รถบรรทุกพ่วง 18 ล้อถูกกระบะยูเทิร์นตัดหน้า เบรกไม่ทันเสียหลักพุ่งชนกันอย่างจัง

รถกระบะยูเทิร์นตัดหน้า รถบรรทุกพ่วง 18 ล้อที่อำเภอหนองไผ่ จังหวัดเพชรบูรณ์ จนรถบรรทุกพ่วงเบรกไม่อยู่ พุ่งชนกันอย่างจัง หลังมีฝนตกหนัก-ทัศนวิสัยแย่

วันที่ 20 สิงหาคม 2562 ช่วงค่ำ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองไผ่ อำเภอหนองไผ่ จังหวัดเพชรบูรณ์ ได้รับแจ้งว่าเกิดอุบัติเหตุรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ พุ่งชนกับรถกระบะ บริเวณจุดกลับรถบ้านเนินมะค่าน้อย หมู่ที่ 3 ตำบลบัววัฒนา อำเภอหนองไผ่  จึงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญูจุดหนองไผ่ รุดไปยังที่เกิดเหตุ บนเส้นทางหลวงหมายเลข 21 ถนนสายสระบุรี - หล่มสัก

พบรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ ยี่ห้อ HINO  สีขาว ทะเบียน 83-9355 อุดรธานี และลูกพ่วง ทะเบียน 83-9356 อุดรธานี สภาพพลิกคว่ำอยู่ริมถนน มีเมล็ดข้าวโพดไหลออกมากองอยู่บนพื้นถนนจำนวนมาก โดยมี นายเฉลิมพล อายุ 38 ปี เป็นคนขับ ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยที่แขน ส่วนภรรยาที่นั่งคู่มาด้วย ก็ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเช่นกัน

ห่างกันออกไปเล็กน้อย พบรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ ทะเบียน บษ 3138 เพชรบูรณ์ สภาพถูกชนจนล้อด้านหน้าหลุด ก่อนเสียหลักพุ่งเข้าป่าข้างถนน มีนายสุวัชชัย อายุ 44 ปี เป็นคนขับ ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด

ซึ่งขณะเกิดเหตุ พบว่ามีฝนตกลงมาอย่างหนักนับชั่วโมง ส่งผลให้ทัศนวิสัยบนท้องถนนไม่ดี เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจและกู้ภัยต้องเปิดไฟฉุกเฉิน เพื่อส่องสว่างเกรงว่าจะเกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน รวมทั้งให้ผู้ที่สัญจรไปมา มองเห็นได้แต่ไกล

จากการสอบถามนายเฉลิมพล คนขับรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ เล่าว่า ได้ขับรถบรรทุกเมล็ดข้าวโพด น้ำหนักกว่า 30 ตัน มาจากตำบลนาเฉลียง อำเภอหนองไผ่ จังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อจะไปส่งที่จังหวัดอยุธยา  โดยระหว่างทางมีฝนตกลงมาอย่างหนัก ซึ่งตนก็ไม่ได้ขับเร็วแต่อย่างใด เพราะมีการติดตั้งระบบ GPS ควบคุมความเร็วตามกำหนด 

กระทั่งมาถึงที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นจุดกลับรถ พบว่าได้มีรถกระบะ ทำการเลี้ยวยูเทิร์นตัดหน้าในระยะกระชั้นชิด ทำให้ตนเบรกไม่ทัน จึงพุ่งชนเข้าบริเวณช่วงหน้ารถอย่างจัง จนล้อหน้ารถกระบะหลุด และตัวรถกระบะก็ได้เสียหลักพุ่งลงข้างทาง 

ส่วนรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อของตน ก็ได้เสียหลักพลิกคว่ำอยู่ริมถนน จนเมล็ดข้าวโพดหล่นกระจายเกลื่อนพื้น  โชคดีที่ตนและภรรยา พร้อมทั้งคนขับรถกระบะต่างไม่มีใครเป็นอะไรมาก ซึ่งในเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองไผ่ จะได้ทำการสอบสวน เพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัดอีกครั้งหนึ่ง