พบส.ส.-ส.ว.อ้วนลงพุง เสี่ยงความดัน-เบาหวาน2เท่า

พบส.ส.-ส.ว.อ้วนลงพุง เสี่ยงความดัน-เบาหวาน2เท่า

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
จากที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี และคณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล และเครือข่ายคนไทยไร้พุง จัดกิจกรรม สุขภาพฟิต พิชิตหวัด ระหว่างวันที่ 17-18 และ 22 มิถุนายนที่ผ่านมา เพื่อตรวจหาปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพที่ก่อให้เกิดโรค

นายณรงค์ศักดิ์ อังคะสุวพลา อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ผลการตรวจสุขภาพ ส.ส. 81 คน ส.ว. 39 คน พบว่า สุขภาพของ ส.ส.ชาย มีภาวะอ้วนลงพุง (รอบเอวเกิน 90 ซ.ม.) 44% ปริมาณไขมันในช่องท้องเกินค่ามาตรฐาน 82% สุขภาพของ ส.ส.หญิง มีภาวะอ้วนลงพุง (รอบเอวเกิน 80 ซ.ม.) 67% ปริมาณไขมันในช่องท้องเกินค่ามาตรฐาน 44% ความฟิตของร่างกายเฉลี่ยอยู่ในเกณฑ์ปานกลาง ขณะที่สุขภาพของ ส.ว.พบว่า เกือบทั้งหมดของจำนวน ส.ว.เข้าร่วมตรวจสุขภาพมีไขมันในช่องท้องเกินเกณฑ์มาตรฐาน มากกว่า 80% ขึ้นไป ส่วนความฟิตของร่างกายในอยู่เกณฑ์ปานกลาง ใกล้เคียงกับ ส.ส.

บ่งชี้ได้ว่า ส.ส. และ ส.ว. ซึ่งมีค่าเฉลี่ยอายุมากกว่าบุคคลทั่วไป และมีกิจกรรมที่เคลื่อนไหวน้อย ทำให้มีโอกาสเสี่ยงต่อโรคความดัน เบาหวาน ไขมันในเลือดสูงกว่าคนทั่วไปถึง 2 เท่า เนื่องจากภาวะอ้วนลงพุงหรือไขมันในช่องท้องเกินค่ามาตรฐาน เป็นไขมันเสี่ยงต่อการเกิดภาวะดื้ออินซูลินที่ส่งผลต่อการเกิดโรคเบาหวาน ความดัน และไขมันในเลือดสูงกว่าคนทั่วไป แนวทางแก้ไขจึงควรสร้างสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการลดน้ำหนัก ลดอาหารที่มีรสหวาน มัน เค็ม ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และพักผ่อนให้เพียงพอ นายณรงค์ศักดิ์กล่าว

นพ.ฆนัท ครุธกูล ผู้จัดการศูนย์หัวใจหลอดเลือด และเมแทบอลิซึม โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้ ส.ส. และ ส.ว.มีน้ำหนักเกินเนื่องจากลักษณะงานที่ต้องประชุมบ่อยครั้งและการลงพื้นที่งานต่างๆ ทำให้ต้องบริโภคอาหารบ่อย โดยเฉพาะอาหารว่าง จึงควรให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมในที่ทำงาน เช่น ลดปริมาณอาหารว่างที่เป็นขนมหรือน้ำหวานเพื่อจะให้สุขภาพดีขึ้น

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook