กษิตอ้างไม่ได้ทำผิด-ไม่ลาออก
จากนั้นนายกษิต เดินทางไปบรรยายที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีโอ๊กแลนด์ ในหัวข้อสถานการณ์ปัจจุบันในประเทศไทยและแนวโน้มในอนาคต โดยมีอาจารย์และนักศึกษาไทยและต่างชาติเข้าร่วมฟังบรรยายประมาณ 50 คน ผู้ร่วมฟังบรรยายคนหนึ่งถามว่า เป็นความบังเอิญหรือไม่ ที่รมว.ต่างประเทศไทย เดินทางมานิวซีแลนด์ ขณะที่พ.ต.ท.ทักษิณ ก็อยู่ในประเทศใกล้เคียงแถบนี้ นายกษิต ตอบว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางไปทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศที่แปลกๆ บางประเทศมีการเลือกตั้งแต่ก็ไม่เป็นประชาธิปไตย หรือบางประเทศอาจยอมรับเงิน 3 ร้อยล้านเหรียญแลกกับการให้พาสปอร์ตและให้พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าประเทศ แต่ประเทศที่ทำแบบนั้นก็ไม่ใช่ประเทศที่เจริญแล้วอย่างนิวซีแลนด์แน่นอน
นายกษิต กล่าวโจมตีพ.ต.ท.ทักษิณว่า ไม่มีมาตรฐานทางจริยธรรม ไม่ได้พูดความจริงกับประชาชน เช่น เรื่องอดีตภรรยาของเขาก็เป็นชนชั้นนำในกรุงเทพ มาจากตระกูล ณ ป้อมเพชร รวมทั้งตัว พ.ต.ท.ทักษิณเอง ก็เป็นชนชั้นนำในจ.เชียงใหม่ แล้วยังมาบอกว่าตัวเองเป็นคนของประชาชน นอกจากนั้นนายกษิต กล่าวถึงการดำเนินนโยบายต่างประเทศโดยเฉพาะกับประเทศเพื่อนบ้านว่า ตนและนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี มีความชัดเจนว่าการดำเนินนโยบาย ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของครอบครัวอย่างแน่นอน จากนั้น นายกษิตพูดถึงปัญหาชายแดนภาคใต้ ที่มีความคิดแบ่งแยกดินแดน มีการค้ามนุษย์และมีมาเฟีย ซึ่งเห็นว่าถึงเวลาแล้วที่สังคมควรพูดความจริงเพื่อแก้ปัญหา
นายกษิต ยังกล่าวถึงการถูกดำเนินคดีข้อหาก่อการร้ายว่า นอกจากตนจะเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์แล้ว ก็ยังเคยเข้าร่วมปราศรัยบนเวทีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยด้วย โดยเป็นเพียงคนพูดอภิปราย แต่บางคนคงคิดว่าตนเป็นผู้จัดตั้งหรือบงการ จึงกล่าวหาว่าตนเป็นผู้ก่อการร้าย
ต่อมาเวลาประมาณ 22.00 น. ตามเวลาในท้องถิ่น ผู้สื่อข่าวไทยถามถึงความคืบหน้าการติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ แต่นายกษิต ปฏิเสธที่จะพูดถึงโดยยิ้มและตอบสั้นๆ ว่า เสียเวลาเปล่าๆ
ต่อข้อถามถึงกระแสกดดันให้ลาออกจากตำแหน่ง นายกษิต ถามกลับว่า ตนทำผิดอะไร และหากความผิดนั้น เป็นความผิดเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินนโยบายต่างประเทศ มีผลประโยชน์ส่วนตัวเข้าไปเกี่ยวข้อง หรือไปแอบเซ็นความตกลงระหว่างประเทศอย่างลับๆ ล่อๆ ไม่เปิดเผยมีผลกระทบต่อประเทศ ความผิดเช่นนี้ตนจึงจะพิจารณาว่าควรลาออกหรือไม่ ขณะที่ในส่วนการถูกกล่าวหาว่าก่อการร้ายนั้น จะต้องมีการพิสูจน์ข้อเท็จจริงเสียก่อน มิเช่นนั้น หากมีใครนึกอยากจะตั้งข้อหาเถื่อน คนที่ถูกกล่าวหาก็ต้องลาออกกันหมด
ผู้สื่อข่าวถามว่าการเมืองใหม่ควรมีบรรทัดฐานใหม่หรือไม่ นายกษิต กล่าวว่า บรรทัดฐานมีอย่างเดียวคือความถูกต้อง ซึ่งตนได้ทำในสิ่งที่ถูกต้องมาตลอด