''ไทย-จีน'' เดินหน้าค้าขาย-ปราบยาเสพติด

''ไทย-จีน'' เดินหน้าค้าขาย-ปราบยาเสพติด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
สวัสดีครับพี่น้องประชาชนที่เคารพรักทุกท่าน ผมเพิ่งกลับจากเยือนสิงคโปร์และสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยเฉพาะการไปเยือนจีน มีภาคเอกชนที่เข้าไปปรึกษาหารือแลกเปลี่ยนกับภาคเอกชนของจีนด้วย ผมคิดว่าจะช่วยทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศแน่นแฟ้นขึ้นและช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจบ้านเรา ส่วนการทำงานของรัฐบาล สรุปได้ดังนี้ครับ

ไทย-สิงคโปร์สานสัมพันธ์เศรษฐกิจ

ในการเยือนสิงคโปร์ครั้งนี้ก็มีการพูดถึงการเร่งรัดความร่วมมือในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของทางด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน ได้มีการรื้อฟื้นกลไกในการที่จะเสริมสร้างให้ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจมีการกระชับมากยิ่งขึ้น ซึ่งสิงคโปร์รับเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในช่วงปลายปีนี้ต่อไป

ให้ผู้สูงอายุซื้อพันธบัตรเดือนก.ค.นี้

สำหรับการดำเนินการเมื่อ พ.ร.ก. ผ่านสภา ขณะนี้ทางกระทรวงการคลังกำลังมีการดำเนินการในเรื่องของการจัดทำเกี่ยวกับการกู้เงิน ซึ่งจะมีการออกพันธบัตรให้กับพี่น้องประชาชนเป็นผู้ซื้อ 50,000 ล้านบาท จะเริ่มต้นตั้งแต่กลางเดือน ก.ค. แบ่งเป็น 3 ช่วง โดยช่วงแรก 15,000 ล้านบาท ช่วงที่ 2 จำนวน 15,000 ล้านบาท ช่วงที่ 3 เป็นส่วนที่เหลือ 20,000 ล้านบาท หลักสำคัญคือว่าในช่วงแรกนั้นจะเปิดโอกาสให้ผู้สูงอายุที่มีอายุเกิน 60 ปีมีโอกาสจองพันธบัตรก่อน เพราะเป็นทางเลือกการออม 5 ปี 2 ปีแรกดอกเบี้ยร้อยละ 3 ถัดมาจะขยับร้อยละ 4 และสุดท้ายจบที่ร้อยละ 5

เตรียมเสนอพ.ร.ก.ภาษีสรรพสามิต

ตั้งแต่ที่เรามีการขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ยังไม่ได้ส่งต่อภาระภาษีให้ประชาชนเลย แต่ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นมาเป็นผลมาจากการที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกขึ้นสูงมาก ซึ่งราคาตรงนั้นไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องของภาษี ผมจะรอให้มีการเปิดประชุมสมัยนิติบัญญัติของรัฐสภา จะได้นำพระราชกำหนดนี้นำเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎร และจะพิจารณาต่อไป โดยจะคำนึงถึงว่าขณะนี้กองทุนน้ำมัน ซึ่งเข้ามาแบกรับภาระตรงนี้ฐานะเป็นอย่างไร แนวโน้มราคาน้ำมันในตลาดโลกเป็นอย่างไร จะได้พิจารณาตามความเหมาะสม

ยืนยันไม่มีการแปรรูปการรถไฟฯ

ปัญหาขัดแย้งปฏิรูปรถไฟ ซึ่งรองนายกรัฐมนตรี พลตรีสนั่น ขจรประศาสน์ ได้ไปเจรจาจนเกิดความเข้าใจที่ดี และจะเปิดโอกาสให้พี่น้องในสหภาพเข้ามาร่วมในการดูแลเกี่ยวกับแผนของการที่จะฟื้นฟูรถไฟ ความจริงยังไม่ใช่เรื่องของการที่จะไปแปรรูปหรือให้เอกชน เป็นเพียงปรับระบบการบริหารจัดการภายใน เพื่อแยกงานการดูแลรางออกจากงานที่บริหารจัดการในเรื่องการวิ่งรถ และออกจากงานบริหารในเรื่องของทรัพย์ สินของรถไฟที่มีอยู่มาก ซึ่งเราเชื่อว่าแนวทางนี้จะช่วยให้ฐานะของการรถไฟดีขึ้นและบริการดีขึ้นด้วย แต่แผนนี้ยังไม่ได้ดำเนินการ ขอเวลาศึกษารายละเอียดและหารือกันอีกครั้งก่อน

แสดงความเสียใจเหยื่อไข้หวัด2009

กรณีที่มีผู้เสียชีวิต 3 รายจากการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ผมขอแสดงความเสียใจ กับครอบครัวที่สูญเสีย อยากย้ำว่า ปัจจุบันอัตราการติดเชื้อที่อยู่ในประเทศเราดูเหมือนเพิ่มขึ้น แต่หลายประเทศก็อยู่ในสถานะคล้ายคลึงกัน ซึ่งอัตราการเสียชีวิตค่อนข้างจะใกล้เคียงกับไข้หวัดใหญ่ปกติต่ำกว่าเล็กน้อย สิ่งที่สำคัญคือ ถ้าเริ่มมีอาการเป็นไข้ และไอ 1 วัน 2 วันไม่หาย ให้รีบไปพบแพทย์

ไทย-จีนฉลองความสัมพันธ์ 35 ปี

ความสัมพันธ์ของไทยกับจีนนั้นจะครบ 35 ปีในปีหน้า ตกลงกันว่าจะมีการเฉลิมฉลองกัน แล้วหาทางให้พี่น้องประชาชนของเรามีความใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น ความสัมพันธ์ที่ราบรื่นขณะนี้ยิ่งมีความสำคัญมากยิ่งขึ้น เพราะขณะนี้จีนเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ จีนก็มีการกำหนดเป้าหมายกับไทยทั้งทางด้านการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว มานานแล้ว การเดินทางไปจีนครั้งนี้ก็เพื่อที่จะกระชับความสัมพันธ์ ยืนยันเป้าหมายต่าง ๆ และได้แสวงหาลู่ทางในการที่จะเพิ่มพูนความสัมพันธ์ที่เป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชนคนไทย

จีนตกลงนำเข้าผลไม้จากไทย

ในเรื่องของการค้านั้นได้มีการลงนามข้อตกลงในเรื่องของการนำเข้าผลไม้จากประเทศไทย ผมก็คุยกับทางภาคเอกชนและหน่วยงานของไทยว่า สิ่งสำคัญคือการดูแลเรื่องของคุณภาพและระบบการบริหารจัดการ ทำให้ผลไม้ไปถึงตลาดได้เร็วที่สุด

เอกชนจีนจะลงทุนแปรรูปยางพารา

ภาคธุรกิจเอกชนของจีน กำลังจะมาลงทุนการแปรรูปสินค้าเกษตร มี 1 บริษัทหลังคุยกับผมแล้วก็จะมาประเทศไทยลงทุนแปรรูปยางพารา บริษัทนี้มีธุรกิจอยู่แล้วในภาคใต้ 2 แห่ง แต่ครั้งนี้จะไปอีสาน ที่หนองคาย นครพนมกับอุดรธานี ซึ่งจะเป็นการเพิ่มโอกาส เพิ่มรายได้ให้พี่น้องเกษตรกรที่นั่น และสร้างอาชีพให้พี่น้องในท้องถิ่น และยังมีอีกหลายรายที่จะมาขยายการลงทุนทั้งสินค้าอุปโภคบริโภค อิเล็กทรอนิกส์ เรื่องแปรรูปสินค้าเกษตรและอื่น ๆ

จีนสนใจลงทุนสร้างทางรถไฟ 2 ชาติ

จากการที่เรามีโครงการไทยเข้มแข็งและตั้งใจที่จะลงทุนในระบบราง หลังไปพบกับวิสาหกิจของจีนที่มีบทบาทสำคัญในการก่อสร้างทางรถไฟ 2 บริษัทสนใจที่จะมาลงทุนในเรื่องนี้ ทั้งในเรื่องของการปรับปรุงรางเดิม การจัดทำระบบรางคู่ ในเรื่องของรถไฟที่จะเชื่อมโยงไปยังประเทศจีน รวมทั้งความเป็นไปได้ของการที่จะสร้างรางรถไฟความเร็วสูง ซึ่งจะร่วมมือกันต่อไป

ขยายความร่วมมือวิจัยหมีแพนด้า

เรื่องแพนด้าน้อยก็มีการพูดคุยกัน ท่านนนตรีและประธานาธิบดีจีน ทราบถึงความ ตื่นเต้นของพี่น้องชาวไทยที่เห็นลูกหมีเกิด ก็คิดว่าจะขยายความร่วมมือกันตรงนี้ ส่วนอนาคตของแพนด้าน้อยจะได้อยู่ต่อหรือไม่ ต้องดูก่อนว่าเมื่อครบ 2 ปีแล้ว อะไรจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเขา

ถาม : แนวทางการดำเนินการต่อผู้เสพยาเสพติดเป็นอย่างไร ?

ตอบ : ในเรื่องของการดำเนินการต่อผู้เสพในแผนนี้ สำนักงาน ป.ป.ส. ได้เสนอมาทางผมว่า หากสามารถ ทำให้ผู้เสพยาเข้ารับการบำบัดโดยสมัครใจ โดย การชักชวนของครอบครัว ชุมชน ประชาสังคม โรงเรียน ฯลฯ ให้ได้ 120,000 คน ในระยะ 6 เดือน ของแผนนี้ ปัญหายาเสพติด ก็จะลดลงอย่างแน่นอน ผมจึงได้เน้นย้ำในหลายครั้ง หลายโอกาสว่า ขอให้ทุกหน่วย ทุกภาคส่วนของสังคม จะต้องร่วมมือกัน นำผู้เสพเข้าบำบัดรักษาตามแนวทางนี้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่ออนาคตเยาวชนของชาติ

ถาม : นับตั้งแต่รัฐบาลเปิดแผนปฏิบัติการ ภายใต้ชื่อว่า ยุทธศาสตร์ 5 รั้วป้องกัน ตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา ร่วม 3 เดือน อยากทราบว่า ผู้รับผิดชอบงานแต่ละด้าน แต่ละรั้วทำงานกันอย่างไร ? ได้ผลอย่างไร ?

ตอบ : นับตั้งแต่เปิดแผนฯ ในวันที่ 18 มี.ค. ที่ผ่านมา หน่วยงานต่าง ๆ ทั้งส่วนกลางและพื้นที่ได้มีการปรับแผน ปรับกิจกรรม ปรับงบประมาณ รองรับการปฏิบัติ 5 รั้วป้องกันอย่างเต็มที่ แต่เนื่องจากในช่วงเดือน เม.ย. เกิดเหตุการณ์บางอย่างในบ้านเมือง ทำให้การปฏิบัติการแก้ไขปัญหายาเสพติดชะลอตัวและเริ่มปฏิบัติอย่างเต็มที่ ตั้งแต่เดือน พ.ค. เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน รวมระยะเวลาร่วม 2 เดือน ยังไม่เต็ม 3 เดือนดีนัก

ผลการปฏิบัติการตั้งแต่วันที่ 18 มี.ค. -15 มิ.ย. ผลดำเนินงานเป็นรายรั้ว/โครงการ ดังนี้ (แยกเป็นรายรั้ว/โครงการ)

1. รั้วชายแดน : การสกัดกั้นนำเข้ายาเสพติดตามแนวชายแดน มีผลการปฏิบัติดังนี้

-การจับกุมยาเสพติดตามแนวชายแดน 94 ครั้ง ยึดของกลางยาบ้าได้ 1,375,481 เม็ด เฮโรอีน 1.2 กิโลกรัม กัญชา 1,686 กิโลกรัม ฯลฯ ส่วนใหญ่ยังคงนำเข้ามากทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

2. รั้วชุมชน : การเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชน ประชาสังคมป้องกันยาเสพติด มีผลการปฏิบัติดังนี้

-มีการประชุมประชาคมหมู่บ้าน/ ชุมชน โดยวิทยากรอำเภอ/ตำบล ค้นหาปัญหา ยาเสพติด 35,289 หมู่บ้าน/ชุมชน มีการจัดอบรมกำนัน ผู้ใหญ่บ้านและกรรมการหมู่บ้านเฝ้าระวังและการอบรมให้ความรู้ 30,563 คน นำผู้เสพเข้ากระบวนการบำบัดรักษาโดย กระบวนการชุมชนได้ 911 คน

-การมอบภารกิจด้านยาเสพติดให้อาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้าน (อสม.) 17,878 คน และฟื้นฟูอาสาสมัครประชาชน เพื่อดำเนินกิจกรรมป้องกันและเฝ้าระวังปัญหายาเสพติด ในพื้นที่ 14,293 หมู่บ้าน/ชุมชน สามารถจับกุมผู้ค้ายาเสพติดในชุมชนได้ 2,149 ราย

-สนับสนุนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดกิจกรรมแก้ไขปัญหายาเสพติด 4,334 แห่ง สร้างหมู่บ้าน/ตำบล ให้เป็นศูนย์เรียนรู้ 639 แห่ง รวมทั้งสนับสนุนองค์กรภาคธุรกิจให้มีส่วนร่วมในงานด้านยาเสพติด เช่น การรณรงค์ป้องกัน/สนับสนุนเงินทุนช่วยเหลือ 643 องค์กร ส่งเสริมให้ สมาคม สาขาอาชีพต่าง ๆ สนับสนุนงานด้านการแก้ไขปัญหายาเสพติดให้แก่พนักงานในกลุ่ม/องค์กร/สมาคม 1,326 องค์กร ตลอดจนส่งเสริมบทบาทองค์กรพัฒนาเอกชนในการป้องกันยาเสพติด และประกาศชัยชนะกับยาเสพติด โดยการจัดตั้งหมู่บ้าน/ชุมชน (ป้ายสีขาว) 7,155 หมู่บ้าน/ชุมชน จัดตั้ง ครอบครัว (ธงสีน้ำเงิน) 167,082 ครอบครัว

3. รั้วสังคม : การจัดระเบียบสังคมแบบบูรณาการมีผลปฏิบัติดังนี้

-ใช้มาตรการทางสังคมกับสถานบันเทิง 4,058 แห่ง 7,299 คน และมาตรการทางกฎหมาย 513 แห่ง 460 คน

-ดำเนินงานต่อสถานบริการใช้มาตรการทางสังคม 3,939 แห่ง 8,379 คน และมาตรการทางกฎหมาย 204 แห่ง 687 คน

-ดำเนินงานต่อหอพัก ใช้มาตรการทางสังคม 42,104 แห่ง 2,325 คน และมาตรการทางกฎหมาย 151 แห่ง 263 คน

-ดำเนินงานต่อที่พักอาศัยเชิงพาณิชย์ ใช้มาตรการทางสังคม 1,343 แห่ง 1,575 คน และมาตรการทางกฎหมาย 128 แห่ง 195 คน

-ดำเนินงานต่อร้านเกม/อินเทอร์เน็ต ใช้มาตรการทางสังคม 5,372 แห่ง 6,964 คน มาตรการทางกฎหมาย 398 แห่ง 588 คน

-ดำเนินงานต่อโต๊ะสนุ๊ก/โต๊ะพนันบอล ใช้มาตรการทางสังคม 720 แห่ง 1,189 คน และมาตรการทางกฎหมาย 105 แห่ง 252 คน

-ดำเนินงานต่อแหล่งมั่วสุมใช้มาตรการ ทางสังคม 2,016 แห่ง 2,516 คน และมาตร การทางกฎหมาย จำนวน 146 แห่ง 464 คน

-ดำเนินการต่อเด็กและเยาวชนที่ออกนอกบ้านในเวลาวิกาล 643 แห่ง โดยใช้มาตรการทางสังคมจำนวน 1,987 คน

-จัดกิจกรรมลานกีฬา จำนวน 3,882 แห่ง มีผู้ร่วมกิจกรรม รวม 178,458 คน

-การจัดกิจกรรมลานดนตรี จำนวน 575 แห่ง มีผู้ร่วมกิจกรรม รวม 40,948 คน

-การจัดกิจกรรมลานสร้างสรรค์ของเยาวชน จำนวน 837 แห่ง มีผู้ร่วมกิจกรรม รวม 45,418 คน

-จัดกิจกรรมส่งเสริมการใช้ห้องสมุด 1,039 แห่ง มีผู้ร่วมกิจกรรมรวม 371,086 คน

-การจัดกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ 553 แห่ง มีผู้ร่วมกิจกรรม รวม 24,119 คน

-การจัดกิจกรรมเข้าค่ายคุณธรรม 420 รุ่น มีผู้ร่วมกิจกรรม รวม 15,901 คน

4. รั้วโรงเรียน : โรงเรียนป้องกันยาเสพติด

-โรงเรียน/สถานศึกษา สำรวจและจัดทำข้อมูลค้นหาผู้เสพ/ผู้ติด ผู้ค้า และเยาวชนกลุ่มเสี่ยง 17,887 โรงเรียน ผู้ถูกสำรวจ จำนวน 993,706 คน

-จัดค่ายปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสำหรับนักเรียนที่มีพฤติการณ์เสพยาเสพติด 357 โรงเรียน 3,185 คน

-นำนักเรียนที่มีพฤติการณ์เสพยาเสพติดสู่ระบบบำบัดรักษาโดยสมัครใจ 101 โรงเรียน

-จัดกิจกรรมเข้าถึงเยาวชนที่มีพฤติ กรรมเสี่ยงโดยตรง เช่น อบรมในค่ายปรับเปลี่ยนพฤติกรรม อบรมโงการพัฒนาคุณธรรม อบรมทักษะชีวิต จัดกิจกรรมทางบวก 2,828 โรงเรียน

-ครู/อาจารย์ที่ปรึกษาให้คำแนะนำ ปรึกษาเพื่อลดพฤติกรรมเสี่ยง จำนวน 8,169 โรงเรียน รวม 394,872 คน

-เฝ้าระวังสอดส่องความประพฤติ เยาวชนกลุ่มเสี่ยง 6,948 โรงเรียน 249,233 คน

-สร้างภูมิคุ้มกันป้องกันยาเสพติดให้กับเยาวชนทั่วไป 4,898 โรงเรียน 327,819 คน

-จัดกิจกรรมพัฒนาและเสริมสร้างทักษะชีวิต เช่น พัฒนาเสริมสร้างทักษะชีวิต เช่น พัฒนาคุณธรรม/จริยธรรม สอนเยาวชนให้รู้จักปฏิเสธยาเสพติด สอนศาสนาในวันหยุดสอนศิลปะ ฯลฯ 5,563 โรงเรียน 509,945 คน

-จัดกิจกรรมทางเลือก เช่น กิจกรรมวิชาการ กีฬา ศิลปะ พัฒนาอาชีพ จำนวน 6,259 โรงเรียน รวม 510,252 คน

-จัดตั้งเครือข่ายผู้ปกครองในโรงเรียนและชุมชน 53,733 โรงเรียน รวม 286,980 คน

-จัดตั้งกลุ่มเพื่อนที่ปรึกษาเพื่อน จำนวน 19,371 โรงเรียน จำนวน 52,590 คน

-จัดกิจกรรมสำคัญสนับสนุนเยาวชน จำนวน 3,129 โรงเรียน รวม 131,462 คน

-จัดกิจกรรมเฝ้าระวัง สอดคล้องความประพฤติ นักเรียน นักศึกษา จำนวน 50,736 โรงเรียน รวม 1,196,957 คน

-จัดกิจกรรมโครงการบ้านหลังเรียน จำนวน 2,764 โรงเรียน รวม 106,754 คน

-จัดกิจกรรมสภานักเรียน/นักศึกษาในจังหวัดตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมการพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ พ.ศ.2550 รวม 1,061 โรงเรียน 13,124 คน

5. รั้วครอบครัว : โครงการครอบครัวสีขาว ครอบครัวเข้มแข็ง ผลดำเนินงานดังนี้

-จัดตั้งศูนย์พัฒนาครอบครัวในชุมชน (ศพค.) 97,678 ครอบครัว รวม 401,587 คน

-การอบรมความรู้ครอบครัว (ถูกจับกุม/บำบัด) 4,831 คน รวม 11,280 คน

-การรวมกลุ่มครอบครัวภายหลังการอบรมให้มีกิจกรรมสัมพันธ์/การพบปะ/มีเครือข่ายช่วยเหลือ 2,381 ครอบครัว 2,362 คน

-การปฏิบัติต่อครอบครัวประเภทที่ 2 (ครอบครัวกลุ่มเสี่ยง) โดยการอบรมให้ความรู้ครอบครัว จำนวน 7,314 ครอบครัว

-การปฏิบัติต่อครอบครัวประเภทที่ 3 (ครอบครัวทั่วไป) โดยการรณรงค์ให้ความรู้เพื่อการป้องกันยาเสพติด 41,721 ครอบครัว รวม 133,919 คน

- ประกาศเจตนารมณ์เป็นครอบครัวสีขาว 67,394 ครอบครัว รวม 205,963 คน

ถาม : ผลของการบำบัดรักษาฯ เป็นอย่างไร ?

ตอบ : สำหรับโครงการบำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพ ผู้เสพ/ผู้ติดแบบบูรณาการ มีดังนี้

มีผู้เข้ารับบำบัด 11,144 คน (จากเดิม 17,608 คน) เยาวชนอายุ 15-24 ปี เป็นกลุ่มหลักที่เข้ามาบำบัดถึงร้อยละ 50 อาชีพที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นคือรับจ้างและว่างงาน แยกเป็น

-การบำบัดในชุมชน 317 คน

-เข้าค่ายปรับเปลี่ยนพฤติกรรม จำนวน 160 รุ่น รวม 2,335 คน

-เข้ารับการบำบัดฟื้นฟูในระบบบังคับบำบัด แบบควบคุมตัวประเภท แบบเข้มงวด 751 คน แบบไม่เข้มงวด จำนวน 2,175 คน

-เข้ารับบำบัดฟื้นฟูในระบบบังคับบำบัดแบบไม่ควบคุมตัวและแบบฟื้นฟูตามโปรแกรมคุมประพฤติ 6,731 คน ฟื้นฟูแบบผู้ป่วยใน 173 คน ฟื้นฟูแบบผู้ป่วยนอก 5,242 คน

-นำผู้เสพเข้าค่ายวิวัฒน์พลเมือง รวม 199 รุ่น จำนวน 1,533 คน

-ให้ความช่วยเหลือผู้ผ่านการบำบัดในด้านอาชีพเงินทุน และจัดกลุ่มช่วยเหลือซึ่งกันและกันรวม 1,306 คน

-ติดตามพฤติกรรมของผู้ที่ผ่านการเข้ารับบำบัดฟื้นฟูจำนวน 6,723 คน.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook