คลังเล็งออกขายพันธบัตรชุด 2 วงเงิน3หมื่นล้านอายุ 7 ปี

คลังเล็งออกขายพันธบัตรชุด 2 วงเงิน3หมื่นล้านอายุ 7 ปี

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
คลังเปิดขาย"พันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็งวงเงิน 50,000 ล้านบาท ผ่านสาขาธนาคาร 7 แห่ง 13-21 ก.ค.นี้ เผยยอดขายทะลุเป้า เตรียมเข็นชุด 2 ขายในวันแม่-วันพ่อวงเงิน 30,000 ล้านบาท อายุ 7 ปี

นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยหลังลงนามสัญญาแต่งตั้งธนาคารพาณิชย์ 7 แห่งเป็นตัวแทนจำหน่าย "พันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็ง อายุ 5 ปี วงเงิน 50,000 ล้านบาท ระหว่างวันที่ 13-21 ก.ค.นี้ ว่า การเปิดขายพันธบัตรออมทรัพย์รอบนี้คงต้องมีการประเมินผลการจัดจำหน่าย หากประชาชนมีความต้องการมากเกิน 50,000 ล้านบาท รัฐบาลพร้อมจะออกพันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็งชุดที่ 2 อายุมากกว่า 5 ปี

นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ผู้อำนวยการ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) กล่าวว่า แผนการออกพันธบัตรออมทรัพย์ชุดต่อไปจะอายุ 7 ปี วงเงินไม่เกิน 30,000 ล้านบาท ส่วนรายละเอียดต่างๆ อาทิ อัตราดอกเบี้ย,รูปแบบการจ่ายผลตอบแทน ยังไม่ได้กำหนดอยู่ระหว่างศึกษา คาดจะเปิดจำหน่ายในช่วงวันเทศกาลสำคัญ เช่น วันพ่อ หรือวันแม่

สำหรับพันธบัตรออมทรัพย์ชุดแรก อายุ 5 ปี จุดเด่นอยู่ที่การจ่ายดอกเบี้ยแบบขั้นบันได โดยปีที่ 1-2 จ่ายดอกเบี้ย 3% ต่อปี,ปีที่ 3 จ่ายดอกเบี้ย 4% ต่อปี และปีที่ 4-5 จ่ายดอกเบี้ย 5% ต่อปี โดยจะจ่ายดอกเบี้ยปีละ 2 ครั้ง ในวันที่ 13 ม.ค.และ 13 ก.ค.ของทุกปี เป็นจำนวนเงินงวดละเท่าๆ กัน ไปจนกว่าจะครบกำหนดไถ่ถอน ยกเว้นงวดที่ 1 และ 2 จะคำนวณดอกเบี้ยจากจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง โดยธนาคารแห่งประเทศไทยจะเป็นผู้หักภาษี ณ ที่จ่ายทุกครั้ง ที่มีการจ่ายดอกเบี้ย

ในกรณีที่ผู้ถือพันธบัตรต้องการขายหรือโอนกรรมสิทธิ์จะกระทำได้ภายหลังจากที่พันธบัตรมีอายุครบ 6 เดือนขึ้นไป นับจากวันที่มีการเปิดจำหน่ายวันแรก หรือตั้งแต่ 13 ม.ค. 2553 เป็นต้นไป ยกเว้นการโอนกรรมสิทธิ์เพื่อเป็นหลักประกัน,โอนทางมรดก,การแบ่งทรัพย์สินเนื่องจากการหย่า,ล้มละลายหรือชำระบัญชี สามารถโอนกรรมสิทธิ์ได้ทันทีหลังจากที่มีการรับใบพันธบัตรแล้ว แต่ทั้งนี้ก่อนครบกำหนดไถ่ถอนเงินต้น 30 วัน จะไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ๆได้

ส่วนผู้ที่มีสิทธิซื้อในตลาดแรก ประกอบด้วย ผู้สูงอายุ ประชาชนทั่วไป สภากาชาดไทย มูลนิธิ สมาคม สหกรณ์ วัด สถานศึกษาของรัฐ โรงพยาบาลของรัฐ และนิติบุคคลอื่นที่ไม่แสวงหากำไร ซื้อได้ 10,000 บาทขึ้นไป แต่ไม่เกิน 1 ล้านบาท

สำหรับผู้ที่สนใจต้องการที่จะลงทุนในพันธบัตรไทยเข้มแข็ง จองซื้อได้ผ่านสาขาธนาคารพาณิชย์ 7 แห่ง ได้แก่ กรุงเทพ,กสิกรไทย,กรุงไทย,ไทยพาณิชย์,กรุงศรีอยุธยา,ทหารไทย และนครหลวงไทย

นางอัจนา ไวความดี รองผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า พันธบัตรออมทรัพย์วงเงิน 50,000 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนเพียง 0.5% ของฐานเงินฝาก 9.6 ล้านล้านบาท ดังนั้นคงไม่กระทบดอกเบี้ยหรือเงินเฟ้อน้อยมาก และเมื่อรัฐบาลได้เงินจากการขยายพันธบัตรก็ต้องมีการใช้จ่ายออกมา ฉะนั้นจะไม่ทำให้สภาพคล่องเปลี่ยนแปลงไปมาก ขณะที่ ธปท.ก็จะติดตามสภาพคล่องให้เหมาะสมในระดับที่รักษาอัตราดอกเบี้ยนโยบายให้อยู่ได้

ข้อดีของพันธบัตรออมทรัพย์ คือ ช่วยลดสภาพคล่องที่มีจำนวนมากได้ระดับหนึ่ง และยังเป็นการเพิ่มทางเลือกให้ผู้ลงทุน ซึ่งในอนาคตสถาบันคุ้มครองเงินฝากจะมีผลบังคับใช้ผู้ออมก็ต้องหาผลิตภัณฑ์การเงินแทนเงินฝาก นี่คืออีกขั้นหนึ่งที่ผู้ออมจะหาทางเลือกมากขึ้นนางอัจนากล่าว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook