ทักษิณ ต่อสายแจงปัดเอี่ยวแผนตากสิน2

ทักษิณ ต่อสายแจงปัดเอี่ยวแผนตากสิน2

ทักษิณ ต่อสายแจงปัดเอี่ยวแผนตากสิน2
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"จตุพร-ณัฐวุฒิ" โต้แผนตากสิน 2 อ้างไม่ใช่ควายที่จะคิดแผนตื้นๆ เชื่อวางยาดิสเครดิตคนเสื้อแดง เผย "ทักษิณ" ต่อสายแจง ยันไม่มีเอี่ยวแต่กลับเป็นจำเลยใหญ่ "บิ๊กจิ๋ว"ชี้อย่าเชื่อแผนตากสิน2ให้ฟังหูไว้หู "นพดล"ยันไม่มีแผนดังกล่า เสื้อแดงเชียงใหม่ทยอยเข้ากรุง นักวิชาการเชื่อ "เสื้อแดง"จุดม็อบไม่ติดระบุภาพยังหลอน

ที่รัฐสภา วันที่ 25 มิ.ย. นายจตุพร พรหมพันธ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แถลงถึงกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฝ่ายความมั่นคง ระบุได้รับการรายงานถึงการที่กลุ่มคนเสื้อแดงเตรียมใช้แผนตากสิน 2 ในการชุมนุมในวันที่ 27 มิ.ย.นี้ว่า ขอปฏิเสธว่าไม่เป็นจริง และไม่มีจริงทั้งแผนตากสิน 1 และ 2 เป็นเรื่องของคนจิตทรามที่กุข่าวขึ้นมา โดยเอาบุคคลที่มีชื่อในส่วนต่างๆ มาเขียนนิยาย ทราบมาว่าในวันที่ 26 มิ.ย. รัฐบาลได้สั่งการให้ทหารจำนวน 6 พันคนเข้าไปประจำการอยู่ที่ทำเนียบรัฐบาล เวลา 15.00 น. และยังใช้แผนตัดไฟแต่ต้นลมด้วยการสั่งไปยังผู้ว่าฯทุกจังหวัดสกัดคนไม่ให้เข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มนปช.

นายจตุพร กล่าวอีกว่า หลังจากที่ก่อนหน้านี้รัฐบาลให้งบกับทหาร เพื่อเตรียมรับมือกับการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่ภูเก็ต ในช่วงเดือนต.ค. ถือเป็นการผลาญงบโดยไม่มีเหตุผล เพราะกลุ่มคนเสื้อได้ประกาศชัดว่าจะชุมนุมโดยสงบ สันติเพียงข้ามคืน แต่รัฐบาลใช้วิธีสกัดโดยกุข่าวแผนตากสินขึ้นมาเพื่อโยนความผิดให้กลุ่มคนเสื้อแดง นอกจากนี้ขอปฏิเสธในเรื่องที่กล่าวหาว่ากลุ่มคนเสื้อแดงต้องการเปลี่ยนวันชาติเพื่อลดบทบาทสถาบันให้เป็นเพียงสัญลักษณ์ รวมถึงการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อเปิดทางให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลับประเทศไทย เพราะกลุ่มคนเสื้อแดงต่อต้านกฎหมายทุกอย่างที่มาจากเผด็จการ

นายจตุพร กล่าวอีกว่า การที่โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาระบุถึงการฝึกอาวุธมีหน่วยจรยุทธ์จากเจ้าหน้าที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับการ์ดนปช.และนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหงเพื่อเตรียมใช้ความรุนแรงก่อการจลาจลอีกครั้งนั้น ถ้ามีจริงควรประณามนายสุเทพ ที่เป็นรองนายกฯแต่กลับปล่อยให้มีการฝึกอาวุธดังกล่าวได้ ดังนั้นเรื่องนี้ไม่เป็นความจริง รวมทั้งชื่อของแผนตากสิน 2 ที่ระบุว่าเป็นแผนผนึกกำลังครั้งสุดท้ายเพื่อนายใหญ่นั้น คนเป็นควายยังไม่คิดอย่างนี้เลย อย่างไรก็ตามในวันที่ 26 มิ.ย. หากมีการจัดกำลังทหารเข้าไปในทำเนียบรัฐบาลจริง แสดงว่านายสุเทพ มีส่วนรู้เห็นการใส่ร้ายกุข่าวแผนตากสิน 2 ด้วย เพราะคนที่ทำเรื่องนี้ถือว่าเลวทรามชั่วช้า ถ้ารัฐบาลไปร่วมด้วยก็แสดงว่ารัฐบาลชั่วช้า ถ้าผบ.ทบ.มีมันสมองก็ต้องรู้ว่าใครอยู่เบื้องการกุข่าวดังกล่าว

นายจตุพร กล่าวอีกว่า นายสุเทพ มีพฤติกรรมเป็นมือที่สามตลอดชีวิต แต่ตนไม่กังวลเรื่องมือที่สามที่จะมาป่วนการชุมนุมของกลุ่มนปช. เพราะหากมีอะไรเกิดขึ้นในวันที่ 27 มิ.ย. ทางกลุ่มนปช.จะปรับแผนการชุมนุม ซึ่งอาจจะยืดเยื้อหรือไม่ยืดเยื้อก็ได้ แต่ก็ไม่รับรองว่าจะเกิดอะไรขึ้น หากรัฐบาลเข้ามาใช้กำลังกับกลุ่มคนเสื้อแดง

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำนปช. กล่าวว่า หลังจากมีข่าวแผนตากสิน 2 ปรากฏว่าเมื่อเวลา 13.00 น. พ.ต.ท.ทักษิณ ได้โทรศัพท์มาหาตน เพื่อขอความเป็นธรรม เนื่องจากข่าวดังกล่าวมีพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นจำเลยใหญ่ ทั้งๆ ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด โดยได้วิเคราะห์ว่า ข่าวนี้เผยแพร่ทางสำนักข่าวผู้จัดการ จึงไม่มีความน่าเชื่อถือ และตั้งข้อสังเกตว่า รัฐบาลนำเรื่องนี้มากลบเกลื่อนการทำงานที่ไม่มีประสิทธิภาพของรัฐบาล และการจุดประเด็นก่อนการชุมนุมใหญ่ของนปช. 2-3 วัน อาจมีความคิดที่จะเตรียมสร้างสถานการณ์เพื่อใช้กำลังจัดการกับคนเสื้อแดงด้วยหรือไม่

"ผมไม่ชอบสาบาน แต่ขอเอาชีวิตเป็นเดิมพันโดยยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่เป็นความจริง และขอท้านายสุเทพ เพื่อขอให้ผมเข้าไปดูแผนตากสิน 2 นี้เป็นบุญตา และอยากรู้ว่าเจ้าหน้าที่รายงานมาว่าอย่างไร เพราะบอกว่ามีพยานหลักฐานชัดเจนว่าเกี่ยวกับคนเสื้อแดง และอยากให้เตรียมแผนตากสิน 1 เอาไว้ด้วย ผมพร้อมเข้าพบนายสุเทพ ตลอดเวลา ขอให้นัดมาเมื่อไหร่ วันไหน ผมจะนำสื่อมวลชนเข้าไปร่วมตรวจสอบด้วย ทั้งไม่กังวลเรื่องมือที่สามจะมาป่วนการชุมนุม แต่กังวลมือที่หนึ่ง คือรัฐบาลมากกว่า เพราะน่ากลัวกว่า เพราะเป็นแผนสังหารที่รัฐบาลวางไว้ให้คนเสื้อแดงอยู่ในคิลลิ่งโซน แต่พวกเราก็ไม่ถอย ไม่หวั่นไหวพร้อมที่จะแสดงพลังอย่างเต็มที่ จึงถือว่าการออกมาพูดของนายสุเทพ เป็นการเชียร์แขกมากกว่า ในการชุมนุมยังยืนยันว่าพ.ต.ท.ทักษิณ จะยังคงโฟนอิน หรืออาจจะวีดีโอลิงก์มาในที่ชุมนุมด้วย" นายณัฐวุฒิ กล่าว

นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า หลังจากที่ตนพบว่ามีการเขียนตำราให้ข้อมูลไม่ให้ความเป็นธรรมกลุ่มคนเสื้อแดงมาสอนนักเรียนโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ปรากฏว่าเมื่อคืนวันที่ 24 มิ.ย. ผอ.โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา พร้อมอาจารย์ 5 คนที่เขียนตำราดังกล่าว ได้เข้าพบนายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำกลุ่มนปช.ที่บ้านพัก โดยชี้แจงว่า ไม่มีเจตนาให้กระทบฝ่ายใด แต่เป็นเพียงการรวบรวมข้อมูลจากสื่อมวลชนเท่านั้น แต่เพื่อความบริสุทธิใจจะยกเลิกการใช้ตำราดังกล่าวประกอบการเรียนการสอน

"บิ๊กจิ๋ว"ชี้อย่าเชื่อแผนตากสิน2ให้ฟังหูไว้หู

พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองในช่วงนี้ว่า ไม่รู้สึกเป็นห่วง เพราะทุกอย่างคงเรียบร้อย ขอให้ใจเย็นๆ ผู้สื่อข่าวถามว่า เสถียรภาพของรัฐบาลจะอยู่ได้นานหรือไม่ พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า คงต้องไปถามหมอลักษณ์ เรขานิเทศ คิดว่าคงจะเรียบร้อย ทุกคนต้องช่วยกันให้รัฐบาลมีความเข้มแข็ง อะไรไม่ดีก็เตือนก็บอกต้องช่วยกัน และเวลาช่วยก็ไม่จำเป็นต้องบอก พยายามช่วยรัฐบาลลับหลังก็ได้

เมื่อถามว่า มองแผนตากสิน 2 ที่หลายฝ่ายกังวลว่าจะเกิดความรุนแรงหรือไม่ พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า "มันจริงหรือเปล่าล่ะ คำถามก็คือจริงหรือเปล่า เราอย่าเพิ่งไปมีข่าว ต้องเก็บไว้ครึ่งหนึ่ง และเลือกฟังหูหรือเก็บไว้ครึ่งหู" พล.อ.ชวลิต กล่าวและว่า ส่วนตัวยังระบุไม่ได้ว่าแผนนี้มีจริงหรือไม่ แต่อยากให้สังคมฟังหูไว้หู อย่าเชื่ออะไรทั้งหมด เพราะมันอาจเป็นความจริงหรือไม่เป็นความจริงก็ได้

"นพดล"โต้"สุเทพ"ยันไม่มีแผนตากสิน 2

นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ให้สัมภาษณ์ถึงแผนตากสิน 2 ว่า เป็นแนวคิดและจินตนาการกันไปเองของฝ่ายตรงข้าม พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่มีแผนดังกล่าวตามที่กล่าวหา และเป็นเรื่องที่หนังสือพิมพ์ที่เป็นปฏิปักษ์กับ พ.ต.ท.ทักษิณ เสนอข่าวออกมาเพื่อสกัดและดิสเครดิต พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเรื่องเท็จ ไม่น่าเชื่อถือ และอาจจะเป็นการปล่อยข่าวของบางกลุ่ม ที่ไม่ต้องการให้ พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางกลับประเทศ การกระทำเช่นนี้ไม่เป็นผลดีต่อความสมานฉันท์

"ผมยืนยันว่าแผนดังกล่าวไม่มี พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่เบื้องหลัง และไม่รู้เรื่อง พ.ต.ท.ทักษิณ อยากเป็นความปรองดองในชาติ และการฟื้นฟูเศรษฐกิจไม่เคยมีการพูดถึงเรื่องแผนตากสินอย่างที่ถูกกล่าวหา" นายนพดล กล่าว

เมื่อถามว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี บอกว่าได้เห็นแผนดังกล่าวแล้วทางสื่อ นายนพดล กล่าวว่า การพูดอย่างนี้ แสดงให้เห็นว่านายสุเทพไม่มีข้อมูลจากหน่วยงานรัฐ เพราะข้อเท็จจริง ไม่มีเรื่องนี้ ดังนั้นควรจะไปหาข้อมูล และศึกษาความถูกต้องจากหน่วยงานรัฐ ก่อนที่จะออกมาพูดอะไร ตนขอฝากฝ่ายบ้านเมืองอย่าบริหารประเทศจากข่าวลือ ควรให้ความเป็นธรรมกับกลุ่มบุคคลที่ถูกกล่าวหา รัฐบาลอย่าไปตกใจ หรือตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่งตามข่าวลือ ถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ จะมีแผนอะไรก็คงเป็นแผนเรื่องของการอยากเห็นความปรองดองของคนในชาติ และเรื่องของประชาธิปไตย และความรู้รักสามัคคีของคนในชาติเท่านั้น

"ฝ่ายตรงข้ามหาโอกาสที่จะสร้างความสับสน เพราะขณะนี้ความนิยมในตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ยังมีอยู่ จึงต้องการที่จะปล่อยข่าว ทั้งที่กลุ่มคนเสื้อแดงได้นัดชุมนุมกันไว้ก่อนหน้านี้เป็นเดือนแล้ว และการนัดชุมนุม ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ขณะนี้กลับกลายเป็นว่าถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้รับความนิยมมากเท่าไหร่ ก็จะมีการใส่ร้ายมากขึ้น ดังนั้น ขอให้เลิกใช้วิธีการนี้เสีย"นายนพดล

นายนพดล กล่าวว่า เป็นการกุข่าวของฝ่ายรัฐบาลเพื่อกลบเกลื่อนการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งบางคนอาจจะคล้อยตาม คล้ายกรณีของปฎิญญาฟินแลนด์ ซึ่งในที่สุดศาลก็ตัดสินว่าไม่เป็นจริงตามที่กล่าวหา ถือเป็นการกระทำที่ไร้จริยธรรมของรัฐบาล จึงควรต้องทบทวนขีดความสามารถของหน่วยข่าวกรองว่าทำไมอาเท็จจริงมาเสนอของรัฐบาล

เสื้อแดงเชียงใหม่ทยอยเข้ากรุง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้กลุ่มเสื้อแดงใน จ.เชียงใหม่ ได้เริ่มทยอยเดินทางไปสมทบร่วมชุมนุมใหญ่กับ นปช.ที่กรุงเทพฯ ตั้งแต่เย็นวานต่อเนื่องถึงเช้านี้(25 มิ.ย.) ซึ่งชุดแรกจะเป็นเสื้อแดงจาก อ.สันป่าตอง ประมาณ 100 คน และกลุ่มเสื้อแดงชาวเหนือเพื่อประชาธิปไตยอีกประมาณ 30 คน โดยทั้งหมดได้เช่ารถตู้เดินทางล่วงหน้าไปแล้ว ส่วนเสื้อแดงกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 นั้น แกนนำคนสำคัญบางส่วนได้เดินทางล่วงหน้าไปที่กรุงเทพฯแล้ว ในช่วงเย็นวันนี้เสื้อแดงกลุ่มรักเชียงใหม่51อีกส่วนหนึ่งจะเดินทางไปร่วมงาน

สำหรับคอนเสิร์ตคนเสื้อแดง ซึ่งจะจัดขึ้นที่ อ.บ้านธิ จ.ลำพูนมีแกนนำ นปช.จากกรุงเทพฯมาร่วม โดยนายเพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล แกนนำระบุว่า มีการเปิดขายโต๊ะจีน เพื่อระดมทุนให้กลุ่มเสื้อแดงเดินทางไปร่วมชุมนุมใหญ่ที่กรุงเทพฯ โดยทยอยกันเข้าไป ไม่ให้เป็นที่สนใจของเจ้าหน้าที่ ซึ่งชุดหลังสุดจะออกเดินทางจากเชียงใหม่โดยรถตู้ในเวลา 06.00น.วันพรุ่งนี้(26 มิ.ย.)

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดทั้งวันยังมีการประกาศระดมทุน เปิดรับบริจาคเงินผ่านคลื่นวิทยุชุมชน 92.5เมกกะเฮิรตซ์อย่างต่อเนื่อง และหน่วยงานด้านความมั่นคงจังหวัดประเมินว่า ในการชุมนุมใหญ่ที่กรุงเทพฯครั้งนี้ น่าจะมีกลุ่มเสื้อแดงจาก จ.เชียงใหม่ เดินทางไปร่วมประมาณ 200 คน

"ศุภชัย"เตือนรบ."เสื้อแดง"ชุมนุมจะมีความรุนแรง

นายศุภชัย ใจสมุทร โฆษกพรรคภูมิใจไทย และรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีกลุ่มคนเสื้อแดงใช้แผนตากสินในการชุมนุมใหญ่ เพื่อกดดันรัฐบาล ในวันที่ 27 มิ.ย.นี้ ว่า วันนี้ตนไม่เชื่อว่ากลุ่มคนเสื้อแดงจะยุติบทบาท แต่จะมีการชุมนุมที่ทวีความรุนแรง โดยกลุ่มคนเสื้อแดงจะร่วมกับพรรคเพื่อไทย กดดันรัฐบาลทั้งแบบในและนอกรัฐสภาในหลายรูปแบบที่สุ่มเสี่ยง ต่อการกระทำผิดกฎหมายเป็นการชุมนุมที่เลยเถิด รวมทั้งอาจจะมีการรวมตัวใช้ความรุนแรง แต่สิ่งที่รัฐบาลต้องทำก็คือต้องยึดหลักกฎหมายและดำเนินการกับผู้ที่กระทำผิดอย่างจริงจัง

"การชุมนุมของคนเสื้อแดงเขาถูกสร้างให้เชื่อว่า รัฐบาลปฏิบัติต่อเขาอย่างไม่เป็นธรรม เมื่อมีความรู้สึกอย่างนั้นก็ยังมีการปลุกระดมจากแกนนำปลุกเร้าอารมณ์ในความรู้สึก ดังนั้นการออกมาชุมนุมในครั้งนี้ผู้ชุมนุมจึงมีความโกรธแค้นต่อรัฐบาล " นายศุภชัยกล่าวและว่า รัฐบาลต้องระมัดระวังในการดำเนินการ ไม่เช่นนั้นอาจทำให้เกิดเหตุการณ์บานปลาย

นักวิชาการเชื่อ"เสื้อแดง"จุดม็อบไม่ติดระบุภาพยังหลอน

นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงในวันที่ 27 มิ.ย. ว่า หากการชุมนุมใช้ความรุนแรง จะไม่ได้รับการยอมรับจากประชาชน เห็นได้ชัดจากการยึดอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และบุกล้มการประชุมอาเซียน เป็นสาเหตุให้กลุ่มเสื้อต้องประสบกับความพ่ายแพ้ทางการเมือง พลิกสถานการณ์จากเป็นต่อกลับมาเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ ดังนั้น หลังจากนี้ หากฝ่ายใดข้ามเส้นไปกระทำการที่รุนแรงจะเป็นฝ่ายแพ้

ทั้งนี้ เชื่อว่า การชุมนุมครั้งนี้ จะจุดกระแสให้ติดยาก เพราะสังคมเห็นถึงความสุดโต่งมาแล้ว และเห็นว่า สถาบันตุลาการ จะต้องเป็นฝ่ายที่แก้ปัญหา เพราะคดีความต่าง ๆ ที่เป็นสาเหตุความขัดแย้ง ไม่ว่าจะเป็นการยึดสนามบิน หรือบุกโรงแรม อยู่ในกระบวนการยุติธรรมทั้งสิ้น

สัมมนาจับชีพจรไทยต้องแนะให้ข้ามผ่านทักษิณให้ได้

เมื่อเวลา 10.30 น.โรงแรมสวิสโฮเต็ล ปาร์คนายเลิศ หนังสือพิมพ์สยามรัฐได้จัดงานครบรอบ 60 ปีสยามรัฐ โดยจัดสัมมนา "จับชีพจรประเทศไทย การเมืองแรง เศรษฐกิจ ร้อน สังคมต้องรู้ทัน" มีนายสุรพล นิติไกรพจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นายแก้วสรร อติโพธิ อดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ (คตส.) นายอเนก เหล่าธรรมทัศน์อดีตหัวหน้าพรรคมหาชน และนักวิชาการอิสระ เข้าร่วมสัมมนา

นายอเนก กล่าวว่า การเมืองไทยอยู่ในช่วงของชีพจรการเปลี่ยนแปลงที่เร็วมาก คนไทยเปลี่ยนเร็วมาก และวิวัฒนาการจนเป็นเสื้อเหลือง เสื้อแดง ในปัจจุบัน ถือเป็นการตื่นตัวของภาคชนบทอย่างยิ่งใหญ่ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่จะดึงใครมาได้ง่ายๆ การเมืองไทยขณะนี้ยังเป็นการเมืองที่ไม่ปกติ สถานการณ์แต่ละเรื่องล้วนเต้นแรง เป็นการเปลี่ยนแปลงแบบดุเดือด อนาคตประเทศไทยคงไม่มีผู้นำคนใดที่จะรวมประเทศแบบพ.ต.ท.ทักษิณ ได้อีกแล้ว แม้พ.ต.ท.ทักษิณจะกลับมาได้ก็จะไม่สามารถรวมศูนย์อำนาจในการตัดสินใจได้อีกแล้ว การเมืองในช่วงนี้จึงต้องใช้ความคิด สติปัญญา รับฟังอย่าคิดว่าตัวเองถูกเสมอไป ต้องเปลี่ยนความคิดและจุดยืนใหม่ แม้จะไม่มีคำตอบตายตัวว่าอนาคตข้างหน้าจะเดินไปอย่างไร แต่เชื่อว่าฝ่ายพรรคเพื่อไทยกำลังเดินหน้าเลือกตั้ง เพราะมั่นใจว่าประชาชนยังเลือกมากที่สุด ส่วนพรรคประชาธิปัตย์สุดท้ายจะแพ้การเลือกตั้งไปเป็นฝ่ายค้าน ส่วนพรรคอื่นที่ไม่ใช่พรรคประชาธิปัตย์ บอกได้เลยว่าเกิดยาก ยกเว้นพรรคการเมืองใหม่มีโอกาสเกิดได้แต่จะไปได้แค่ไหนเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

"คนชนบทยังรอพ.ต.ท.ทักษิณ เพราะลืมพ.ต.ท.ทักษิณที่สร้างผลงานให้คนรากหญ้าไม่ลง แต่ในอนาคตพรรคเพื่อไทยก็คงไม่สามารถออกนโยบายเพื่อเอาใจรากหญ้าได้อย่างเดียว แต่คงต้องหันกลับมาดูชนชั้นกลางควบคู่กันไปด้วย เพราะคือความอยู่รอดของตัวเองเหมือนกัน" นายอเนก กล่าวและว่า รูปแบบของข้อเรียกร้องของกลุ่มคนเสื้อแดงและเสื้อเหลืองจึงต้องตัดเรื่องตัวบุคคลออกไปให้ได้ เพื่อหาจุดร่วมว่าท้ายสุดทั้งเหลืองและแดงต้องการเห็นประเทศไทยเดินไปแบบไหน" นายอเนก กล่าว

ด้านนายสุรพล กล่าวว่า เชื่อว่าชีพจรประเทศไทยในอนาคตก็คงเต้นผิดปกติต่อไป เพียงแต่ 3 ปีที่ผ่าน เต้นเร็วมาก จนสงสัยเป็นโรคความดันสูง ทางการแพทย์ถือเป็นเรื่องน่าห่วงว่าอาจมีโรคแทรก เมื่อไรหนังสือพิมพ์การเมืองขายดี แสดงว่ามีความผิดปกติ เพราะคนไทยสนใจเรื่องการเมืองมาก เนื่องจากมีผลกระทบ ประเทศไทยผ่านการใช้รัฐธรรมนูญมาแล้วไม่ต่ำกว่า 20 ฉบับ ดังนั้นหากจะมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ใช้ในปลายปีนี้หรือต้นปีหน้าก็คิดว่าไม่ทำให้ประเทศไทยเกิดความเปลี่ยนแปลงไปมากนัก จะมีก็แต่จากนี้ไปจะไม่มีผู้นำคนใดที่จะสามารถขับเคลื่อนสังคมได้โดยลำพัง คนไทยจึงต้องทำตัวให้เคยชินกับการยอมรับความแตกต่าง เคารพกติการักษากฎเกณฑ์ ไม่ไว้หน้าใครทั้งสิ้น คนที่กระทำละเมิดกฎหมายต้องรับผิดชอบ ซึ่งเห็นด้วยกับการที่กกต.วินัจัยกรณีการถือครองหุ้น ส.ส.และส.ว.

นายสุรพล กล่าวอีกว่า ใครทำผิดก็ต้องติดคุกไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหน ยืนยันว่า เสื้อเหลืองและเสื้อแดง ต้องมีใครสักคนต้องติดคุก ทั้งสองฝ่ายหากทำผิดต้องติดคุกเหมือนกัน เพื่อรักษากระบวนการยุติธรรมและสังคมไว้ ทั้งนี้มองว่า การเปลี่ยนแปลงการเมืองมีเงื่อนไขภายใต้ 3 ข้อ คือ กฎเกณฑ์ เจ้าหน้าที่และคนกลาง ที่ต้องกล้าตัดสินใจ ไม่ว่าใครมาเป็นผู้นำ ต้องรักษาหลักให้อยู่ได้ แต่ขณะนี้ยังมีเรื่องที่พล.ต.ท.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองผบ.ตร.ถูกขู่ ในการทำคดีนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตร ก็สะท้อนปัญหาตรงนี้อยู่ กระบวนการจะบังคับใช้กฎหมายก็อยู่ที่ฝ่ายการเมืองเป็นสำคัญด้วย

นายสุรพล กล่าวอีกว่า ที่สำคัญสถานการณ์การตัดสินคดีความต่างๆของศาลทั้งเรื่องเงิน 76,000 ล้านบาท คดีกล้ายาง และการเลือกตั้งซ่อมส.ส.และส.ว.ช่วงปลายปีและต้นปีจะเป็นเวทีให้การเมืองได้แสดงออกจึงทำให้โอกาสที่จะเกิดการปะทะกันรุนแรงเหมือนเช่นเดือนเมษายนมีน้อยมาก ประกอบกับปัจจัยทางเศรษฐกิจที่รุมเร้าทำให้ประชาชนได้ตัดสินใจที่จะไม่ใช้ความรุนแรง เพราะตระหนักและยอมรับให้กระบวนการยุติธรรมเดินหน้าตัดสิน จึงคิดว่ารัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ยังสามารถรักษาเสถียรภาพทางการเมืองไปได้จนถึงเดือนมกราคมปี 53

ด้าน นายแก้วสรร กล่าวว่า รัฐบาลอภิสิทธิ์ ล้วนกำลังเจอปัญหาข้าราชการใส่เกียร์ว่าง ทั้ง ตำรวจ ทหาร ก.พาณิชย์ ฯ นายอภิสิทธิ์เป็นเพียงนายกรัฐมนตรีที่มีแต่ตำแหน่งแต่ยังไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก ขณะที่พรรคเพื่อไทยก็ยังไม่มีหัวหน้าพรรค การเลือกตั้งซ่อมส.ส.สกลนครสู้กันแบบเอาเป็นเอาตาย ทั้งที่ความจริงนายเนวิน ชิดชอบไม่สมควรแสดงความท้าทายพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มากถึงขนาดนี้ ซึ่งการเมืองที่ผ่านมาพ.ต.ทักษิณ สามารถทำพรรคเป็นเซเว่นอีเลฟเว่น จึงสมารถทำอะไรก็ได้ ดังนั้นประเทศไทยในอนาคตจึงต้องหาผู้นำที่เชื่อมความแตกต่างให้มารวมกันให้ได้ และต้องก้าวข้ามพ.ต.ท.ทักษิณไปให้ได้ เพื่อหาทางออกของประเทศร่วมกันทั้งเสื้อเหลืองและเสื้อแดง

"ตอนนี้มียักษ์กำลังออกจากตะเกียง กลุ่มหนึ่งเรียก เสื้อแดง พรรคเพื่อไทย ยักษ์อีกตนหนึ่งเป็นสีเหลืองที่กำลังตั้งพรรคการเมือง ซึ่งเชื่อว่าท้ายสุด ยักษ์ทั้งสองตัวก็คงไม่ยอมอยู่ในระบบ ผมคิดว่าการที่เสื้อเหลืองคิดตั้งพรรคจึงเป็นเรื่องโง่มาก ขอถามว่า ทั้ง 2 สีมีความฝันอะไรที่ตรงกัน สิ่งนั้นคือ อะไร ตรงนี้เป็นกุญแจ ที่จะพาไปกันหาจุดทางออกของประเทศไทย" นายแก้วสรร กล่าวตอนท้าย

 

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook