาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นการบริจาคเงินและมอบรถเอกซเรย์เต้านมเคลื่อนที่ระบบดิจิตอลทันสมัยที่สุดคันแรกของไทยและเอเชียให้มูลนิธิ ถันยรักษ์ ซึ่งในงานสหกรุ๊ป แฟร์ ครั้งที่ 13 ระหว่าง วันที่ 25-28 มิ.ย.2552 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ จะมีการนำรถคันดังกล่าวไปให้บริการด้วย เสียค่าใช้จ่ายท่านละ 1,000 บาท ในปีที่ผ่านมา วาโก้เปิดโอกาสให้ผู้ต้องการเสื้อชั้นในและเต้านมเทียมทำเรื่องขอรับบริจาค จากที่ตั้งเป้าไว้ 10,000 ชุด แต่มีผู้ขอรับเพียง 700 กว่าชุดเท่านั้น เป็นเพราะส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้ ในปีนี้วาโก้จึงสานต่อโครงการดังกล่าว ให้ผู้ที่สนใจสามารถแจ้งความจำนงขอรับบริจาคได้ที่เคาน์เตอร์ชุดชั้นในวาโก้ หรือโทร. 0-2689-8542 การสนับสนุนเสื้อชั้นในและเต้านมเทียมนี้ แม้ว่ามูลค่าแต่ละชุดไม่ได้มากมาย แต่ทว่ามีคุณค่าทางจิตใจต่อผู้รับมากกว่า เราไม่ได้ทำเพราะมุ่งหวังชื่อเสียงหรือตัวเงิน แต่เป็นการตอบแทนสังคม ได้ช่วยเหลือคนให้พ้นทุกข์ มีความมั่นใละกลับคืนสู่สังคมได้อย่างรวดเร็ว นายอำนวยกล่าว น.ส.สมจิตร์ เนติ ธรรมากร ผู้ช่วยผู้จัดการส่วนออกแบบผลิตภัณฑ์พิเศษ บริษัท ไทยวาโก้ฯ กล่าวว่า วาโก้ใช้เวลากว่า 10 ปี ในการพัฒนาเสื้อชั้นในและเต้านมเทียมให้ตรงตามความต้องการ เนื่องจากแผลผ่าตัดแต่ละคนไม่เหมือนกัน จึงต้องตัดเย็บชุดต่างกันรวมถึงเต้านมเทียมจากเดิมใช้ฟองน้ำ แต่เนื่องจากน้ำหนักเบาทำให้มีการเลื่อนหลุดขาดความมั่นใจ จึงพัฒนาต่อด้วยการใช้เมล็ดธัญพืชซึ่งมีน้ำหนักมากขึ้นแต่อายุการใช้งานหมดเร็ว กระทั่งพัฒนาเป็นเม็ดพลาสติกทรงกลม สามารถตีให้ฟูหรือกดให้แฟบลงตามต้องการ เหมาะกับการใช้งานและการทำกิจกรรม ในชีวิตประจำวัน ดูเป็นธรรมชาติและใกล้เคียงของจริงมากที่สุด ที่ผ่านมาคนอายุน้อยที่สุดใช้ชุดดังกล่าว อยู่ที่อายุ 19 ปี อายุมากสุด 90 ปี และมียอดในการสั่งตัดชุด 40-50 คนต่อเดือน.