''วิชิต''ปรับโปรแกรมไทยลีกจับ 3 ทีมจากชลเตะก่อน

''วิชิต''ปรับโปรแกรมไทยลีกจับ 3 ทีมจากชลเตะก่อน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง ประธานบริษัท ไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด ได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการแข่งขันฟุตบอลอาชีพ ประจำปี 2552 เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.ที่อาคารหอพักนักกีฬา 300 เตียง การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.)พร้อมด้วยบิ๊กเปี๊ยกนายองอาจ ก่อสินค้า เลขาธิการสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย และกรรมการที่เกี่ยวข้องโดยดร.วิชิตได้ชี้ให้เห็นถึงปัญหาสำคัญในการจัดฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีก 2009 ก็คือ เรื่องของสนามแข่งขันในเลกแรก ซึ่งหลายทีมยังทำแบบไม่ได้มาตรฐาน รวมทั้งมีหลายนัดที่ไฟฟ้าในสนามดับระหว่างการแข่งขัน จึงได้ส่งจดหมายชี้แจงไปยังทุกสโมสรให้รีบแก้ไขในเรื่องนี้ พร้อมทั้งแจกคู่มือการรักษาความปลอดภัยระหว่างการแข่งขันให้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดด้วย

ขณะที่ นายไพฑูรย์ ชุติมากรกุล หนึ่งในคณะกรรมการฯ ได้เสนอให้บริษัท ไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด รวบรวมข้อมูลเรื่องสัญญาและค่าเหนื่อยของนักเตะทุกคนในไทยพรีเมียร์ลีก เพื่อให้สื่อมวลชนและประชาชนได้ทราบรายละเอียดเหมือนที่ลีกในทวีปยุโรปทำกัน ซึ่งจะช่วยในการ ปลุกกระแสการซื้อ-ขายนักเตะให้คึกคักมากขึ้น แต่ บิ๊กเปี๊ยก นายองอาจ ได้แย้งว่า บริษัท ไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เพราะเป็นสิทธิส่วนบุคคลระหว่างสโมสรกับนักเตะ ยกเว้นว่ามีใครต้องการข้อมูลก็สามารถมาขอตรวจสอบจากบริษัท ไทยพรีเมียร์ลีกได้

ที่ประชุมยังได้มีมติให้เปลี่ยนแปลงระเบียบ ว่าด้วยการแข่งขันอลอาชีพไทยพรีเมียร์ลีก ข้อ 5.2.6 โดยระบุใหม่ว่าไม่อนุญาตให้นักเตะที่ส่งรายชื่อเข้าแข่งขันไทยพรีเมียร์ลีก ในฤดูกาล นั้น ๆ ไปลงเล่นฟุตบอลรายการอื่น ๆ ในปีเดียวกันทุกรายการ ยกเว้นได้รับอนุญาตจากคณะกรรม การฯ แล้ว แต่อนุญาตให้นักเตะจากไทยพรีเมียร์ ลีก สามารถโอนย้ายไปเล่นใน ไทยแลนด์ ดิวิชั่น 1 ได้ในช่วงกลางฤดู เพราะอาจจะมีการซื้อตัวกันในช่วงปิดเลกแรก ส่วนรายการอื่น ๆ ต้องขออนุญาตจากคณะกรรมการฯ เหมือนเดิม

สำหรับการตัดสินแชมป์และการเรียงอันดับทีมในฤดูกาลนี้ กรณีที่มีคะแนนเท่ากันนั้น ที่ประชุมมีมติให้ยึดกฎที่ใช้ในการแข่งขันเลกแรก คือ 1.พิจารณาจากผลการแข่งขันที่เคยแข่งกันมา (เฮด ทู เฮด), 2.จำนวนครั้งที่ชนะ, 3. ผลต่างประตูได้-เสีย, 4.พิจารณาเฉพาะประตูที่ยิงได้, 5.แข่งขันกันใหม่ เพื่อหาทีมชนะ ถ้าเสมอใน เวลาปกติให้เตะจุดโทษ ส่วนการแข่งขันฤดูกาลหน้า การจัดอันดับในตารางคะแนนจากนัดที่ 1-29 จะพิจารณาจากประตูได้-เสีย แต่นัดที่ 30 ซึ่งเป็นนัดสุดท้ายของฤดูกาล กรณีที่มีทีมที่คะแนนเท่ากัน จะใช้กฎ เฮด ทู เฮด ตัดสินเป็นอันดับแรก ถ้ายังเสมอกันจะพิจารณาจากจำนวนครั้งที่ชนะ ทีมไหนชนะมากกว่า จะอยู่อันดับสูงกว่า ถ้ายังเท่ากันอีก ให้ใช้ผลต่างประตูได้-เสีย

ที่ประชุมยังได้พูดถึงการให้นายหน้านักเตะหรือ เอเย่นต์ เข้ามาดูแลเรื่องการซื้อ-ขายนักเตะ แต่ต้องจดทะเบียนกับสมาคมฟุตบอลฯ โดยผ่านการสอบของสมาคมฟุตบอลฯ และ สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า ก่อน พร้อมกับอนุมัติในหลักการให้มีการตั้งข้อบังคับ และมอบหมายให้ประธานพิจารณาถึงรายละเอียดและคุณสมบัติของเอเย่นต์ เพื่อนำมาร่างข้อบังคับต่อไป รวมทั้งให้มีการตรวจสารต้องห้ามของนักเตะในไทยพรีเมียร์ลีก เริ่มตั้งแต่ปีหน้า ซึ่งฝ่ายวิทยาศาสตร์การกีฬา กกท. จะรับผิดชอบค่าตรวจทั้งหมด และให้ประธานพิจารณาบทลงโทษนักเตะที่ตรวจพบสารต้องห้ามในกรณีต่าง ๆ ด้วย

นายไพฑูรย์ ยังเสนอความเห็นว่า การที่ 3 สโมสรจากจังหวัดชลบุรี คือ ฉลามชล ชลบุรี เอฟซี, กระโทงเทงสีน้ำเงิน ศรีราชา เอฟซี, โลมาสีฟ้า พัทยา ยูไนเต็ด มีผู้บริหารเป็นตระกูล คุณปลื้ม และมีการสลับผู้เล่นและโค้ชระหว่างกันนั้น ดูแล้วอาจจะไม่เหมาะสมสักเท่าไหร่ จนอาจจะมีผลต่อการลุ้นแชมป์และหนีตกชั้นของหลาย ๆ ทีม ซึ่งผิดระเบียบของสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (เอเอฟซี) แม้จะไม่ผิดกฎของ ไทยพรีเมียร์ลีก ก็ตาม ทาง ดร.วิชิต เลยชี้แจงว่า เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาของเรื่องนี้ จะพยายามจัดโปรแกรมการแข่งขันของทั้ง 3 ทีมให้พบกันเอง ในช่วงแรก ๆ ของการเตะเลกที่ 2 จะได้ไม่มีผลต่อการลุ้นแชมป์และหนีตกชั้นของทีมใด ๆ ในช่วงท้ายฤดูกาล.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook