มาร์ครับไม่ได้โกงแต่แบ่ง ปชช.ทำชาติล่ม ขู่ทำงานไม่เข้าขาปรับครม.สุเทพยัวะข่าวชิงวางตัว ส.ส.

มาร์ครับไม่ได้โกงแต่แบ่ง ปชช.ทำชาติล่ม ขู่ทำงานไม่เข้าขาปรับครม.สุเทพยัวะข่าวชิงวางตัว ส.ส.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
"อภิสิทธิ์ปาฐกถาที่ม.ราม ยันรับไม่ได้โกงแต่แบ่งเชื่อทำชาติล่ม ยอมรับคุยกับเนวินจริง ขู่ถ้าทำงานไม่เข้าขาอาจปรับครม. สุเทพยัวะข่าวบัญญัตินัดประชุมวางตัว ส.ส. สั่งประชุม กก.ชุดใหญ่ทับทันที หวั่นเกิดแรงกระเพื่อม ลั่นสมัยหน้าปราจีนฯ-แปดริ้ว-นครนายกได้ยกจังหวัด "อภิสิทธิ์ห่วงโกงแต่แบ่ง ประชาชนทำชาติล่ม

ที่หอประชุมพ่อขุนรามคำแหงมหาราช มหาวิทยาลัยรามคำแหง หัวหมาก เมื่อเวลา 19.30 น.วันที่ 2 กรกฎาคม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ "การเมืองไทย ไปทางไหนดี ตอนหนึ่งระบุว่า วันนี้พรรคการเมือง และนโยบายระดับชาติ เป็นส่วนตัดสินใจของประชาชนมากขึ้น สิ่งเหล่านี้บ่งบอกว่า การเมืองในระบบบพรรคการเมืองในวีถีประชาธิปไตย ยังเติบโตต่อเนื่อง แต่ปัญหาที่ทำให้การเมืองไม่เป็นไปตามต้องการ คือ เราต้องเผชิญกับภาวะไม่แน่นอน และความถดถอยเรื่องการใช้อำนาจของผู้ได้รับเลือกตั้ง

"พอการเมืองสะดุด เราก็บอกว่า สะดุดเพราะมีผู้ไม่มีประชาธิปไตยมารัฐประหาร อันนั้น ไม่ปฏิเสธ แต่ส่วนใหญ่การที่คนมักเพิกเฉยเวลาเกิดรัฐประหาร ไม่ได้เพราะคนฝักใฝ่ในระบอบอื่น แต่เพราะบ้านเมืองเกิดทางตัน ดังนั้น ทุกคนต้องทบทวนว่า อะไรเป็นเงื่อนไขของการรัฐประหาร ประกาศคณะปฏิวัติแทบทุกสมัยสามารถใช้ฉบับเดียวกันได้เลย คือเหตุผลเรื่อง ทุจริตคอร์รัปชั่น ความแตกแยกในสังคม ใช้อำนาจเกินขอบเขต แทรกแซงระบบราชการ หรือไปทำอะไรที่กระทบสภาบันหลักของชาตินายอภิสิทธิ์กล่าว

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สังคมไทยบ่อยครั้งยังมีความเชื่อว่า การทุจริตคอร์รัปชั่น เป็นเรื่องปกติทำได้ ขอยืนยันว่า ตราบใดที่ค่านิยมนี้ยังอยู่ การเมืองไทย บ้านเมืองเรา จะตกอยู่ในภาวะอันตราย เพราะเชื่อว่าในที่สุด สังคมจะไม่ยอมให้คนใช้อำนาจที่มีเพื่อประโยชน์ส่วนตัวและพวก ค่านิยมว่า โกงไม่เป็นไร อย่างน้อยเอามาแบ่งให้ประชาชนได้ ไม่ใช่

ขอไปเหนือ-อีสานทำงานคนตัดสิน

นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อไปว่า วันนี้พิสูจน์แล้ว เรื่องฆ่าตัดตอน การไปละเมิดสิทธิ์ โดยเฉพาะภาคใต้ กลายไปเป็นการสร้างวงจรที่เลวร้ายให้ปัญหาลุกลามขึ้น ทุกคนได้เห็นความล้มเหลวของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งก่อนการรัฐประหาร คือไม่หยุดการใช้อำนาจแค่ของตัวเอง แต่ก้าวไปแทรกแซงองค์กรอื่น เกิดปัญหาขัดแย้งออกมาตามท้องถนน สุดท้ายเกิดโกลาหลทางการเมือง จนเกิดรัฐประหาร ดังนั้น การแก้ปัญหา คือ ระบบการคานอำนาจตรงนี้ ต้องคงอยู่และสามรถทำงานได้ตรงไปตรงมา

"ผมถูกผู้สื่อข่าวถามว่า สามารถเดินทางไปภาคเหนือ อีสาน หรือพื้นที่ที่พรรคผมมี ส.ส.น้อยได้หรือไม่ ผมอยากบอกว่า ผมไปได้ และกล้าพูดด้วยว่า คนส่วนใหญ่ไม่ได้มีปัญหา ในการที่ผมหรือรัฐมนตรีในคณะจะไป แต่มีคนกลุ่มหนึ่ง แสดงจุดยืนจะขัดขวาง ไม่ให้ผมไป ผมไม่เห็นด้วยกับแนวคิดนี้ ก็เปิดโอกาสให้ผมไปสิครับ แล้วคนที่นั่นจะตัดสินเอง แต่ทำแบบนี้ขัดหลักประชาธิปไตย ผมเองไม่อยากเป็นเงื่อนไขของความขัดแย้ง แต่ผมว่าสังคมไทย ก็ต้องชัดเจนว่าเราจะปลบ่อยให้ค่านิยมที่ไม่เป็นประชาธิปไตยของคนกลุ่มหนึ่ง มาขัดขวางประชาธิปไตยของประเทศที่จะก้าวไปอีกขั้นหรือไม่นายอภิสิทธิ์กล่าว

สุเทพ ยัวะข่าววางตัวผู้สมัคร

ส่วนกรณีนายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษา ปชป. ในฐานะคณะกรรมการคัดเลือกผู้สมัคร ส.ส. นัดแกนนำภาคอีสานของพรรคมาหารือเรื่องการปรับยุทธศาสตร์ในการเลือกตั้งนั้น นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขาธิการ ปชป. กล่าวว่า ข่าวพรรค์อย่างนี้เป็นข่าวที่ไม่น่าเชื่อถือ เพราะมีการอ้างแหล่งข่าว เอานาย ก. นาย ข. มาเลย นายสุเทพ หรือนายสุทัศน์ (เงินหมื่น ส.ส.สัดส่วน ปชป.) หรืออะไรก็ว่ากันไป ถามมาอย่างนี้ตอบไม่ได้หรอก แต่ในฐานะเลขาธิการ ปชป. และผู้จัดการรัฐบาลยังไม่เคยคิดฝันเรื่องจะไปเลือกตั้งใหม่เลย วันนี้เป็นรัฐบาลมีหน้าที่ต้องทำงานแก้ไขปัญหาให้ประเทศชาติบ้านเมือง จะไปคิดเลือกตั้งใหม่ทำไม

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายสุทัศน์ระบุว่าเป็นการประชุมเพื่อเตรียมผู้สมัคร ส.ส.อีสาน ปชป. นายสุเทพกล่าวว่า อันนี้เป็นเรื่องปกติของพรรคการเมือง ที่ต้องหาผู้สมัคร ส.ส.เตรียมเอาไว้ ให้ทำงานในพื้นที่ได้ยาวนานเพียงพอในการทำให้ประชาชนได้รู้จักมักคุ้น เมื่อถามว่า แสดงว่า ปชป.จะหวังพึ่ง ภท. เป็นสาขาในอีสานไม่ได้แล้ว เลขาธิการ ปชป.กล่าวว่า หืม! ถามอย่างนี้ผมไม่กล้าตอบ เพราะจะทำให้มีเรื่องมากขึ้น

ประกบบัญญัติ ถกสรรหา

ต่อมาเวลา 15.00 น. นายสุเทพและายบัญญัติ พร้อมคณะกรรมการคัดเลือกผู้สมัครได้ประชุมเพื่อวางตัวผู้สมัคร ส.ส. โดยภายหลังการประชุม นายสุเทพให้สัมภาษณ์ว่า นายบัญญัติได้นัดประชุมเพื่อติดตามงานที่ได้มอบหมายให้สรรหาผู้สมัครในแต่ละเขตเลือกตั้ง ทุกจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อเร่งรัดให้วางตัวผู้สมัครให้เร็วขึ้น เนื่องจากบางพื้นที่ไม่ได้มีการดำเนินการ จากนั้นจะมีการนัดประชุมอีกครั้งใน 15 วันข้างหน้า โดยมีเป้าหมายเพื่อวางตัวผู้สมัครทุกเขตเลือกตั้งล่วงหน้า เพื่อให้แต่ละคนได้มีเวลาไปหาเสียง ทำประโยชน์ และแนะนำตัวให้ชาวบ้านรู้จักล่วงหน้า โดยผู้สมัครของพรรคส่วนใหญ่มักเป็นคนหน้าใหม่ ดังนั้น จึงต้องให้เวลาในการทำคะแนนนิยมเป็นเวลา 2 ปี

คุณลักษณะของผู้สมัครที่พรรคต้องการ 1.เป็นผู้ที่มีชื่อเสียง มีผลการทำงานจนเป็นที่รู้จัก ไม่ว่าจะมาจากอาชีพไหนก็ตาม บางคนอาจเป็นข้าราชการ นักธุรกิจ พ่อค้า เอ็นจีโอ ฯลฯ และ 2.ต้องมีอุดมการณ์ตรงกันกับพรรค สำหรับการส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้งในภาคอีสาน จะดูความพร้อมเป็นหลัก หากส่งได้ก็ส่ง แต่ไม่จำเป็นต้องส่งทุกเขต นายสุเทพกล่าว

ให้อีสาน ส่งชื่อภายใน15วัน

ด้านนายบัญญัติกล่าวว่า การเตรียมผู้สมัครครั้งนี้ ไม่ได้ทำเพื่อเตรียมรับการเลือกตั้ง เพราะจากการที่พรรคร่วมรัฐบาลร่วมรับประทานอาหารที่โรงแรมโอเรียนเต็ล ก็ระบุชัดว่าในปีนี้จะไม่มีการเลือกตั้งเกิดขึ้น แต่การเตรียมพร้อมของพรรคมีจุดประสงค์ 2 อย่างคือ ส่งผู้สมัครลงเป็นตัวแทนไปชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจ เพื่อลดความสับสนในสถานการณ์บ้านเมือง และนำปัญหาของชาวบ้านมาแจ้งให้รัฐบาลรับทราบ

นายบัญญัติกล่าวว่า ที่ประชุมวันนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป แต่จะมีการนัดประชุมเป็นระยะ โดยภาคกลางส่วนใหญ่จะเป็นผู้สมัครคนเดิม ขณะที่ภาคอีสานยังไม่มีการรายงานเข้ามา แต่กำหนดให้รายงานผลเข้ามาภายใน 15 วันหลังจากนี้ และยอมรับว่าในภาคอีสานคือ ผู้สมัครเดิมของพรรคสอบตกซ้ำซาก หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าจืด จึงต้องมีการปรับทีม และยังไม่สิ้นหวังในภาคอีสาน เพราะคะแนนสัดส่วนของพรรคยังดีอยู่ แต่คงต้องดูว่าจะส่งลงสมัครในทุกเขตเหมือนการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาหรือไม่ เพราะจากประสบการณ์พบว่าบางเขตเลือกตั้ง เมื่อส่งคนลงสมัครก็สิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ

จ้างบริษัทเอกชนสำรวจจุดอ่อน

ยืนยันว่าการพิจารณาวันนี้ ไม่มีเรื่องการหลีกให้ ภท. และจะไม่ส่งผู้สมัครไปฝากให้ใครเลี้ยง และเราก็ไม่เคยรับฝากเลี้ยงใคร นายบัญญัติกล่าว และว่า ที่ประชุมได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับคะแนนเสียงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะประชาชนตั้งความหวังไว้สูงว่าหากพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาล ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้น่าจะคลี่คลายไปได้ดี ซึ่งตรงนี้ทำให้หนักใจ และหนทางเดียวที่จะแก้ปัญหาได้คือการลงพื้นที่บอกความจริงกับประชาชนว่าปัญหาที่เกิดขึ้นไม่สามารถแก้ได้ภายใน 3-6 เดือน และพรรคประชาธิปัตย์กำลังปรับวิธีการแก้ปัญหาด้วยการใช้การพัฒนานำการเมืองและการทหาร

รายงานข่าวแจ้งว่า นายสุเทพได้มอบหมายให้นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ส.ส.กทม. ในฐานะผู้อำนวยการพรรค จ้างบริษัทเอกชน เพื่อวิเคราะห์การเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ผ่านมาว่า ปชป.มีจุดอ่อนในพื้นที่ใดบ้าง โดยเบื้องต้นพบว่ามีปัญหาใน 70 เขตเลือกตั้ง ที่คะแนนพรรคดีแต่คะแนนผู้สมัครไม่ขึ้น นอกจากนี้ นายสุเทพยังได้ย้ำว่าการเลือกตั้งครั้งต่อไปในพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา และนครนายก ปชป.จะต้องได้ ส.ส.ยกจังหวัด

เผยเบื้องหลังประชุมชุดใหญ่

รายงานข่าวจากแกนนำ ปชป.คนหนึ่ง กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ เดิมนายบัญญัติ นัดหารือเฉพาะ ส.ส.อีสานบางคน เพื่อให้วางตัวผู้สมัครและหาเสียงในภาคอีสานล่วงหน้าเท่านั้น แต่เมื่อนายสุเทพทราบข่าว ก็นัดประชุมคณะกรรมการคัดเลือกผู้สมัครชุดใหญ่ครอบทันที เพื่อไม่ต้องการให้เกิดแรงกระเพื่อมภายในพรรค

นางรัชฎาภรณ์ แก้วสนิท ส.ส.สัดส่วน ปชป. เห็นด้วยกับความเห็นของนายสุทัศน์ เงินหมื่น ส.ส.สัดส่วน ปชป. ที่คัดค้านแนวคิดที่จะให้ ภท.ทำการเมืองในภาคอีสาน แทน ปชป. โดยกล่าวว่า พูดมานานแล้วในศึกสงครามจะไปฝากให้คนอื่นทำแทนไม่ได้ คะแนนของใครต้องทำกันเอง เพราะช่วงตะลุมบอนไม่รู้ว่าใครเป็นใคร

คิดว่าแกนนำ ปชป.ไม่เคยมีแนวคิดฝากเลี้ยง หรือให้ใครอุ้มบุญ เพราะหากทำอย่างนั้นแล้ว ปชป.จะเป็นพรรคการเมืองไปทำไม ซึ่งหากมีข้อตกลงนั้นจริง ดิฉันจะขอลาออกจากพรรคดีกว่า นางรัชฎาภรณ์กล่าว

นายกฯยอมรับเจรจา เนวิน

ก่อนหน้านี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม ถึงการรับประทานอาหารกลางวันกับนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ที่บ้านพิษณุโลก เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมาว่า ไม่มีนัยยะทางการเมือง เป็นการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน เพราะมีหลายประเด็นที่มีการวิพากษ์วิจารณ์พาดพิงกันไปมา ก็มาทำความเข้าใจกัน ไม่ได้มีเรื่องอะไรต้องเคลียร์ใจกัน

ผมย้ำอีกครั้งว่าปัญหาของรัฐบาลในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา เกิดขึ้นจากการที่ประชาชนมองว่าขาดความเป็นเอกภาพ และมีความไม่มั่นใจในเรื่องความโปร่งใสของหลายโครงการ ดังนั้น จึงต้องหยุดสภาวะนี้ ไม่เช่นนั้นเราก็ทำงานยาก ก็เป็นเรื่องที่ได้ย้ำไป นายกฯกล่าว และว่า คิดว่าหลังการพูดคุยกับนายเนวิน แล้วน่าจะทำให้หลายๆ อย่างทำงานได้ลงตัวมากขึ้น ส่วนโครงการที่มีความเห็นที่ไม่ตรงกัน ก็บอกไปว่าจะต้องมีการมาพูดคุยกันให้รอบคอบตั้งแต่ต้น ไม่เช่นนั้น พอเขาสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็อาจถูกวิจารณ์อีก คงไม่เป็นผลดีในแง่ของความเชื่อมั่น

ทำงานไม่เข้าขาอาจปรับครม.

เมื่อถามว่า แสดงว่าต่อไปจะเห็นเอกภาพในการทำงานของพรรคร่วมรัฐบาล นายกฯกล่าวว่า ผมก็ต้องการเช่นนั้น ผมจึงได้อธิบายให้ทราบว่าถ้ารัฐบาลไม่สามารถทำงานเป็นเอกภาพ ไม่สามารถตัดสินใจเรื่องต่างๆ ให้ลุล่วงได้อย่างรวดเร็ว คนที่อยู่ในพรรคร่วมรัฐบาลก็เดือดร้อนกันทุกคน ซึ่งคุณเนวินเองก็เข้าใจ

เมื่อถามว่า ถึงเวลาที่ต้องคุยกับนายเนวิน เรื่องการปรับ ครม.หรือไม่ โดยเฉพาะสัดส่วนของพรรคภูมิใจไทย นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ได้พูดไปว่าในที่สุดเราต้องประเมินตัวเอง ถ้างานต่างๆ มันไม่สามารถตอบสนองได้ เราก็จำเป็นต้องปรับ แต่ขณะนี้ยืนยันว่าทุกคนเข้าใจว่าความเร่งด่วนของปัญหาโดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจจะต้องเร่งดำเนินการ เมื่อสภาอนุมัติเงินในโครงการไทยเข้มแข็งแล้ว ก็ต้องทำให้เห็นว่าโครงการดังกล่าวทำได้จริงตั้งแต่เดือนสิงหาคม กันยายน เป็นต้นไป

เมื่อถามถึงกรณีที่พรรคร่วมรัฐบาล รวมทั้งพรรคภูมิใจไทย ต้องการให้มีการปรับยุทธศาสตร์การทำงานใหม่ โดยเฉพาะการจัดสรรงบประมาณลงพื้นที่ในภาคอีสาน นายกฯกล่าวว่า ไม่ได้พูดคุยกับนายเนวินเรื่องนี้ แต่เรื่องของงบประมาณเป็นเรื่องปกติ ที่ผู้แทนราษฎรในทุกจังหวัดนั้นมีความต้องการได้ยืนยันไปว่า ทุกกระทรวงต้องดูแลไม่ให้มีปัญหา และขอยืนยันว่าทุกพื้นที่ไม่ว่าจะมี ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน จะต้องได้รับงบประมาณที่เสมอภาคกันไม่ช้าหรือเร็วกว่ากัน

ชวรัตน์ ปัดข้ามหน้าข้ามตา

นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และหัวหน้า ภท. กล่าวถึงกรณีนายเนวิน และนายอภิสิทธิ์ รับประทานอาหารร่วมกันเป็นการสร้างภาพไม่มีความขัดแย้งหรือไม่ว่า ไม่ต้องไปสร้างภาพ ไม่เคยขัดแย้งกันอยู่แล้ว

ยืนยันว่านายเนวินไปในฐานะคนคุ้นเคยกับนายกฯ ไม่เห็นภาพประวัติศาสตร์หรือที่นายเนวินจับมือกัน กอดกันกับนายกฯ ลืมไปหมดแล้วหรือ นายชวรัตน์กล่าว

เมื่อถามว่า เป็นการข้ามหน้าข้ามตา และทำให้หัวหน้า ภท.งอนหรือไม่ นายชวรัตน์กล่าวว่า อายุขนาดนี้จะงอนอะไร หากท่านเห็นว่าผมมีประโยชน์ในการคุยกัน ก็คงมาชวนผมไป แต่ผมไม่ได้ถามว่าคุยอะไรกัน เพราะไม่ใช่หน้าที่ เพราะหากท่านเห็นว่าจำเป็นต้องให้ผมทราบก็ต้องบอกผม

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook