มาร์คตอกกลับค้านขึ้นทะเบียนพระวิหารมรดกโลกไม่เกี่ยวเขมร มทภ.2หนักใจฮุนเซนเมินเจรจาไทย

มาร์คตอกกลับค้านขึ้นทะเบียนพระวิหารมรดกโลกไม่เกี่ยวเขมร มทภ.2หนักใจฮุนเซนเมินเจรจาไทย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
มาร์คยันค้านขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารกับกก.มรดกโลกไม่เกี่ยวเขมรมทภ.2 หนักใจฮุนเซนไม่เจรจากับสุเทพ-ประวิตรส่งผลทหาร 2 ประเทศเผชิญหน้ากันตลอดเวลาระดับผู้ปฏิบัติยังคุยกันได้หวั่นบานปลายรุนแรงถึงขั้นปะทะกัน ระดมทหารเขมรตรึงกำลังรอบพระวิหาร ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน เว็บไซด์สำนักข่าวไทย รายงานคำสัมภาษณ์ของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ระหว่างภารกิจเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 24-27 มิ.ย. 2552 ถึงกรณี สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา จะไม่เจรจากับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงถึงปัญหาปราสาทพระวิหาร ว่า การขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก เป็นเรื่องของคณะกรรมการมรดกโลก ซึ่งไทยยืนยันชัดเจนว่า ไม่เกี่ยวข้องกับกัมพูชา เป็นปัญหาระหว่างไทยกับคณะกรรมการมรดกโลก ที่ไทยไม่ต้องการให้การประกาศเป็นมรดกโลก มากระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างไทยและกัมพูชา ซึ่งจะทำให้เกิดการกระทบกระทั่งกัน ส่วนเรื่องของเขตแดน ก็มีกลไกอยู่แล้ว ซึ่งนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯและพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ที่จะเดินทางไป โดยในการเจรจา ก็จะยืนยันในกรอบที่ได้มีการตกลงระหว่างสองฝ่าย ไม่ได้มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องปราสาทพระวิหาร

ด้าน พลโทวิบูลศักดิ์ หนีพาล แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงกรณีที่สมเด็จฮุนเซนายกรัฐมนตรีกัมพูชาประกาศที่จะไม่เจรจากับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯและพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหมและฝ่ายความมั่นคงของประเทศไทย รวมทั้งผลการเดินทางไปที่ปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ เพื่อเจรจาหารือกับ ผบ.กองกำลังทหารภูมิภาคที่ 4 ของกัมพูชา เมื่อเย็นวันที่ 25 มิ.ย.ว่า สำหรับการเดินทางไปพบกับ ผบช.กำลังทหารภูมิภาคที่ 4 กัมพูชานั้น เป็นการไปหารือถึงการประชุมของทหารในระดับภูมิภาค ผู้ปฏิบัติ ถึงสถานการณ์ตามแนวชายแดนระหว่างทั้ง2ประเทศ ซึ่งทางกองทัพภาคที่ 2 จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมหารือในปลายเดือน ก.ค.52 นี้ที่ จ.นครราชสีมา เพื่อสรุปปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมดในช่วงที่ผ่านมาที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข สาระสำคัญในการประชุมหารือคือเรื่องการปรับกำลังทหารของทั้ง 2 ประเทศ ให้เหมาะสม เนื่องจากที่ผ่านมาทหารทั้ง 2 ประเทศได้เคลื่อนกำลังเข้าหากันซึ่งหากไม่มีการแก้ไขปัญหาอาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้รวมทั้งเพื่อลดความตรึงเครียดของทหารทั้ง 2 ประเทศ ไม่ให้มีการเผชิญหน้ากันมากจนเกินไป

เมื่อถามว่าการที่สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาประกาศที่จะไม่เจรจากับฝ่ายมั่นคงของฝ่ายไทยนั้นจะส่งผลกระทบและสร้างความตรึงเครียดให้กับตามแนวชายแดนหรือไม่นั้น แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องในระดับนโยบาย ส่วนผู้ปฏิบัตินั้นยอมรับว่ารู้สึกหนักใจ เนื่องจากณะนี้ทหารทั้ง 2 ประเทศมีการเผชิญหน้ากันตลอดเวลา ส่วนในระดับนโยบายของ 2 ประเทศน่าจะหาทางแก้ไขปัญหา ส่วนผู้ปฏิบัติจะต้องปฏิบัติตามนโยบายอยู่แล้ว

ขณะที่ นายปองพล อดิเรกสาร อดีตประธานคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก กล่าวว่า ความวุ่นวายและความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทยกับกัมพูชาในขณะนี้ เกิดจากรัฐบาลผูกโยงเอาเรื่องการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกกับข้อพิพาทเกี่ยวกับเขตแดนมารวมกัน จนทำให้เหตุการณ์ดูเหมือนจะยิ่งบานปลายมากขึ้น รวมทั้งการที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้คัดค้านการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกของกัมพูชาต่อยูเนสโก โดยส่งนายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นผู้แทนไทยไปยื่นหนังสือคัดค้านในที่ประชุมของคณะกรรมการมรดกโลก ที่เมืองเซบีญา ประเทศสเปน ระหว่างวันที่ 23-30 มิถุนายน ตนมองว่าการส่งนายสุวิทย์ไปครั้งนี้จะไม่มีประโยชน์อะไร และเป็นวิธีที่ไม่ถูกต้อง มันสายเกินไปที่จะยื่นคัดค้าน เพราะยูเนสโกได้พิจารณาและตัดสินให้ปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกแล้ว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook