ปชป.ติง ตร.ตั้งข้อหา''กษิต''ก่อการร้ายแรงเกิน

ปชป.ติง ตร.ตั้งข้อหา''กษิต''ก่อการร้ายแรงเกิน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.30 น. วันนี้ (5 ก.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายสาธิต ปิตุเตชะ กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า การที่เจ้าหน้าที่ตำรวจออกหมายเรียกแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งรวมถึง นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ในข้อหาใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง และก่อการร้าย จากคดีกลุ่มพันธมิตรฯ บุกยึดสนามบินดอนเมืองและสนามบินสุวรรณภูมิ ว่า เป็นปกติตามกระบวนการยุติธรรมในชั้นพนักงานสอบสวน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจก็มีหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐานที่มีอยู่กับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น และวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า การกระทำของบุคคลหรือกลุ่มบุคคลจะเข้าองค์ประกอบในกฎหมายความผิดมาตราใด ส่วนขั้นตอนต่อไปเป็นเรื่องที่พนักงานอัยการจะเห็นด้วยหรือไม่ในสิ่งที่พนักงานสอบสวนสรุปมา ซึ่งเมื่อพยานหลักฐานถึงพนักงานอัยการอาจจะไม่ส่งฟ้อง หรือศาลอาจจะยกฟ้องในภายหลัง สำหรับการที่พรรคเพื่อไทยเรียกร้องให้ นายกษิต ลาออกนั้น ถือว่าเป็นสิทธิของ นายกษิต ว่าจะตัดสินใจทำตามหรือไม่

นายสาธิต กล่าวอีกว่า ส่วนตัวเห็นว่า การตั้งข้อหาก่อการร้ายนั้นรุนแรงเกินไป เพราะการยึดสนามบินเพื่อโค่นล้มรัฐบาล กับการก่อการร้าย มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาคนละมาตรา โดยหลักกฎหมายจะใช้เจตนาเป็นสำคัญ ถ้าตำรวจตั้งข้อกล่าวหาผิด ศาลอาจจะยกฟ้องภายหลังได้ ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวเป็นการแสดงให้เห็นว่า รัฐบาลใช้มาตราเดียว ดังนั้น แกนนำพรรคเพื่อไทยและสมาชิกบ้านเลขที่ 111 ที่เคยกล่าวหาว่า รัฐบาล 2 มาตรฐาน ต้องออกมากลับคำพูดของตัวเอง

ด้าน นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การเรียกร้องให้ นายกษิต ลาออก เป็นสิ่งที่ไม่เป็นธรรม เพราะ นายกษิต เพิ่งได้รับเพียงหมายเรียก ทำไมพรรคเพื่อไทยจึงด่วนให้ นายกษิต แสดงความรับผิดชอบ ตนอยากให้พรรคเพื่อไทยกลับไปดูเจ้านายของตัวเองที่ถูกศาลตัดสินจำคุกเป็นเวลา 2 ปี ในคดีทุจริตจัดซื้อที่ดินย่านรัชดา ทำไมจึงไม่เรียกร้องให้กลับมารับโทษบ้าง ทั้งนี้ นายกฯ ได้ให้สัมภาษณ์ว่า จะให้ นายกษิต เดินทางไปตามหมายเรียก โดยจะรอให้คดีถึงชั้นอัยการสูงสุดก่อน แล้วจึงมาดูรายละเอียดว่าจะทำอย่างไรต่อไป และหลังจาก นายกษิต ไปตามหมายเรียกและรับทราบข้อกล่าวหา คณะทำงานฝ่ายกฎหมายของพรรคจะเข้าไปดูช่องทางในการต่อสู้คดีของ นายกษิต และ นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ แต่ขึ้นอยู่กับความสมัครใจของทั้งสองด้วยว่า จะใช้ทีมทนายความของแกนนำพันธมิตรฯ หรือทีมทนายความของพรรค ทั้งนี้ ส่วนตัวเห็นว่า ตราบใดคดียังไม่ถึงที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา นายกษิต ก็ยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ ยืนยันว่ารัฐบาลจะไม่เข้าไปแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม

ประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่มีมาตรฐานทางการเมืองสูงอยู่แล้ว เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม กฎเหล็ก 9 ข้อที่นายกฯ ตั้งไว้ ต้องได้รับการปฏิบัติแน่นอน แต่เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับกฎหมายป.ป.ช.จึงไม่จำเป็นต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ นายเทพไท กล่าว.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook