ตัดสินประหารชีวิตอดีตส.ว.สุขุมจ้างวานฆ่าพญ.รพ.จุฬาฯล้างหนี้ ศาลอุทธรณ์พิพากษาประหารชีวิต อดีต สว.ช้

ตัดสินประหารชีวิตอดีตส.ว.สุขุมจ้างวานฆ่าพญ.รพ.จุฬาฯล้างหนี้ ศาลอุทธรณ์พิพากษาประหารชีวิต อดีต สว.ช้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 26 มิถุนายน ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์พิพากษาประหารชีวิต นายธนศักดิ์ หรือใหม่ ยิ้มดี อายุ 37 ปี, นายสราวุธ หรือตั๊ก ไชยสิงห์ อายุ 36 ปี, นายวิเชียร หรือม่อน กิตติธนากร อายุ 49 ปี และนายสุขุม เชิดชื่น อดีต สมาชิกวุฒิสภา อายุ 52 ปี จำเลยที่ 1, 2 , 4 และ 5 ในความผิดฐานจ้าง วาน ใช้ และร่วมกันฆ่า พ.ญ.นิชรี มะกรสาร วิสัญญีแพทย์ รพ.จุฬา โดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน ,กระทำผิด พ.ร.บ.อาวุธปืน ปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม แต่จำเลยที่ 1 , 2 และ 4 ให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์ลดโทษให้กึ่งหนึ่งเหลือจำคุกตลอดชีวิต

คดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา2 ตามโจทก์ฟ้องสรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 15 ตุลาคม 25 ตุลาคม 2539 ต่อเนื่องกัน จำเลยที่ 3 และที่ 5 ร่วมกันจ้างวานให้จำเลยที่ 1,2 และ4 ร่วมกันฆ่าผู้ตาย ด้วยค่าจ้างจำนวน 500,000 บาท กระทั่งวันที่ 25 ตุลาคม 2539 เวลา 05.30 น. จำเลยที่ 1,2 และ 4 ร่วมกันใช้อาวุธปืนสั้นออโตเมติกไม่มีทะเบียนขนาด 11 มม. พร้อมเครื่องกระสุนจำนวน 18 นัดของจำเลยที่ 3 ที่นำมาให้เพื่อกระทำผิด ไปใช้ยิง พ.ญ.นิชรีจำนวน 5 นัด จนถึงแก่ความตายขณะเดินทางออกจากบ้านพักย่านห้วยขวาง เนื่องมาจากจำเลยที่ 5 มีความขัดแย้งกับผู้ตายในเรื่องการบริหารโรงเรียนโรจนเสรีอนุสรณ์ โดยผู้ตายปลดจำเลยที่ 5 ออกจากตำแหน่งผู้จัดการโรงเรียน กระทั่งเกิดเป็นคดีความฟ้องร้องกันทั้งในทางแพ่งและทางอาญาหลายคดี นอกจากนี้ยังมีเรื่องที่แม่ผู้ตายถูกจำเลยที่ 5 หลอกลวงให้มอบเงินจำนวน 200 ล้านบาท ไปซื้อที่ดินอ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี เนื้อที่ 100 ไร่ เพื่อทำสนามกอล์ฟทั้งที่ผู้ตายและบิดาคัดค้าน รวมทั้งเรื่องการขัดธุรกิจบริษัท มิลเลียน กรุ๊ป จำกัด ซึ่งค้าขายรถยนต์และรถจักรยานยนต์มือสอง และรับทวงหนี้ จำเลยที่ 1 ,2 และ 4 ในการรับสารภาพชั้นสอบสวนแต่กลับคำให้การในชั้นพิจารณาคดี ส่วนจำเลยที่ 5 ให้การปฎิเสธตลอดข้อกล่าวหา

คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2547 สรุปว่า จำเลยที่ 1,2 และ 4 กระทำผลายกรรม ให้ลงโทษทุกกรรมฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน และผิด พ.ร.บ.อาวุธปืน พิพากษาให้ประหารชีวิตจำเลยที่ 1 , 2 และ 4 แต่คำให้การ ในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์ จึงเห็นควรลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยที่ 1,2 และ4 ไว้ตลอดชีวิต ส่วนจำเลยที่ 5 มีความผิดฐานจ้างวานใช้ให้ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ตามมาตรา 289 อนุ 4 ประกอบมาตรา 84 เสมือนเป็นตัวการในการฆ่า พิพากษาลงโทษประหารชีวิตสถานเดียว ต่อมาจำเลยที่ 1 , 2 , 4 และ 5 อุทธรณ์ขอให้ศาลยกฟ้อง

ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือแล้วเห็นว่า โจทก์มีพยานซึ่งจำเลยที่ 4 ชักชวนมาทำหน้าที่ดูต้นทางให้จำเลยที่ 1 และ 2 ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย ซึ่งแม้จะเป็นผู้ร่วมกระทำผิดด้วย แต่ไม่ถูกดำเนินคดี ดังนั้นศาลจำต้องรับฟังคำเบิกความพยานปากนี้ด้วยความระมัดระวัง เห็นว่าพยานโจทก์ปากดังกล่าวเบิกความถึงรายละเอียดตั้งแต่วันที่ 24 ตุลาคม 2547 ที่ชักชวนให้ไปดูบ้านผู้ตาย โดยมีจำเลยที่ 1 และ 2 ติดตามไปด้วยแต่ไม่พบรถผู้ตาย จึงนัดหมายลงมืออีกครั้ง เวลา 05.00 น. วันที่ 25 ตุลาคม 2547 ซึ่งพบรถยนต์ผู้ตายอยู่ในบ้าน จำเลยที่ 1 จึงลงมือยิง แล้ว จำเลยที่ 2 ขับรถหลบหนี ซึ่งแม้พยานไม่ได้ยื่นยันว่าจำเลยที่ 1 , 2 และ 4 เป็นคนยิงผู้ตาย แต่ระหว่างยืนดูต้นทางที่บริเวณปากซอยทวีมิตร 9 ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นติดต่อกัน 4 นัด และต่อมาได้ยินอีก 1 นัด ซึ่งคำเบิกความดังกล่าวสอดคล้องกับคำรับสารภาพในชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 1 , 2 และ 4 ว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้ลงมือยิงผู้ตาย มีจำเลยที่ 2 ขับรถหลบหนี อีกทั้งจำเลยยังพาไปชี้จุดเกิดเหตุ ไปขอขมาภาพผู้ตายต่อหน้านายตำรวจชั้นผู้ใหญ่และสื่อมวลชน แม้ภายหลังจำเลยที่ 1, 2, และ 4 จะกลับคำให้การภายหลัง อ้างว่าถูกทำร้ายร่างกายบังคับให้รับสารภาพนั้น จากผลตรวจร่างกายไม่พบว่ามีบาดแผลถูกทำร้ายแต่อย่างใด แต่เชื่อว่าคำให้การในชั้นสอบสวนที่ให้การหลังเกิดเหตุทันทีเป็นจริงยิ่งกว่า รับฟังได้อย่างปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยที่ 1, 2 และ 4 กระทำผิดตามฟ้องจริง ที่ศาลชั้นต้นพิพากษา นั้นชอบแล้ว อุทธรณ์ที่ 1, 2 และ 4 ฟังไม่ขึ้น

ส่วนจำเลยที่ 5 กระทำผิดฐานเป็นผู้จ้างวานฆ่าหรือไม่นั้น โจทก์มีพนักงานสอบสวนชั้นผู้ใหญ่เบิกความสอดคล้องต้องกัน ว่าหลังเกิดเหตุได้สอบปากคำครอบครัวของผู้ตายให้การถึงเรื่องที่จำเลยที่ 5 มีความขัดแย้งทางธุรกิจกับนางฉลวย และผู้ตายกำลังตรวจสอบเรื่องการซื้อขายที่ดิน อ.แก่งกระจาย จ.เพชรบุรี มูลค่า หลายร้อยล้าน จนมีเรื่องฟ้องร้องในคดีแพ่งหลายคดี ประกอบกับได้ความจาก จ.ส.อ.เมตตาหรือกรุณา เต็มชำนาญ คนสนิทจำเลยที่ 5 และนายมงคล หรือหมง นกทอง ที่จำเลยที่ 5 เคยติดต่อว่าจ้างให้ฆ่าผู้ตายครั้งแรก เบิกความ ยืนยันว่า จำเลยที่ 5 เคยใช้จ้างวานให้ไปฆ่าผู้ตายภายในงานเลี้ยงครบรอบ 50 ปี โรงเรียนโรจนเสรีอนุสรณ์ ที่โรงแรมเอเซีย แต่ไม่นายมงคล ไม่ได้ลงมือ ขณะที่ก่อนเกิดเหตุผู้ตายเคยพูดกับเพื่อนร่วมงานว่าหากเป็นอะไรไป เชื่อว่าน่าจะเกิดจากฝีมือของจำเลยที่ 5 ซึ่งก่อนเกิดเหตุผู้ตายไม่อนุญาตให้บุคคลอื่นขึ้นรถของผู้ตาย จึงเชื่อว่าการที่ครอบครัวผู้ตายมีเรื่องฟ้องร้องกับจำเลยที่ 5 ดังกล่าวน่าจะเป็นสาเหตุหนึ่ง แสดงให้เห็นว่าจะกระทบต่อประโยชน์ชื่อเสียงและสถานะทางสังคมของจำเลยที่ 5 จึงเกิดความขุ่นเคืองและว่าจ้างให้จำเลยที่ 1 , 2 และ 4 ฆ่าผู้ตาย การกระทำของจำเลยที่ 5 จึงเปรียบเสมือนเป็นตัวการกระทำผิด พิพากษาให้ประหารชีวิตจำเลยที่ 5 สถานเดียว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook