ปศุสัตว์ ไม่เชื่อสัตว์ประหลาดเกิดจากผสมข้ามสายพันธุ์

ปศุสัตว์ ไม่เชื่อสัตว์ประหลาดเกิดจากผสมข้ามสายพันธุ์

ปศุสัตว์ ไม่เชื่อสัตว์ประหลาดเกิดจากผสมข้ามสายพันธุ์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ปศุสัตว์ จ.ศรีสะเกษ ไม่เชื่อสัตว์ประหลาดเกิดจากการผสมข้ามสายพันธุ์ ชี้ตามหลักวิชาการไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนบนโลกนี้ ด้านพระชายแดนไทย -เขมร เตือน ปชช.อย่าหลงเชื่องมงาย

จากกรณีที่มีข่าวว่ามีการพบ สัตว์ประหลาด ลักษณะครึ่งคนครึ่งสัตว์ ที่วัดพนมสิงหวาส ม.1 ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ โดยมีคนจับตัวมาได้ ซึ่งถ่ายคลิปมือถือไว้ได้ และมีการนำมาเผยแพร่ ตามที่เป็นข่าวโด่งดังอยู่ขณะนี้นั้น ล่าสุด นายวิสุทธิ สารพัฒน์ ปศุสัตว์ จ.ศรีสะเกษ ออกมาแสดงความคิดเห็น ว่า ตัวประหลาดที่อ้างว่ามีพระที่ปฏิบัติธรรมอยู่ที่บริเวณเมืองใหม่ช่องสะงำ ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ และ ได้ถ่ายคลิปวีดีโอเอาไว้ได้ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่และมีการนำมาเผยแพร่จนเป็นที่สนใจของประชาชนทั่วไปนั้น

เรื่องดังกล่าวที่เกิดขึ้นจากการที่ได้ตรวจสอบในแง่วิชาการแล้ว ไม่เคยพบว่าเคยมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมาก่อน และเป็นไปได้ยากมากที่สัตว์ต่างสายพันธุ์ จะสามารถผสมพันธุ์ข้ามสายพันธุ์ ซึ่งจากลักษณะที่เห็นในคลิปวีดีโอ ตัวประหลาดมีใบหน้าคล้ายคนแก่ แต่ลำตัวเหมือนงู มีขา 2 ขา จึงมีคนเชื่อว่า อาจจะเกิดจากการผสมพันธุ์กันระหว่างงูกับคน ซึ่งเรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาในโลกนี้มาก่อนเลย ดังนั้นจึงไม่สามารถที่จะบอกได้ว่า ตัวประหลาดที่มีคนพบเห็น และได้ถ่ายคลิปมาได้นี้เป็นตัวอะไรกันแน่

ด้าน พระครูโกศล สิกขกิจ เจ้าอาวาสวัดไพรพัฒนา(วัดหลวงปู่สรวง) ต.ไพรพัฒนา กล่าวว่า จากที่ดู และพิจารณาดูแล้วตัวประหลาดนี้ไม่น่าจะมีอยู่จริงในโลก ถ้ามีจริงโลกนี้คงระเบิดเทิดเทิงไปแล้ว และไม่อยากให้ประชาชนหลงงมงานกับเรื่องนี้

"อยากให้ใช้สติ พิจารณาดูให้ดี ๆ จะพบว่าภาพนั้นไม่ได้เคลื่อนไหว เป็นภาพนิ่งแข็งไม่มีชีวิตและถ้ามีอยู่จริงทำไมคนถ่ายไม่ถ่ายให้เห็นภาพคนที่มาล้อมดูบ้างเลย" พระครูโกศล กล่าวและว่า

จากภาษาที่ได้ยินในคลิปนั้นเป็นภาษาเขมร ซึ่งเท่าที่จับใจความได้ว่า มีคนกำลังพยายามถามว่าตัวอะไร แต่ก็ไม่มีคนตอบ จึงอยากเตือนสติญาติโยมทั้งหลาย ขออย่าได้หลงงมงายกับเรื่องที่เราไม่ได้เห็นกับตา

ขณะที่แหล่งข่าวในพื้นที่ชายแดน อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า เท่าที่ทราบคลิปนี้ถูกเผยแพร่มานานแล้ว และเป็นที่โด่งดังในประเทศลาวมาเป็นเดือน ก่อนจะถูกส่งต่อกันมาเรื่อย ๆ ซึ่งตนก็แปลกใจว่าอยู่ๆทำไม จึงมีการสร้างกระแสว่าภาพดังกล่าวเกิดขึ้นที่ อ.ภูสิงห์ ถ้าเกิดขึ้นจริงคน อ.ภูสิงห์ ต้องรู้ก่อน และอยากฝากไปถึงผู้สื่อข่าวด้วยว่าให้หยุดทำการปั้นข่าวหลอกลวงประชาชนได้แล้ว เพราะถ้าเรื่องนี้มีจริง ต้องมีการระบุสถานที่ที่ถูกอ้างว่าทหารกัมพูชานำไปเก็บไว้ และประเทศกัมพูชา คงจะโด่งดังไปทั่วโลกแล้ว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook