วงเสวนาเห็นพ้อง "ลดงบกลาโหม" เพื่อสวัสดิการส่วนรวม

วงเสวนาเห็นพ้อง "ลดงบกลาโหม" เพื่อสวัสดิการส่วนรวม

วงเสวนาเห็นพ้อง "ลดงบกลาโหม" เพื่อสวัสดิการส่วนรวม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สภาที่ 3 ชี้ รัฐบาลใช้งบเกินตัวและไม่ก่อประโยชน์ เมินสิ่งแวดล้อมและนโยบายที่เคยหาเสียง พร้อมเสนอลดงบกลาโหม สร้างสวัสดิการถ้วนหน้า

เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม ภาคประชาชนในนาม สภาที่ 3 ร่วมกับคณะกรรมการญาติพฤษภา 35 ที่จัดเสวนาโต๊ะกลม “งบประมาณพัฒนาประเทศได้จริงหรือ?”

นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า การส่งออกไทยลดลงอย่างชัดเจนและการใช้กำลังการผลิตเหลือเพียง 65.8% ต่อเดือนเท่านั้น หมายถึง การลงทุนภาคเอกชนจะไม่เกิดขึ้น ขณะที่มีการตกงานและการเลิกจ้างรวมถึงคนฆ่าตัวตายจากภาวะเศรษฐกิจแทบทุกสัปดาห์ ซึ่งปัญหาหลักเกิดจาก การบริหารจัดการภาครัฐที่ไม่มีประสิทธิภาพโดยเฉพาะจากการรวมศูนย์

นายธนาธร ได้ยกตัวอย่างโครงการที่ไม่เหมาะสมในแผนงบประมาณ ของหน่วยงาน DEPA ในกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ที่จะจัดโรดโชว์ 2 ครั้ง ใช้เงิน 410 ล้านบาท มีตัวชี้วัดคือเพื่อให้เกิดการลงทุน 300 ล้านบาท แทนที่จะเอาเงิน 300 ล้านไปลงทุนเลยดีกว่า เพราะยังเหลืออีก 110 ล้านบาทไปใช้อย่างอื่น นอกจากนี้ยังมีงบตามแผนบูรณาการจัดการมวลพิษและขยะมูลฝอย ใช้งบ 416 ล้าน ลงทุน 111 ล้านบาท หรือ 26 % เท่านั้น อีก 74 % เป็นค่าดำเนินการ ทั้งค่าติดตาม ค่าสัมมนา ไปจนถึงค่าประชาสัมพันธ์

โดยเสนอกรอบคิดของพรรคอนาคตใหม่และเป็นข้อเสนอต่อรัฐบาล คือ
1.)​ ลดงบดำเนินการมาเป็นงบลงทุน โดยเฉพาะพัฒนาสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน
2.)​ เปลี่ยนการตัดสินใจด้านงบประมาณจากรัฐส่วนกลาง ให้ท้องถิ่นดำเนินการ
3.)​ ทำเมกะโปรเจกต์ ที่เอื้อประโยชน์กลุ่มทุนให้น้อยลง ให้เป็นการลงทุนเพื่อคนทุกคน
4.)​ สร้างสวัสดิการสังคม ยกระดับจากระบบอนาถาเป็นสวัสดิการถ้วนหน้า

ขณะที่ นายนิติรัตน์ ทรัพย์สมบูรณ์ ผู้ประสานงานเครือข่ายรัฐสวัสดิการเพื่อความเท่าเทียมและเป็นธรรม กล่่าวว่า แม้ไม่ได้คาดหวังกับรัฐบาลชุดนี้มากนัก แต่รู้สึกผิดหวังอย่างยิ่งเมื่อเห็นร่างงบประมาณ และเชื่อว่าไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ที่สำคัญคือ ไม่มีงบสำหรับนโยบายต่างๆ ที่พรรคการเมืองใช้หาเสียงแม้แต่ของพรรคร่วมรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นประเด็นเรื่องค่าแรง, สวัสดิการผู้สูงอายุและเด็กอ่อน รวมถึงที่เกี่ยวกับการศึกษาและที่ดิน

นายนิติรัตน์ ระบุด้วยว่า มีหลายกระทรวงได้งบประมาณเพิ่มขึ้นอย่างไม่จำเป็น เเละเห็นว่า หากตัดงบฯ กลาโหมลงแค่ 10 % จะสามารถนำมาเพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุจาก 600 เป็น 1,000 บาทได้ประมาณ 1 ล้านคน, ช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วมครอบครัวละ 5,000 บาทได้ 1 ล้านครอบครัว, ให้สวัสดิการเด็กถ้วนหน้า 600 บาทต่อเดือนต่อคนได้ประมาณ 8 แสนคน, ฟื้นฟูผู้ป่วยและซื้อเตียงผู้ป่วยได้ประมาณ 4 แสนเตียง

ทางด้าน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ศรีสมภพ จิตร์ภิรมย์ศรี ผู้อำนวยการศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ใต้ จากคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์​ วิทยาเขตปัตตานี กล่าวถึงการบริหารงบประมาณที่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ถูกล็อคหรือกำหนดเอาไว้ล่วงหน้าแล้วจากยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีในรัฐธรรมนูญและ พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณฉบับใหม่ปี 2561 ในยุค คสช. โดยระบุว่า ภาครัฐมีแผนงบประมาณบูรณาการการใช้งบประมาณเพื่อขับเคลื่อนการแก้ปัญหาแบ่งงบตามแผนงานต่างๆ แต่ไม่ได้มีเป้าหมายว่าจะแก้ปัญหาได้อย่างไร เพียงแค่ใช้การขับเคลื่อนเป็นตัวชี้วัดเท่านั้น โดยงบต่างๆ กระจายไปอยู่ในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและกระทรวงต่างๆ ไม่ได้เป็นก้อนเดียวกัน หรือเป็นลักษณะการ "ซ่อนงบ" จึงติดตามดูงบประมาณโดยรวมที่ใช้ในการแก้ไขปัญหาได้ยาก 

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ศรีสมภพ เสนอ 2 ประเด็นเกี่ยวกับการใช้งบประมาณและการแก้ปัญหาภาคใต้ คือ
1.) ต้องสนใจประเด็นเรื่องตัวชี้วัดความสำเร็จ ไม่ดูแค่จำนวนครั้งของการก่อเหตุว่าลดลงเท่านั้น แต่ต้องดูผลกระทบทางด้านการพัฒนาด้านอื่นโดยเฉพาะด้านความยุติธรรมในพื้นที่ด้วย
2.)​ งบประมาณภาครัฐที่เกี่ยวข้องต้องให้ประชาชนทราบที่มาที่ไป โดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวกับความมั่นคงและเรื่องที่มีความอ่อนไหวทางสังคม

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook