ทูตประจำยูเอ็นเตือนระวังกัมพูชาล้ำแดนไทย มาร์คไม่เปลี่ยนจุดยืนพระวิหาร เชื่อปัญหาไม่ลุกลาม

ทูตประจำยูเอ็นเตือนระวังกัมพูชาล้ำแดนไทย มาร์คไม่เปลี่ยนจุดยืนพระวิหาร เชื่อปัญหาไม่ลุกลาม

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
อภิสิทธิ์ ย้ำไม่เปลี่ยนจุดยืนกรณีพระวิหาร ซัดฝ่ายค้านหวังยุยงให้เกิดปัญหาชายแดน เหน็บนพดลสร้างปัญหาให้ตามแก้ เผยคุยฮุน เซนชื่นมื่น เน้นเรื่องปัจจุบันกับอนาคตแต่ไม่หวนอดีต ด้าน สุเทพ เชื่อฝันร้ายไม่เกิดขึ้นอึก ส่วนทูตไทยประจำยูเอ็นห่วงเขมรกำหนดพื้นที่รุกล้ำผืนดินไทย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน โต้ข้อกล่าวหาของนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย และนายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่ระบุว่า รัฐบาลได้ยกธงขาวยอมแพ้เรื่องปราสาทพระวิหาร หลังนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เดินทางไปเยือนประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 27 มิถุนายนที่ผ่านมาว่า ไม่ใช่ คำพูดที่นายสุเทพพูดหลังจากไปพบกับสมเด็จฯ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้ยืนยันตรงกับตอนที่ตนไปคุยกับสมเด็จฯฮุน เซน ความหมายคือ ปัญหานี้ต้องไม่มาเป็นปัญหาที่กระทบต่อความร่วมมือในปัจจุบันและอนาคตในเรื่องอื่นๆ ซึ่งมีหลายเรื่องที่กำลังจะทำ

ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุใดภาพที่ออกมาจึงเหมือนรัฐบาลยอมทางการกัมพูชา นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย ต้องระวัง เพราะมีคนเอาคำพูดไปอ้าง และพยายามไปพูดให้เกิดปัญหาระหว่าง 2 ประเทศอีก แต่ความเข้าใจคือเหมือนเดิมทุกอย่าง

ยืนยันว่า ไม่ว่าผมจะเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน จุดยืนเหมือนเดิม ต้องย้อนกลับไปดูทุกคำพูดของผม อย่างกรณีปราสาทพระวิหาร ได้บอกว่าประเทศไทยต้องเคารพและปฏิบัติตามมติของศาลโลก แต่เราสงวนสิทธิ์ไว้ ซึ่งก็เป็นไปตามธรรมนูญของศาลโลก คือถ้ามีข้อมูลหรือข้อเท็จจริงที่ปรากฏขึ้นมาแล้วสามารถทำให้มีการทบทวนในเรื่องคดีได้ เราก็จะยังดำเนินการ มันไม่ใช่ที่มีคนไปอ้างว่าจะเข้าไปบุกทวงอะไร ไม่มีใครพูดอย่างนั้น ดังนั้นผมคิดว่าต้องระวัง เพราะมันมีคนบางฝ่ายพยายามจะทำให้เกิดปัญหาชายแดนขึ้นมาระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน ผมยืนยันว่ารัฐบาลไทยรักษาสิทธิของประเทศไทยไว้เหมือนเดิมทุกประการในขณะนี้ และก็แปลกที่คนที่พูดไปสร้างปัญหาไว้ ยังไม่ทราบอีกว่าต้องมาไล่ตามปัญหาให้ท่านน่ะ นายกรัฐมนตรีกล่าว

นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ในการพบสมเด็จฯฮุน เซน 3-4 ครั้ง ทุกครั้งสมเด็จฯฮุน เซน จะเป็นคนพูดขึ้นมาเองว่า เนี้เป็นปัญหาที่ทั้งสองฝ่ายรับมาจากอดีต ขอให้คุยกันในเรื่องปัจจุบันและอนาคต ดังนั้นไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง อย่าไปตกเป็นเหยื่อของคนที่พยายามสร้างประเด็นนี้ขึ้นมา

เมื่อถามย้ำว่า องค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) รับคำร้องขอให้ทบทวนเรื่องการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกของกัมพูชาฝ่ายเดียวหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า กำลังรอนายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะประธานกรรมการมรดกโลกของไทย ที่ได้ไปยื่นประเด็นและความเห็น ซึ่งยูเนสโกก็ต้องพิจารณาขั้นตอนที่กัมพูชาต้องดำเนินการ และเดิมเข้าใจว่าจะต้องดำเนินการในปี 2552 แต่ยูเนสโกตัดสินใจเลื่อนเรื่องนี้ไปพิจารณาในปี 2553 นี่คือสถานการณ์ล่าสุดที่ได้รับทราบ แต่นายสุวิทย์ บอกว่าจะรายงานให้ทราบอีกที

ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไปพบสมเด็จฯฮุน เซน ในฐานะที่เคารพนับถือเป็นการส่วนตัว ซึ่งสมเด็จฯ ฮุน เซน ได้ให้เกียรติ ภริยาของท่านก็ทำอาหารให้รับประทานด้วยตัวเอง เป้าหมายหลักที่คุยคือ ต้องการให้สองประเทศมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน ประชาชนไปมาหาสู่คบค้าสมาคมกันได้ และต้องช่วยแก้ไขสถานการณ์ไม่ให้เกิดความตึงเครียดตามแนวชายแดน รวมทั้งจะต้องร่วมมือกันในการพัฒนาโครงการต่างๆ เพื่อให้เกิดประโยชน์กับทั้งสองประเทศ เช่น โครงการสร้างเขื่อนผลิตไฟฟ้าจากพลังน้ำสะตึมงำ ซึ่งจะได้น้ำมาใช้ในเขตนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง และได้ไฟฟ้าจากพลังน้ำมาใช้ทั้งสองประเทศ รวมถึงการพัฒนาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล เพื่อนำเอาก๊าซธรรมชาติมาใช้ร่วมกัน นอกจากนี้ยังได้มีการติดตามเรื่องการแลกเปลี่ยนนักโทษ โดยสัปดาห์นี้จะมีการส่งนักโทษชาวไทยที่ถูกจำคุกในกัมพูชามารับโทษต่อในไทย โดยในเบื้องต้นจะส่งมา 2 คน

เมื่อถามว่า เมื่อได้พูดคุยแล้ว แต่ทำไมยังมีการเสริมกำลังบริเวณชายแดนเขาพระวิหาร นายสุเทพกล่าวว่า ค่อยๆดูไป ต่อจากนี้ไปความตึงเครียดไม่เพิ่มขึ้นแน่นอน มีแต่ลดลง เมื่อถามว่า ยืนยันว่าจะไม่มีฝันร้ายระหว่างกันอีกใช่หรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ไม่มีครับ สมเด็จฯฮุน เซน รับรองกับผม แต่หากมีการปะทะกันก็ต้องไปคุยกันใหม่

นายนรชิต สิงหเสนี เอกอัครราชทูตไทยประจำสหประชาชาติ(ยูเอ็น) ณ นครนิวยอร์ค ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ มอบเงินและสิ่งของให้แก่ทหารที่ได้รับบาดเจ็บ และครอบครัวของทหารที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่บริเวณเขาพระวิหาร เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ โดยมีพล.ท.วิโรจน์ บัวจรูญ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก(ผู้ช่วยผบ.ทบ.)รับมอบ ว่ายูเอ็นมีความเป็นห่วงและกังวลต่อสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชา หากทั้ง 2 ประเทศมีการตรึงกำลังกันและเผชิญหน้ากัน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ปัญหาระหว่างไทยกัมพูชาไม่ได้อยู่ในระเบียบวาระของยูเอ็นหรือคณะมนตรีความมั่นคง

เมื่อถามว่า ในฐานะเป็นเอกอัครราชทูตจะทำความเข้าใจกับต่างประเทศอย่างไร นายนรชิต กล่าวว่า เอกอัครราชทูตไทยทุกคนมีหน้าที่ชี้แจงทำความเข้าใจกับมิตรประเทศให้ถูกต้องว่า ไทยไม่มีความคิดจะรุกรานหรือร้องเอาปราสาทพระวิหารคืน แต่สิ่งที่ทำในหลักการ คือตัวปราสาทพระวิหารเป็นของกัมพูชา และได้จดทะเบียนเป็นมกดกโลกแล้ว แต่การบริหารจัดการได้ดีที่สุดเห็นว่า ไทยก็มีสถานที่ในบริเวณใกล้เคียงกับปราสาทพระวิหารที่ควรจะเป็นมรดกโลก หากมีการจดทะเบียนร่วมกันน่าจะเป็นสิ่งที่ดี ทั้งนี้ 2 ประเทศจะต้องหารือร่วมกัน รวมถึงยูเนสโกที่จะเห็นดีด้วย

เมื่อกัมพูชาได้จดปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก สิ่งที่กัมพูชาต้องทำหลังการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก คือกำหนดเขตพื้นที่กันชนและเขตพื้นที่อนุรักษ์ เพื่อยื่นต่อคณะกรรมการมรดกโลก เราเป็นห่วงว่า หากทำตามแผนที่มีอยู่ แน่นอนพื้นที่ดังกล่าวจะรุกล้ำเข้ามายังแผ่นดินไทย ซึ่งตรงนั้นเรายอมไม่ได้ แต่ขณะนี้ทราบว่า ยังไม่มีการดำเนินการ และกัมพูชาได้ขอเวลาคณะกรรมการมรดกโลก เพื่อเลื่อนระยะเวลาออกไป เอกอัครราชทูตไทยประจำสหประชาชาติ กล่าว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook