พ่อพามอบตัวแล้ว หนุ่มขับเก๋งฝ่าเขตหวงห้ามสุวรรณภูมิ ลั่นวลีเด็ด "การท่าฯ แล้วใหญ่เหรอ"

พ่อพามอบตัวแล้ว หนุ่มขับเก๋งฝ่าเขตหวงห้ามสุวรรณภูมิ ลั่นวลีเด็ด "การท่าฯ แล้วใหญ่เหรอ"

พ่อพามอบตัวแล้ว หนุ่มขับเก๋งฝ่าเขตหวงห้ามสุวรรณภูมิ ลั่นวลีเด็ด "การท่าฯ แล้วใหญ่เหรอ"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จากกรณีคลิปของชายคนหนึ่ง ซึ่งได้ขับรถยนต์โตโยต้า แคมรี่ เข้าไปภายในพื้นที่ควบคุมของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยไม่ยอมรับบัตรจอดจากเจ้าหน้าที่ เมื่อเจ้าหน้าที่มาห้ามก็แสดงท่าทีไม่พอใจ โดยพบว่าชายคนนี้มีท่าทีคล้ายคนเมา แสดงท่าทีอาละวาดด่าทอ ถามว่า "การท่าฯ แล้วใหญ่เหรอ" ก่อนไล่ทุบรถของเจ้าหน้าที่สายตรวจ จนกระจกมองข้างได้รับความเสียหาย แถมยังแย่งหมวกที่ติดกล้องของเจ้าหน้าที่ขว้างลงพื้น เจ้าหน้าที่พยายามควบคุมสถานการณ์อยู่ 2 ชั่วโมง กระทั่งมีชายสูงอายุมารับจึงยอมขึ้นรถออกไป

ต่อมา (23 ต.ค.62) เจ้าหน้าที่ รปภ. ท่าอากาศสุวรรณภูมิ สมุทรปราการ กว่า 10 คน ซึ่งอยู่ในที่เกิดเหตุ ได้เดินทางเข้าให้ปากคำกับเพิ่มเติมพนักงาน สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดย มีนายกิตติพงษ์  กิตติขจร รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สายปฏิบัติการ 1 เดินทางมาร่วมรับฟังการให้ปากคำของพนักงานท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พร้อมเปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ที่มีคนเมาสุราเข้ามาเข้าตั้งแต่คืนวันที่ 22 ตุลาคม ทางสุวรรณภูมิดูในข้อกฎหมายแล้ว เราจะแจ้งความใน 2 ข้อกฎหมาย ประกอบด้วยในเรื่องบุกรุกในยามวิกาลพื้นที่ของท่าอากาศยาน

ส่วนอีกข้อเป็นการละเมิดการรักษาความปลอดภัยท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นคดีอาญาทั้งสองข้อ แต่ในส่วนของบริษัท ASM ซึ่งเป็นบริษัทรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ตรงนั้น ซึ่งรถยนต์ได้รับความเสียหายจากการกระทำของชายคนดังกล่าว ทางบริษัทก็ได้แจ้งความดำเนินคดีแล้วอีกกรณีหนึ่ง และตนได้ทราบจากพนักงานสอบสวนว่าในวันนี้ทางผู้กระทำความผิดจะเดินทางเข้ามาพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา และพร้อมที่จะชดใช้ค่าเสียหาย

คนก่อเหตุเท่าที่ทราบไม่มียศไม่มีตำแหน่งอะไรทั้งนั้นเป็นพลเรือน แต่เป็นนักธุรกิจ ซึ่งจริงๆ เราก็อยากจะทราบว่าเขามีเหตุอันใดที่ต้องเข้าไปในเขตคลังสินค้าในช่วงกลางดึกของคืนวันที่เกิดเหตุ เพราะว่าเราเห็นจากภาพแล้วว่าคนผู้นี้ขับรถเลยไปแล้วแต่ถอยหลังกลับเข้ามาแล้วก็เข้าพื้นที่ไป เจ้าหน้าที่ที่อยู่ในตู้ซึ่งมีหน้าที่ส่งบัตรให้กับคนที่จะเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าว เพราะทุกที่ต้องมีการรับบัตร ก็ยื่นบัตรให้แต่รถคันดังกล่าวก็วิ่งผ่านไป เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ ที่จะต้องรีบแจ้งไปที่ศูนย์รักษาความปลอดภัยว่ามีรถวิ่งผ่าเข้าไปในพื้นที่คลังสินค้าในเวลาตีสอง ซึ่งเป็นยามวิกาลมากๆ  พอเจ้าหน้าที่เข้ามาก็เป็นสาเหตุที่สร้างความไม่พอใจให้กับชายคนนี้ 

โดยเจ้าหน้าที่คนแรกที่ไปพบกับเขาก็แจ้งว่าให้ย้อนกลับไปรับบัตร แต่ชายคนดังกล่าวก็ไม่พอใจ จนเจ้าหน้าที่เวรของการท่าทราบข่าวจึงได้ลงร่วมเจรจา แต่ก็ได้รับคำตอบแบบท้าทายโดยใช้คำหยาบอย่างที่เห็น และเท่าที่สอบถามเจ้าหน้าที่ที่อยู่ที่เกิดเหตุ ทราบว่าผู้ที่เข้ามาก่อเหตุอยู่ในอาการมึนเมาสุรามาก และเมื่อช่วงหัวค่ำของวานนี้ทางบิดาของผู้กระทำผิดก็ได้โทรศัพท์เข้ามาขอโทษเจ้าหน้าที่ พร้อมทั้งบอกว่าพร้อมที่จะพาเจ้าตัวมาพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาและพร้อมชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นทุกกรณี นั่นจึงเป็นสาเหตุว่าทำไมเจ้าหน้าที่ต้องปล่อยตัวกลับไป ซึ่งปกติเราจะไม่ปล่อยให้ชายคนนี้ขับรถออกไปแน่นอน แต่บังเอิญชายคนนี้มีพ่อมารับ ซึ่งเป็นสาเหตุที่เจ้าหน้าที่ไม่จับกุม ตรงนี้เราถือว่าการกระทำตรงนี้เป็นการละเมิดมาตรการรักษาความปลอดภัยแน่นอน ก็อยากให้เป็นอุทาหรณ์ สำหรับคนที่เมาสุราแล้วไมได้สติและก็ไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก

ด้าน พ.ต.อ.พิจิตร อังศุภานิช ผกก.สอบสวน สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ  กล่าวว่า เบื้องต้นเท่าที่สอบปากคำทราบว่าเข้าข่ายความผิด บุกรุกในพื้นที่ของท่าอากาศยาน และก็ความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ และความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นและอาจมีข้อหาเพิ่มอีก เช่นการก่อความเดือดร้อนรำคาญหรือส่งเสียงอื้ออึง ซึ่งก็มีข้อหาหลักๆ ประมาณนี้ ซึ่งพฤติกรรมก็ปรากฏตามคลิปที่เห็น ซึ่งในเรื่องความมึนเมาเราก็ไม่ได้มีหลักฐานอะไรชัดเจนมากนัก แต่ดูจากพฤติกรรมและลักษณะทั่วไปก็พอที่จะสันนิษฐานได้บ้าง ล่าสุดทางบิดาของผู้ก่อเหตุได้ติดต่อเข้ามาว่าจะพบพนักงานสอบสวนในวันนี้

ล่าสุดในเวลา 15.00 น. นายวัฒนา พ่อของ นายพศวัต ได้พาบุตรชายที่ก่อเหตุเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา หลังบุตรชายขับรถเก๋ง สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร เข้ามาในพื้นที่ฟรีโซน ของ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ แต่ไม่รับบัตร เข้า-ออก เจ้าหน้าที่จึงเรียกให้หยุด เพื่อให้ไปรับบัตร แต่กลับลงมาต่อว่า ใช้วาจาไม่สุภาพ รวมทั้งทุบฝากระโปรงรถ ใช้เท้าถีบกระจกมองข้าง รถสายตรวจของ ท่าอากาศยานฯ ได้รับความเสียหาย เหตุเกิดช่วงดึกคืนวันที่ 22 ตุลาคมที่ผ่านมา

นายวัฒนา ผู้เป็นพ่อเปิดเผยว่า วันนี้ได้พาบุตรชายเข้าพบตำรวจ เพราะเห็นว่าบุตรชายกระทำการผิดจริง เหตุเนื่องมาจากการดื่มสุราจนเมาคุมสติตัวเองไม่ได้ ประกอบกับเครียดเรื่องงานและมีปัญหาส่วนตัว และมานั่งดื่มสุราที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่งปกติลูกชายตนจะมีคนขับรถให้เสมอ แต่ในวันที่เกิดเหตุคนขับรถได้กลับบ้านก่อนปล่อยให้ลูกของตนขับรถเองจนมากก่อเหตุดังกล่าว  แต่การกระทำของลูกชายตน ซึ่งขณะที่ตนมารับตัวกลับไปตนก็ทำโทษบุตรชายตามแบบฉบับของตนต่อหน้าสาธารณชน เพื่อชี้ชัดเจตนาว่า ไม่ส่งเสริมให้บุตรชาย มีและแสดงพฤติกรรมในทางที่ผิด ขณะที่นายพศวัตก็ยอมรับว่า กระทำผิดจริง และขณะเกิดเหตุก็อยู่ในอาการเมาสุรา 

ล่าสุด พนักงานสอบสวน อยู่ระหว่างสอบปากคำ นายพศวัตและผู้ที่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์ เบื้องต้น มีการแยกแจ้งความเป็น 2 ส่วน โดย ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เข้าแจ้งความในข้อหา บุกรุกยามวิกาล รวมทั้งละเมิดมาตรการรักษาความปลอดภัยของ ท่าอากาศยานฯ ขณะที่ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ซึ่งอยู่ในส่วนของบริษัทผู้รับสัมปทาน หรือ Outsource ก็แจ้งความให้ดำเนินคดีในข้อหา ทำลายทรัพย์สินได้รับความเสียหาย ตามคลิปภาพที่ปรากฏต่อไป

 

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook