อคส.เมินอัยการตีความ ให้เอกชนขนข้าวได้ พรทิวา ชี้เป็นสิทธิ ครม.-รมว.พาณิชย์ ไม่เคยสั่งหยุดขาย

อคส.เมินอัยการตีความ ให้เอกชนขนข้าวได้ พรทิวา ชี้เป็นสิทธิ ครม.-รมว.พาณิชย์ ไม่เคยสั่งหยุดขาย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
อคส.ใช้อ.ต.ก.เป็นตัวอย่างไม่รอการตีความอัยการสูงสุดอนุญาตให้เอกชนชนะประมูลขนย้ายข้าวจ่ายเงินแล้วออกจากโกดังได้ พรทิวา บอกเป็นสิทธิทำได้ ตัวเองและครม.ไม่เคยสั่งให้ระงับการขาย นายสมพงษ์ กิตติเรียงลาภ ประธานบริษัท พงษ์ลาภ จำกัด กล่าวภายหลังเข้าพบนายยงยศ ปาละนิติเสนา รักษาการผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) เพื่อสอบถามการขนย้ายข้าวตามสัญญาซื้อที่ชนะประมูลข้าวกับรัฐบาล เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน ว่า อคส.รับที่จะอนุมัติให้ขนย้ายข้าวที่บริษัทจ่ายชำระค่าข้าวแล้วในวันที่ 16 มิถุนายน ซึ่ง อคส.ได้พิจารณาจากการเปรียบเทียบสัญญาการซื้อข้าวรัฐระหว่าง อคส.กับองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ซึ่งมีเนื้อหาแบบเดียวกัน และไม่น่าจะมีปัญหา ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีการขนย้ายข้าวออกจากคลังของ อ.ต.ก.แล้ว ประมาณ 2 หมื่นตัน

หากภายใน 16 มิถุนายน ยังไม่ได้อนุมัติให้ขนย้ายข้าวตามที่ อคส.รับปากไว้ ก็จะดำเนินการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายที่เกิดจากค่าใช้จ่ายและการผิดสัญญากับผู้ซื้อในต่างประเทศ ประมาณ 30 ล้านบาท นายสมพงษ์กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทรวงพาณิชย์เปิดประมูลขายข้าวในสต๊อครัฐบาลประมาณ 2.6 ล้านตัน เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม มีผู้ชนะประมูล 17 ราย แต่ปรากฏว่าหลังจากนั้นทางคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีการท้วงติงเรื่องหลักเกณฑ์การระบายสินค้าเกษตร ทำให้การส่งมอบข้าวให้ผู้ชนะการประมูลชะงักไป และกระทรวงพาณิชย์ได้ทำหนังสือหารือไปยังสำนักงานอัยการสูงสุดให้ช่วยตีความว่าสัญญาที่ อคส.ทำกับผู้ชนะประมูลไปนั้น จะสามารถยกเลิกได้หรือไม่ ขณะที่ผู้ที่ชนะประมูลบางรายที่จ่ายเงินค่าข้าวให้ อคส.ไปแล้วประมาณ 1.24 แสนตัน สำหรับบริษัท พงษ์ลาภ จำกัด ชนะประมูลรวม 2.3 แสนตัน และชำระค่าข้าวไปแล้ว 3.7 หมื่น แต่ยังไม่สามารถไปรับมอบข้าวได้ จึงแจ้งความดำเนินคดีกับ อคส.ที่ห้ามขนย้ายข้าวออกจากโกดัง แต่ล่าสุดก็ยอมให้ขนย้ายข้าวได้แล้ว

นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า เป็นเรื่องของคู่สัญญาระหว่าง อคส.กับเอกชน และสิทธิของ อคส.ที่จะดำเนินการตามสัญญาหากพบว่าไม่ขัดกฎหมายและอาจมีผลให้ถูกฟ้องร้องจากคู่สัญญา

เมื่อถามว่าไม่ต้องรอการตีความจากอัยการก่อนหรือ นางพรทิวากล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนหรือ ครม.ก็ไม่ได้ระงับหรือยกเลิกการอนุมัติขายข้าว เมื่อ อคส.เห็นว่าสัญญาที่ทำไว้ถูกต้อง อคส.ก็สามารถบริหารจัดการได้ตามที่ได้ระบุไว้ในสัญญา ถือว่าเป็นสิทธิที่ทำได้ ส่วนที่เหลือจะทำอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับ อคส.ในฐานะคู่สัญญากับเอกชน เพราะตนได้อนุมัติให้ระบายตั้งแต่ต้นแล้ว

นางพรทิวากล่าวว่า ส่วนการระบายข้าวโพดและมันสำปะหลัง นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการระบายข้าวโพดและมันสำปะหลัง ได้เรียกประชุมในวันที่ 18 มิถุนายนนี้ โดยกระทรวงพาณิชย์จะนำหลักเกณฑ์การระบายข้าวโพดและมันสำปะหลัง เสนอให้เห็นชอบเพราะเก็บไว้นานจะเสื่อมสภาพและราคาลดลง รวมทั้งขออนุมัติการเจรจาขายมันสำปะหลังกับรัฐบาลจีน

นางพรทิวากล่าวถึงการวิพากวิจารณ์ผลประโยชน์จากการเพิ่มปริมาณรับจำนำข้าวนาปรัง ปี 2552 จำนวน 2 ล้านตัน ว่า ยืนยันว่าไม่ได้รับผลประโยชน์จะการเพิ่มปริมาณรับจำนำดังกล่าว เพราะปริมาณข้าวนาปรังที่รัฐบาลจำนำเพิ่มเติม เป็นการตัดสินใจของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ซึ่งกระทรวงพาณิชย์เสนอไป 4 ทางเลือก คือ เพิ่มรับจำนำ 1 ล้านตัน 1.5 ล้านตัน 2 ล้านตัน หรือไม่รับจำนำ แต่ใช้วิธีประกันราคาข้าวให้แทน

นางพรทิวากล่าวถึงกระแสข่าวมีสต๊อคลมข้าวโพดและมันสำปะหลังใน จ.อุตรดิตถ์ และ จ.กำแพงเพชร ว่า ยังไม่ได้รับรายงานว่ามีสต๊อคหายหรือมีการทุจริต ซึ่งในเร็วๆ นี้จะมีการตรวจเช็คสต๊อคข้าวโพดและมันสำปะหลังก่อนอนุมัติระบาย หากพบว่ามีการกระทำผิดให้จัดการเอาผิดขั้นเด็ดขาด

นายวิวัฒน์ เลาหพูนรังษี ประธานบอร์ด อคส. กล่าวว่า ยังไม่ได้รับรายงานหรือร้องเรียนว่ามีสินค้าในสต๊อคที่ อคส.ดูแลหายหรือเป็นสต๊อคลม ทั้งนี้ ค่อนข้างมั่นใจในการดูแลโครงการรับจำนำ เพราะแต่ละขั้นตอนมีกรรมการที่เป็นตัวแทนจากหน่วยงานต่างๆ ถึง 19 หน่วยงาน ไม่ใช่มีแต่เจ้าหน้าที่ อคส. แต่เพื่อให้การทำงานเข้มงวดขึ้น บอร์ด อคส.มอบนโยบายให้เอาผิดกับเจ้าหน้าที่โกดังกลางถึงขั้นไล่ออก หากพบว่ากระทำความผิดจนทำให้เกิดสต๊อคลมหรือสต๊อคขาด พร้อมดำเนินการเอาผิดตามกฎหมายอาญาและแพ่งด้วย โดย อคส.เตรียมของบประมาณ 30-40 ล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบสต๊อคข้าว มันสำปะหลัง และข้าวโพด ตามนโยบายรัฐบาล

ผมอยู่ อคส.มา 5 เดือน ก็ไม่เห็นว่า อคส.ทุจริต มีแต่กระแสข่าว ทุกครั้งก็ออกไปตรวจสอบก็ไม่พบหรือพบก็ผิดทางเทคนิคเล็กน้อย ไม่ถึงกับเกิดความเสียหายต่อรัฐ ก็อยากฝากให้ผู้พบเห็นว่ามีการทุจริต หรือเจอสต๊อคลม ก็ให้แจ้งมายังมา อคส. จะดำเนินการทันที แต่ถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้รับรายงาน ด้านการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ที่อนุมัติให้เพิ่มอีก 2 ล้านตัน ตัวเลขรับจำนำสัปดาห์แรกประมาณ 9 หมื่นตัน และยังไม่พบความผิดปกติใดๆ นายวิวัฒน์กล่าว และว่า ส่วนการขนย้ายข้าวก็ให้เจ้าหน้าที่ทำตามระเบียบและสัญญาที่ทำไว้กับเอกชน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook