ดีแทคดีเดย์กดปุ่ม3Gต้นส.ค.นำร่องชัยภูมิใจกลางเมือง โฟกัสกลุ่มนศ.-คนทำงาน

ดีแทคดีเดย์กดปุ่ม3Gต้นส.ค.นำร่องชัยภูมิใจกลางเมือง โฟกัสกลุ่มนศ.-คนทำงาน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
แหล่งข่าวจาก บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น หรือดีแทค กล่าวกับ ประชาชาติธุรกิจ ว่า ดีแทคเปิดทดลองบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3G เทคโนโลยี HSPA เฟสแรก ซึ่งเป็นการอัพเกรดบริการบนโครงข่ายเดิมในคลื่นความถี่ 850 MHz ภายในสิ้นเดือน ก.ค.ถึงต้นเดือน ส.ค.นี้ โดยจะมีการจำกัดพื้นที่การให้บริการเป็นจุดๆ เลือกที่มีความพร้อมก่อน เริ่มที่บริเวณจามจุรีสแควร์ และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยเชิญกลุ่มเป้าหมายเข้ามาทำลองใช้บริการก่อน กลุ่มแรกเป็นนักศึกษาและคนทำงานบริเวณนั้น จำกัดจำนวนไว้ที่ 2,000-3,000 ราย มีระยะเวลาในการทดลองบริการ 2-3 เดือน ทั้งนี้เพื่อทดสอบตลาดและศึกษาพฤติกรรมการใช้งานของลูกค้า

เดิมเราตั้งใจว่าจะรอให้ ม.22 ผ่านก่อน เพราะไม่ต้องการแค่ทดลองบริการ อยากเปิดให้ใช้งานจริง เก็บตังค์ได้จริงมากกว่า แต่รอไปก็ไม่รู้ว่า ม.22 จะผ่านเมื่อไร ดังนั้นเพื่อไม่ให้เงียบเหงาเกินไปนัก สำหรับ 3G ของดีแทคจึงคิดว่าจะเปิดทดลองบริการไปก่อน โดยทยอยทำทีละส่วน แบ่งเป็นเฟสๆ เพราะไม่รู้ว่า ม.22 หรือกับการเปิดประมูลคลื่น 2100 MHz จะได้เห็นเมื่อใด ถ้ายังไม่มีอะไรคืบหน้าก็ทดลองไปเรื่อยๆ ซึ่งอาจขยับขยายฐานผู้ทดลองใช้ให้กว้างขึ้นอีกได้ ตอนนี้ทำเพื่อเก็บข้อมูลลูกค้าว่าเป็นใคร โปรไฟล์เป็นยังไง จัดอยู่ในเซ็กเมนต์ไหน เป็นต้น

นอกจากนี้ ดีแทคกำลังอยู่ระหว่างเตรียมการนำโทรศัพท์เคลื่อนที่ แบล็กเบอร์รี่ เข้ามาจำหน่ายภายใต้บริการของดีแทคด้วย โดยจะเซ็นสัญญากับบริษัท Research in Motion ภายในสิ้นเดือน ก.ค.นี้ด้วยเช่นกัน หลังจากนั้นเป็นช่วงเตรียมการนำเข้ามาทำตลาด ซึ่งต้องเซตระบบต่างๆ รองรับการบริการด้วย คาดว่าน่าจะวางจำหน่ายได้ประมาณเดือนตุลาคมเป็นอย่างช้า

สาเหตุที่เราต้องเอามาขายเพราะแบล็กเบอร์รี่เป็นโทรศัพท์ที่ต้องผูกไปกับโอเปอเรเตอร์ ต้องเชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ของ RIM ที่แคนาดา ไม่เหมือนไอโฟนที่ซื้อเครื่องที่อื่นมาใช้ซิมของเราก็ได้ ดังนั้นไม่ขายไอโฟนก็ไม่เป็นไร ลูกค้าซื้อเครื่องที่อื่นมาใช้ซิมของเราได้อยู่แล้ว ทั้งมีความเสี่ยงน้อยกว่าด้วย เพราะแบล็กเบอร์รี่สามารถสั่งเข้ามาเป็นลอตแค่หลักพันเครื่องได้ ต่างจากไอโฟนที่ต้องสั่งขั้นต่ำลอตละเป็นแสนเครื่อง โอกาสขาดทุนมีมากกว่ามาก

แหล่งข่าวคนเดิมกล่าวถึงกระแสความนิยมในการใช้โทรศัพท์มือถือสมาร์ตโฟนในปัจจุบันว่า ได้รับความสนใจมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในปีนี้ เนื่องจากพัฒนาการของเครื่องรุ่นใหม่ที่พัฒนาให้ฟังก์ชั่นการใช้งานง่ายขึ้นกว่าเดิมมาก เช่น มีหน้าจอระบบสัมผัส เช่น ไอโฟน, แบล็กเบอร์รี่ และมือถือหน้าจอทัชสกรีนหลากหลายยี่ห้อทำให้ตลาดกว้างขึ้น ประกอบกับสมาร์ตโฟนหลายรุ่นมีจุดขายที่รองรับการเล่นเว็บ social networking ซึ่งเชื่อว่าในอนาคตตลาดจะโตขึ้นได้อีกมาก

ด้วยความที่เป็นเครื่องไฮเอนด์ คนที่ใช้งานรวมๆ ทั้งตลาดน่าจะอยู่ที่หลักแสนราย เฉพาะแบล็กเบอร์รี่น่าจะสัก 2-3 หมื่น แต่ขนาดของตลาดมีโอกาสใหญ่ขึ้นกว่านี้ได้อีก เพราะแนวโน้มราคาเครื่องลดลงเรื่อยๆ อยู่แล้ว ขณะที่ user interface โอเคแล้ว มี social networking เข้ามาเสริมอีกทาง ถ้าจะมีข้อจำกัดก็แค่ราคาเครื่อง หากลงมาต่ำกว่า 10,000 บาท ได้ตลาดจะโตกว่านี้อีกมาก

ด้านนายสมชัย เลิศสุทธิวงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานการตลาด บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (เอไอเอส) กล่าวว่า กระแสความนิยมในการใช้สมาร์ตโฟน โดยเฉพาะ แบล็กเบอร์รี่ ยังคงมีความแรงอย่างต่อเนื่อง ทั้งโดยฟังก์ชั่นการใช้งานในตัวเครื่องที่โดดเด่นหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นฟังก์ชั่นธุรกิจ หรือโปรแกรมแชตที่ถูกใจคนรุ่นใหม่ ล่าสุดเอไอเอสยังได้มีการปรับลดราคาตัวแพ็กเกจบริการรายเดือนให้กับคนชื่นชอบการใช้แบล็กเบอร์รี่โดยเฉพาะอีกด้วย เพื่อขยายกลุ่มลูกค้าลงไปยังลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ จากเดิมแพ็กเกจ blackberry unlimited จะคิดค่าบริการ 850 บาท/เดือน ลดลงเหลือ 650 บาท/เดือน (ใช้ EDGE/GPRS ได้ไม่จำกัด) พร้อมมีแพ็กเกจ 400 บาท/เดือนให้เลือกเพิ่มเติม (ใช้ EDGE/GPRS ได้ 10MB ส่วนเกินคิด 0.10 บาท/KB)

ในแง่ยอดขายเชื่อว่าจะทำได้ไม่ต่ำกว่าเดือนละ 1,000 เครื่องสบายๆ แต่จะมากขึ้นแค่ไหนหลังปรับแพ็กเกจคงต้องรอดู แต่เชื่อว่าจะมีลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นได้เพราะขณะนี้กระแสความนิยมในการใช้แบล็กเบอร์รี่มีมากขึ้นมาก มีเครื่องหิ้วจากมาบุญครองเข้ามาขายเป็นจำนวนมาก เชื่อว่าลูกค้ากลุ่มนี้จะเข้ามาใช้บริการของเราด้วย

ด้านนายปพนธ์ รัตนชัยกานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ และรองหัวหน้ากลุ่มคณะผู้บริหารด้านการพาณิชย์ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หลังจากทรูรีแพ็กเกจค่าบริการรายเดือนสำหรับผู้ใช้แบล็กเบอร์รี่ รุ่น Bold ไปเมื่อกลางเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ปรากฏว่ามียอดขายเพิ่มขึ้นกว่า 70% จนต้องสั่งสินค้าลอตใหม่เข้ามามากขึ้น ขณะเดียวกันมีลูกค้าอีกเป็นจำนวนมากที่ซื้อเครื่องจากที่อื่น แต่มาใช้แพ็กเกจของทรูทำให้จำนวนฐานลูกค้าแบบจ่ายรายเดือนของทรูมูฟขยับเพิ่มขึ้น ทำให้คู่แข่งบางรายต้องปรับลดค่าบริการลงมาแข่งด้วย

เราพยายามอธิบายกับลูกค้าว่า แบล็กเบอร์รี่เป็นโทรศัพท์ที่เหมาะกับการใช้งานประเภท push mail เป็นหลัก ถ้าซื้อไปใช้ก็จะแนะนำว่าควรซื้อรุ่น Bold เพราะเป็นรุ่นเดียวในขณะนี้ที่ซื้อมาแล้วใช้ได้ครบทุกฟังชั่นทั้ง 3G และ Wi-Fi กว่า 17,000 จุดของทรู ขณะที่รุ่นอื่นๆ บางรุ่นไม่รองรับ Wi-Fi เร็วๆ นี้จะนำรุ่นใหม่ๆ เข้ามาขายเพิ่มเติมด้วยแต่ต้องเป็นรุ่นที่รองรับ 3G และ Wi-Fi

สำหรับไอโฟน รุ่น 3G S อยู่ระหว่างเตรียมเปิดตัวในเดือนหน้า โดยจะนำรุ่น 16GB และ 32GB เข้ามาทำตลาด ซึ่งไอโฟนรุ่นใหม่มีจุดเด่นในการประมวลผลการทำงานที่เร็วขึ้น 2-3 เท่า จึงเหมาะกับการใช้งานประเภทวิดีโอและเกม เชื่อว่าหลังจากนี้จะมีคอมมิวนิตี้เกี่ยวกับเกมบนไอโฟนเกิดขึ้นอีกมาก และเร็วๆ นี้ยังเตรียมนำโทรศัพท์มือถือที่ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์เข้ามาทำตลาดด้วย แต่โฟกัสหลักของทรูยังคงเป็นไอโฟน เพราะเป็นอุปกรณ์ที่สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นคอนเวอร์เจนซ์

ทั้งนี้ แพ็กเกจรายเดือนแบล็กเบอร์รี่ของทรู เดิมมีราคาเดียวคือ 850 บาท/เดือน แต่แพ็กเกจใหม่มี 3 แบบ ได้แก่ 1.449 บาท/เดือน ใช้ GPRS ได้ 30 MB 2.แพ็กเกจ 599 บาท/เดือน ใช้ GPRS ได้ไม่จำกัด ทั้ง 2 แบบนี้คิดค่าบริการเสียงนาทีละ 1.25 บาททุกโครงข่าย และ 3.แพ็กเกจ 899 บาท/เดือน ใช้ GPRS และ Wi-Fi ไม่จำกัดโทร.ในเครือข่ายทรูมูฟฟรี นอกโครงข่ายคิดนาทีละ 1.25 บาท ซึ่งแพ็กเกจดังกล่าวจะจำหน่ายไปกับรุ่น Bold เพียงรุ่นเดียว (ราคา 22,900 บาท หากซื้อเฉพาะเครื่องเปล่า ราคา 25,500 บาท)

นายไพโรจน์ ถาวรสภานันท์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีจีโฟน จำกัด กล่าวว่า ตลาดสมาร์ตโฟนโตขึ้นเพราะมีรุ่นใหม่เข้าสู่ตลาด เช่น โนเกีย N97 และแบล็กเบอร์รี่ เป็นต้น โดยในครึ่งปีหลังมีแนวโน้มโตขึ้นอีกเพราะเทคโนโลยี แอปพลิเคชั่นและดีไซน์มีการพัฒนามากขึ้น รวมถึงระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ของอินเตอร์แบรนด์และแบรนด์ใหม่ๆ

แบล็กเบอร์รี่ในปัจจุบันเป็นเครื่องหิ้วเยอะมาก เพราะความแรงของดีไซน์และแอปพลิเคชั่นที่โดนใจลูกค้าคอนซูเมอร์ จากเดิมเน้นเฉพาะกลุ่มนักธุรกิจ โดยแบล็กเบอร์รี่ที่วางขายในเกรย์มาร์เก็ตจะถูกกว่าที่โอเปอเรเตอร์ขายมาก

ก่อนหน้านี้ ประชาชาติธุรกิจ ได้สำรวจราคาแบล็กเบอร์รี่ที่มีการวางจำหน่ายที่มาบุญครอง พบว่ามีราคาดังนี้ เช่น รุ่น Curve ราคา 15,500 บาท รุ่น Bold 21,500 บาท และ Storm ราคา 16,900 บาท ขณะที่เครื่องที่ขายพร้อมแพ็กเกจจากผู้ให้บริการ เช่น เอไอเอส อยู่ที่รุ่น Strom ราคา 29,900 บาท หรือ Curve รุ่นเดิม 17,500 บาท รุ่นใหม่ 25,500 บาท และ Bold ราคา 25,500 บาท เป็นต้น

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook