กกต.นัดชี้ขาด28ส.ส.ปชป.ถือหุ้น14ก.ค.คนละชุดกับ44ราย

กกต.นัดชี้ขาด28ส.ส.ปชป.ถือหุ้น14ก.ค.คนละชุดกับ44ราย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม นายอภิชาต สุขัคคานน์ ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงกรณีการพิจารณา 28 ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่อาจกระทำการต้องห้ามตามมาตรา 48 และ 265 (2) (4) ของรัฐธรรมนูญกรณีถือครองหุ้นในกิจการสื่อและบริษัทที่เป็นคู่สัญญาหรือรับสัมปทานจากรัฐที่มีลักษณะผูกขาดตัดตอน ซึ่งกกต.จะนัดชี้ขาดในวันที่ 14 กรกฎาคมนี้ ว่า เพราะมี กกต.บางท่าน ติดภารกิจศึกษาดูงานการเลือกตั้งที่ประเทศอินโดนีเซีย ทำให้ต้องพิจารณาในวันที่ 14 กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันแรกที่องค์ประชุมครบ และคิดว่าน่าจะพิจารณาได้ 28 ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ อีกทั้งกกต.ทุกท่านน่าจะมีความพร้อมในการพิจารณา เพราะให้เวลาศึกษามากกว่าปกติแล้ว หากมีปัญหาข้อกฎหมายอีกก็ต้องเสนอให้ที่ปรึกษากฎหมาย แต่เรื่องนี้ยังไม่ทราบว่ามีความจำเป็นต้องเสนอให้ที่ปรึกษากฎหมายอีกหรือไม่ ซึ่งกกต.จะต้องพิจารณาในวันที่นัดประชุมอีกครั้ง เพราะการพิจารณาในชั้นอนุกรรมการก็ได้ตรวจสอบในส่วน 28 ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ถือหุ้น เป็นที่เบร้อยแล้ว หากหลักฐานครบถ้วนก็จะสามารถวินิจฉัยได้ในทันที

นายอภิชาต กล่าวว่า ส่วนการพิจารณา 16 ส.ว.ถือหุ้นขัดต่อรัฐธรรมนูญที่กกต.ได้พิจารณาไปก่อนหน้านี้และเชื่อตามความเห็นของที่ปรึกษากฎหมายของกกต.นั้น กกต.ไม่มีหลักว่าจะไปเชื่อใคร แต่เห็นว่าอนุกรรมการพิจารณา ของส.ว.ยังก้ำกึ่งอยู่จึงขอให้ที่ปรึกษากฎหมายกกต.ได้ดูข้อกฎหมาย ยืนยันว่ากกต.ไม่ได้พิจารณา 16 ส.ว.ก่อนหน้านี้โดยทันที เพราะกกต.ก็ได้พิจารณามานานแล้ว ดังนั้น หากไม่มีปัญหาในข้อกฎหมายกกต.ก็ไม่จำเป็นต้องตั้งที่ปรึกษากฎหมายในส่วนของส.ส. ซึ่งการจะเสนอให้ที่ปรึกษากฎหมายนั้นก็เพื่อความยุติธรรมและชัดเจนในข้อกฎหมาย

ส่วนจะพิจารณากรณี 44 ส.ส.ถือหุ้นในคราวเดียวกับ 28 ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ นายอภิชาต กล่าวว่า ว่า ยังไม่ทราบว่าจะพิจารณาในวันเดียวกันหรือไม่ แต่ที่ทราบขณะนี้คือได้พิจารณากันคนละคณะกัน เพราะพยานคนละชุดกันแล้ว แค่พิจารณา 44 ส.ส.ก็หนักอยู่แล้วจะให้รวมพิจารณากับ 28 ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ก็คงตาย

"ที่มีปัญหาอยู่ในการตรวจสอบขณะนี้ก็เป็นเรื่องบริษัทที่เป็นสัมปทานกับภาครัฐ ที่เห็นเบื้องต้นจากอนุฯชุดแรกทำได้ละเอียดมากว่าบริษัทใดเข้าข่ายหรือไม่เข้าข่าย ซึ่งผมดูแล้วไม่สงสัยแยกเป็นกลุ่มได้ชัดเจน แต่ตอนนี้ยังมีปัญหาเถียงกันในเรื่องบริษัทว่าบริษัทใดจะเข้าข่ายลักษณะต้องห้ามของรัฐธรรมนูญ ซึ่งกกต.ก็อยากให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทุกชุด นายอภิชาต กล่าว

นายอภิชาต ยืนยันว่า การพิจารณา ส.ส.ถือหุ้น กกต.ไม่หนักใจ เพราะทำงานมา 3 ปีแล้ว กกต.ทำงานให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายโดยตลอด และเรื่องนี้จะยึดมาตรฐานของกกต.เท่านั้นที่เคยพิจารณามาก่อนหน้านี้ ไม่มีการมาวิ่งให้เบี่ยงเบนหรือเอนเอียงต่อการวินิจฉัยใดๆทั้งสิ้น

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook